ถึงวันนี้ คำว่า "ล้มเหลว" ใช้ได้หรือไม่กับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพื่อไทย
เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ครับ ว่ายังไม่ล้มเหลว
และผมก็เห็นเหมือน ๆ กับ อ.นิธิ และอีกหลาย ๆ ท่านครับ ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี
ดีตรงหลักที่ว่า (ก็ อ.นิธิแหละครับว่าอีก) ทำไมต้องปล่อยให้การขาดทุนตกเป็นภาระของชาวนาฝ่ายเดียว
ชาวนานั้น ทำนา ขายข้าวขายทุนมาชั่วนาตาปีครับ โดยมีพ่อค้าเป็นเสือนอนกิน ฟันกำไรเนื้อ ๆ ตลอดมา
เมื่อก่อน รัฐบาลช่วยก็ช่วยโรงสีซะเป็นหลัก มีโครงการให้เงินยืมโรงสีในการซื้อข้าวจากชาวนา
ด้วยการอ้างว่าเป็นการให้โรงสีมีทุนในการซื้อข้าวจากชาวนา เป็นการช่วยชาวนา
แต่ความจริงมันคือการอุ้มพ่อค้า ช่วยพ่อค้า แล้วนักการเมืองซีกรัฐก็รับใต้โต๊ะแบบเนียน ๆ
หรือนักการเมืองนั่นแหละเป็นเจ้าของโรงสี เป็นพ่อค้าส่งออกข้าวซะเอง
เมื่อมีโครงการประกันราคา มันก็คือการช่วยพ่อค้าอีกนั่นแหละ
เพราะโรงสีซื้อห้าบาท ชาวนาอยากขาย 7 บาท รัฐก็ต้องช่วยพ่อค้าสองบาท
แถมดีไม่ดี ไม่มีนาไม่มีข้าว มีแต่ชื่อ ก็รับเนื้อ ๆ เต็ม ๆ ไปเจ็ดบาทเลย
ในมุมมองของผม ผมเชื่อครับว่ารัฐบาลเพื่อไทยมีเจตนาดีในการช่วยชาวนา
ที่ใคร ๆ มองว่า การช่วยแบบนี้ไม่ดี แจกเงินชาวนาโดยตรงเลยซะยังดีกว่า
น่าจะไปช่วยชาวนาในการลดต้นทุนการผลิตดีกว่า อะไรทำนองนี้
ผมมองว่า รัฐบาลก็คงคิดงั้นครับ คือคิดเรื่องช่วยชาวนาในเรื่องเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน
แต่ในการ "จัดลำดับความสำคัญ" นั้น ผมมองว่ารัฐบาลคิดถูก
คือช่วย "อุ้ม" ในเรื่องราคาก่อน ให้ชาวนามีกำไรก่อน เป็นการช่วยแบบเร็ว ถึงตัวชาวนาโดยตรง
ลำดับต่อไป เมื่อชาวนามีกำไรไปสักสามสี่ปี ยืนได้มั่ง นั่นแหละจึงเข้าสู่ระยะพัฒนาการผลิต เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน
ซึ่งเรื่องอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่แนะนำแล้วชาวนาจะทำได้เลย
มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องใช้เวลา ทั้งการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพดิน เรื่องปุ๋ย เรื่องสายพันธุ์ข้าว เรื่องน้ำที่รัฐต้องช่วยให้ถึงนา
ซึ่งเมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ชาวนาจะมีทุนในมือพอที่จะอยู่ได้ (แต่รัฐก็ต้องช่วยในเรื่องทุนอยู่ดีในการปรับโครงสร้างการผลิต)
แต่คงเพราะ "การประเมินการณ์" ผิดพลาด มีปัจจัยที่มองเห็นแต่ไม่นึกว่าจะ "แรง" ขนาดนี้
ทำให้โครงการจำนำข้าวประสบปัญหามากมายเป็นลิงแก้แห
เล่นเอารัฐบาลเซ
ผมมองว่า รัฐบาลคิดง่ายเกินไป ในเรื่องที่ว่า จำนำ จ่ายเงิน มีข้าว ขายข้าว คืนเงินคลัง
คิดว่ามีข้าวในมือ คิดว่าจะชักชวนผู้ผลิตรายอื่น ๆ ร่วมมือกันในรูปแบบเหมือนกลุ่มโอเปคได้
แต่ผู้ผลิตอื่น ๆ ไม่เล่นด้วย มีแต่หันมาเล่นงานโครงการจำนำข้าวแล้วฉวยโอกาสขายข้าวถูกกว่า
ทำให้การระบายข้าวเป็นไปได้ยาก แถมมีต้นทุนการเก็บรักษาตามมาอีก เพิ่มภาระด้านงบประมาณให้รัฐบาลซะอีก
โครงการนี้กระทบถึงฝ่ายอื่น ๆ มากครับ รัฐบาลเลยต้องรับแรงต้านหลายด้าน
ต่างประเทศ แน่นอน เขาก็ต้องไม่อยากให้เกิดการรวมตัวแบบโอเปค เพราะจะทำให้ตลาดข้าวในประเทศเขาราคาสูงขึ้น
ภายในประเทศเอง พ่อค้าข้าวที่เคยเป็นเสือนอนกิน แต่รัฐบาลฮุบเอาข้าวไปซะหมด พ่อค้าก็กำไรหายไปเห็น ๆ
(ตอนนี้ รัฐบาลเร่งระบายข้าว พ่อค้าก็ยิ่มแฉ่ง เพราะสนุกกดราคา เหมือนเคยกดกับชาวนามานับร้อยปี)
เราจึงได้เห็นการโจมตีต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกในเรื่องโครงการนี้
ไม่ง่ายครับ
จะระบายข้าวแบบจีทูจี มันก็ยาก เพราะหากจีทูจีเยอะ พ่อค้าในประเทศนั้นเขาก็โวยรัฐบาลเขาสิ
การขายจีทูจีจึงทำได้น้อย
การจะใช้วิธีเอาข้าวแทนเงินกับประเทศต่าง ๆ ก็ลำบาก
เช่น จะซื้ออาวุธให้กองทัพแล้วใช้ข้าวแทนเงินบางส่วนนี่ กองทัพไม่เห็นด้วยแน่ เพราะทำให้นายพลไม่ได้เงินใต้โต๊ะ
แล้วยิ่งในภาวะการเมืองแบบนี้ การเมืองแบบกองทัพเป็นใหญ่นี่ รัฐบาลก็ไม่กล้าหักกองทัพ
ปัจจัยราคาก็สำคัญ เพราะรับจำนำหมื่นห้า จะไปขายต่ำกว่าหมื่นห้ามาก ก็กลัวโดนโจมตี
ทั้งที่รัฐบาลน่าจะกล้ามากกว่านี้ในเรื่องการยอมรับการโจมตี
การรับจำนำแบบทุกเมล็ด ก็ผิดพลาด เพราะทำให้เกิดกระแสโจมตีเรื่องคุณภาพข้าว
ฯลฯ
นี่คือปัญหาที่ทำให้การระบายมีปัญหา ทำให้รัฐเงินขาดมือในโครงการ ทำให้รัฐมีภาระด้านงบประมาณมาก ต้องกู้
เรื่องนี้ รัฐบาลต้องแก้ไข หาตลาดให้เก่ง ระบายข้าวให้ทัน
แต่เพราะการบริหารจัดการแย่ ตลาดเดิม ๆ ก็โดนรุม โดนโจมตีในแง่ลบสารพัด
แก้เกมไม่ทัน ได้แต่เงอะ ๆ งะ ๆ บวกกระแสทุจริตเข้ามาอีก
อ่วมสิครับ
โครงการนี้ ผมเห็นว่าดีครับ เห็นด้วย สนับสนุน
ช่วยชาวนาน่ะ กี่แสนล้านก็ช่วยไปเถอะครับ ช่วยสถาบันการเงินมากกว่านี้ยังไม่ว่ากัน
แต่รัฐบาลต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการมากกว่านี้
ไม่ว่าเรื่องการระบาย เรื่องการทุจริต อย่าให้มีการรั่วไหลสูญเปล่า หรือให้มีน้อยที่สุด
ความจริงแล้ว โครงการนี้ ผมเห็นว่ารัฐบาลควรตั้งเป้าไว้ให้ชัดว่าจะใช้เงินในโครงการเท่าไร
หากหมุนเงินทัน ก็ดำเนินโครงการต่อไปเรื่อย ๆ ได้ แต่หากเงินหมด ก็ต้องเลิก
แบบนี้ชาวนาจะรู้ครับ ว่าหากรัฐเงินหมด โครงการก็ต้องหยุด จนกว่าจะระบายข้าวหาเงินมาใส่โครงการได้
อย่าใช้วิธีที่ใช้อยู่ตอนนี้ คือไม่รู้ว่าจะใช้เงินเท่าไร และทำให้ชาวนา "อยากได้" ไม่สิ้นสุด
ผมยังให้โอกาสรัฐบาลครับ เพราะตอนนี้ อย่างน้อยรัฐบาลยังมีข้าวในโกดัง
เร่งระบายซะ ขาดทุนเท่าไรไม่ต้องกลัว เปิดให้ประชาชนรู้
ไหวก็ทำต่อ ไม่ไหวก็เลิก รับผิดชอบความผิดพลาดทางนโยบายไป
ไม่มีรัฐบาลไหนหรอกครับที่ไม่ผิดพลาด
เรื่องการทุจริต
เรื่องนี้ผมเห็นด้วยที่ฝ่ายค้านขุดคุ้ยข้อมูลมาแฉ เห็นด้วยที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบเข้มข้ม
ซึ่งรัฐบาลต้องชี้แจงให้ได้ หากชี้แจงไม่ได้ มีการทุจริตเป็นแสน ๆ ล้านจริง
ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายไป ปฏิเสธไม่ได้
แต่มันทะม่อง ๆ ก็ตรงที่ การตรวจสอบของ ป.ป.ช. นั้น มันชัดเกินไปในเรื่องการหาทางโค่นรัฐบาล
ไม่ใช่การตรวจสอบเพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งรัฐ แต่คือการโดดเข้ามาร่วมขบวนการโค่นล้มกัน
การทุจริตเรื่องนี้ผมมองว่ามีหลายทาง เช่น
จ่ายเงิน แต่ไม่มีข้าว
จ่ายเงิน มีข้าว แต่ข้าวใครไม่รู้
จ่ายเงิน มีข้าว เงินถึงชาวนา แต่ข้าวหาย
จ่ายเงินกับข้าวเก่าที่เอามาหมุนจำนำหลาย ๆ รอบ
ระบายข้าวด้วยราคาต่ำเกินควรให้พวกพ้องหรือพ่อค้าที่สมรู้ร่วมคิดไปฟันกำไร
ฯลฯ
ซึ่งเมื่อฝ่ายค้านแฉ กล่าวหา รัฐบาลก็ต้องตอบให้ชัด
เรื่องนี้ ผมว่าฝ่ายค้านเองก็แฉไม่ชัด คือดีแต่แฉ หลักฐานจะ ๆ ชัด ๆ ยังไม่มี
รัฐบาลก็ชี้แจงไปแบบงู ๆ ปลา ๆ
มันก็เลยมึน ๆ ว่า ที่ฝ่ายค้านว่าน่ะจริงไหม ที่รัฐบาลอึก ๆ อัก ๆ น่ะเพราะทุจริตจริงไหม
ในส่วนตัวผม ผมเชื่อว่ามีการทุจริตครับ
และรำคาญรัฐบาลเหมือนกัน ที่ไม่เชือดไก่ หรือจับโจรให้ได้ชัด ๆ สักที
มีแค่ข่าวว่าดำเนินคดีอยู่หลายสิบคดีแบบแผ่ว ๆ ทำให้มองว่าไม่จริงจังกับการป้องปรามปราบการทุจริต
ทำให้สังคมอดมองไม่ได้ครับ ว่ารัฐบาลรู้เห็นเป็นใจหรือไม่
เพราะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน หรือเพราะกลัวคนจับได้ไล่ทัน
ประเด็นที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ตอนนี้ก็คือเรื่อง ป.ป.ช. กับนายกฯยิ่งลักษณ์
เห็นด้วยครับที่ ป.ป.ช. เอาจริงในเรื่องนี้ แต่ดูจะขาดความเป็นธรรมเยอะเหลือเกิน
ขี้เกียจสาธยายครับ ว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติในเรื่องนี้กับนายกฯยิ่งลักษณ์ยังไง
เพราะประเด็นมันง่าย ๆ ครับ ว่าหาก ป.ป.ช. มีหลักฐานเจ๋ง ๆ
ไม่รีบไม่เร่ง นายกฯยิ่งลักษณ์ก็เสร็จแน่ ๆ ช้าไปอีกสักสามเดือนหกเดือนหรือหนึ่งปีก็ไม่เห็นเป็นไร
นี่เล่นประกาศโครม ๆ ตั้งแต่กลางปี 55 โน่น ว่าไม่เกินหนึ่งปีจากนี้ต้องมี รมต.ติดคุก
แต่ตอนนี้ ปี 57 ยังไม่มี รมต.โดนชี้มูล กลับมาเล่นนายกฯก่อนใครให้ได้ซะงั้น
ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลมาตลอด มันผิดหลักการตรวจสอบครับ
เมื่อย ขี้เกียจ (ว่าตั้งใจจะเขียนดี ๆ กว่านี้ แต่พอลงมือเขียนก็ขี้เกียจขึ้นมาดื้อ ๆ ก็เอาแบบนี้แหละครับ)
สรุปว่า ผมเห็นด้วยกับโครงการนี้
เห็นว่ารัฐบาลสามารถปรับปรุงแก้ไขให้โครงการดีขึ้นกว่านี้ ลดภาระด้านงบประมาณได้ดีกว่านี้
ไอ้ที่ว่า ขาดทุนไปห้าหกแสนล้านนั้น ผมมองว่าจิ๊บจ๊อยครับ
เพียงแต่รัฐบาลต้องให้ชัดว่า ที่เรียกว่า "ขาดทุน" ตอนนี้ เงินก้อนนี้ไปอยู่กับชาวนาจริง ๆ ไม่ใช่เข้ากระเป๋าใคร
เงินถึงมือชาวนาจริง ๆ หลายแสนล้านนี่ ดีนะครับ กระตุ้นการบริโภคได้มหาศาล เงินหมุนไป
ส่งผลย้อนกลับมาในทางบวกต่อภาวะทางการคลังของรัฐบาลเอง
จบดื้อ ๆ งี้แหละ เมื่อยนิ้ว
ต่อไปจะนั่งรอคอยเถียงกับผู้เห็นต่างครับ
มุมมองของ "หล่อขวัญ" คนหน้าตาดี ไม่มีแฟน ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าว
เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ครับ ว่ายังไม่ล้มเหลว
และผมก็เห็นเหมือน ๆ กับ อ.นิธิ และอีกหลาย ๆ ท่านครับ ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี
ดีตรงหลักที่ว่า (ก็ อ.นิธิแหละครับว่าอีก) ทำไมต้องปล่อยให้การขาดทุนตกเป็นภาระของชาวนาฝ่ายเดียว
ชาวนานั้น ทำนา ขายข้าวขายทุนมาชั่วนาตาปีครับ โดยมีพ่อค้าเป็นเสือนอนกิน ฟันกำไรเนื้อ ๆ ตลอดมา
เมื่อก่อน รัฐบาลช่วยก็ช่วยโรงสีซะเป็นหลัก มีโครงการให้เงินยืมโรงสีในการซื้อข้าวจากชาวนา
ด้วยการอ้างว่าเป็นการให้โรงสีมีทุนในการซื้อข้าวจากชาวนา เป็นการช่วยชาวนา
แต่ความจริงมันคือการอุ้มพ่อค้า ช่วยพ่อค้า แล้วนักการเมืองซีกรัฐก็รับใต้โต๊ะแบบเนียน ๆ
หรือนักการเมืองนั่นแหละเป็นเจ้าของโรงสี เป็นพ่อค้าส่งออกข้าวซะเอง
เมื่อมีโครงการประกันราคา มันก็คือการช่วยพ่อค้าอีกนั่นแหละ
เพราะโรงสีซื้อห้าบาท ชาวนาอยากขาย 7 บาท รัฐก็ต้องช่วยพ่อค้าสองบาท
แถมดีไม่ดี ไม่มีนาไม่มีข้าว มีแต่ชื่อ ก็รับเนื้อ ๆ เต็ม ๆ ไปเจ็ดบาทเลย
ในมุมมองของผม ผมเชื่อครับว่ารัฐบาลเพื่อไทยมีเจตนาดีในการช่วยชาวนา
ที่ใคร ๆ มองว่า การช่วยแบบนี้ไม่ดี แจกเงินชาวนาโดยตรงเลยซะยังดีกว่า
น่าจะไปช่วยชาวนาในการลดต้นทุนการผลิตดีกว่า อะไรทำนองนี้
ผมมองว่า รัฐบาลก็คงคิดงั้นครับ คือคิดเรื่องช่วยชาวนาในเรื่องเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน
แต่ในการ "จัดลำดับความสำคัญ" นั้น ผมมองว่ารัฐบาลคิดถูก
คือช่วย "อุ้ม" ในเรื่องราคาก่อน ให้ชาวนามีกำไรก่อน เป็นการช่วยแบบเร็ว ถึงตัวชาวนาโดยตรง
ลำดับต่อไป เมื่อชาวนามีกำไรไปสักสามสี่ปี ยืนได้มั่ง นั่นแหละจึงเข้าสู่ระยะพัฒนาการผลิต เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน
ซึ่งเรื่องอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่แนะนำแล้วชาวนาจะทำได้เลย
มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องใช้เวลา ทั้งการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพดิน เรื่องปุ๋ย เรื่องสายพันธุ์ข้าว เรื่องน้ำที่รัฐต้องช่วยให้ถึงนา
ซึ่งเมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ชาวนาจะมีทุนในมือพอที่จะอยู่ได้ (แต่รัฐก็ต้องช่วยในเรื่องทุนอยู่ดีในการปรับโครงสร้างการผลิต)
แต่คงเพราะ "การประเมินการณ์" ผิดพลาด มีปัจจัยที่มองเห็นแต่ไม่นึกว่าจะ "แรง" ขนาดนี้
ทำให้โครงการจำนำข้าวประสบปัญหามากมายเป็นลิงแก้แห
เล่นเอารัฐบาลเซ
ผมมองว่า รัฐบาลคิดง่ายเกินไป ในเรื่องที่ว่า จำนำ จ่ายเงิน มีข้าว ขายข้าว คืนเงินคลัง
คิดว่ามีข้าวในมือ คิดว่าจะชักชวนผู้ผลิตรายอื่น ๆ ร่วมมือกันในรูปแบบเหมือนกลุ่มโอเปคได้
แต่ผู้ผลิตอื่น ๆ ไม่เล่นด้วย มีแต่หันมาเล่นงานโครงการจำนำข้าวแล้วฉวยโอกาสขายข้าวถูกกว่า
ทำให้การระบายข้าวเป็นไปได้ยาก แถมมีต้นทุนการเก็บรักษาตามมาอีก เพิ่มภาระด้านงบประมาณให้รัฐบาลซะอีก
โครงการนี้กระทบถึงฝ่ายอื่น ๆ มากครับ รัฐบาลเลยต้องรับแรงต้านหลายด้าน
ต่างประเทศ แน่นอน เขาก็ต้องไม่อยากให้เกิดการรวมตัวแบบโอเปค เพราะจะทำให้ตลาดข้าวในประเทศเขาราคาสูงขึ้น
ภายในประเทศเอง พ่อค้าข้าวที่เคยเป็นเสือนอนกิน แต่รัฐบาลฮุบเอาข้าวไปซะหมด พ่อค้าก็กำไรหายไปเห็น ๆ
(ตอนนี้ รัฐบาลเร่งระบายข้าว พ่อค้าก็ยิ่มแฉ่ง เพราะสนุกกดราคา เหมือนเคยกดกับชาวนามานับร้อยปี)
เราจึงได้เห็นการโจมตีต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกในเรื่องโครงการนี้
ไม่ง่ายครับ
จะระบายข้าวแบบจีทูจี มันก็ยาก เพราะหากจีทูจีเยอะ พ่อค้าในประเทศนั้นเขาก็โวยรัฐบาลเขาสิ
การขายจีทูจีจึงทำได้น้อย
การจะใช้วิธีเอาข้าวแทนเงินกับประเทศต่าง ๆ ก็ลำบาก
เช่น จะซื้ออาวุธให้กองทัพแล้วใช้ข้าวแทนเงินบางส่วนนี่ กองทัพไม่เห็นด้วยแน่ เพราะทำให้นายพลไม่ได้เงินใต้โต๊ะ
แล้วยิ่งในภาวะการเมืองแบบนี้ การเมืองแบบกองทัพเป็นใหญ่นี่ รัฐบาลก็ไม่กล้าหักกองทัพ
ปัจจัยราคาก็สำคัญ เพราะรับจำนำหมื่นห้า จะไปขายต่ำกว่าหมื่นห้ามาก ก็กลัวโดนโจมตี
ทั้งที่รัฐบาลน่าจะกล้ามากกว่านี้ในเรื่องการยอมรับการโจมตี
การรับจำนำแบบทุกเมล็ด ก็ผิดพลาด เพราะทำให้เกิดกระแสโจมตีเรื่องคุณภาพข้าว
ฯลฯ
นี่คือปัญหาที่ทำให้การระบายมีปัญหา ทำให้รัฐเงินขาดมือในโครงการ ทำให้รัฐมีภาระด้านงบประมาณมาก ต้องกู้
เรื่องนี้ รัฐบาลต้องแก้ไข หาตลาดให้เก่ง ระบายข้าวให้ทัน
แต่เพราะการบริหารจัดการแย่ ตลาดเดิม ๆ ก็โดนรุม โดนโจมตีในแง่ลบสารพัด
แก้เกมไม่ทัน ได้แต่เงอะ ๆ งะ ๆ บวกกระแสทุจริตเข้ามาอีก
อ่วมสิครับ
โครงการนี้ ผมเห็นว่าดีครับ เห็นด้วย สนับสนุน
ช่วยชาวนาน่ะ กี่แสนล้านก็ช่วยไปเถอะครับ ช่วยสถาบันการเงินมากกว่านี้ยังไม่ว่ากัน
แต่รัฐบาลต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการมากกว่านี้
ไม่ว่าเรื่องการระบาย เรื่องการทุจริต อย่าให้มีการรั่วไหลสูญเปล่า หรือให้มีน้อยที่สุด
ความจริงแล้ว โครงการนี้ ผมเห็นว่ารัฐบาลควรตั้งเป้าไว้ให้ชัดว่าจะใช้เงินในโครงการเท่าไร
หากหมุนเงินทัน ก็ดำเนินโครงการต่อไปเรื่อย ๆ ได้ แต่หากเงินหมด ก็ต้องเลิก
แบบนี้ชาวนาจะรู้ครับ ว่าหากรัฐเงินหมด โครงการก็ต้องหยุด จนกว่าจะระบายข้าวหาเงินมาใส่โครงการได้
อย่าใช้วิธีที่ใช้อยู่ตอนนี้ คือไม่รู้ว่าจะใช้เงินเท่าไร และทำให้ชาวนา "อยากได้" ไม่สิ้นสุด
ผมยังให้โอกาสรัฐบาลครับ เพราะตอนนี้ อย่างน้อยรัฐบาลยังมีข้าวในโกดัง
เร่งระบายซะ ขาดทุนเท่าไรไม่ต้องกลัว เปิดให้ประชาชนรู้
ไหวก็ทำต่อ ไม่ไหวก็เลิก รับผิดชอบความผิดพลาดทางนโยบายไป
ไม่มีรัฐบาลไหนหรอกครับที่ไม่ผิดพลาด
เรื่องการทุจริต
เรื่องนี้ผมเห็นด้วยที่ฝ่ายค้านขุดคุ้ยข้อมูลมาแฉ เห็นด้วยที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบเข้มข้ม
ซึ่งรัฐบาลต้องชี้แจงให้ได้ หากชี้แจงไม่ได้ มีการทุจริตเป็นแสน ๆ ล้านจริง
ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายไป ปฏิเสธไม่ได้
แต่มันทะม่อง ๆ ก็ตรงที่ การตรวจสอบของ ป.ป.ช. นั้น มันชัดเกินไปในเรื่องการหาทางโค่นรัฐบาล
ไม่ใช่การตรวจสอบเพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งรัฐ แต่คือการโดดเข้ามาร่วมขบวนการโค่นล้มกัน
การทุจริตเรื่องนี้ผมมองว่ามีหลายทาง เช่น
จ่ายเงิน แต่ไม่มีข้าว
จ่ายเงิน มีข้าว แต่ข้าวใครไม่รู้
จ่ายเงิน มีข้าว เงินถึงชาวนา แต่ข้าวหาย
จ่ายเงินกับข้าวเก่าที่เอามาหมุนจำนำหลาย ๆ รอบ
ระบายข้าวด้วยราคาต่ำเกินควรให้พวกพ้องหรือพ่อค้าที่สมรู้ร่วมคิดไปฟันกำไร
ฯลฯ
ซึ่งเมื่อฝ่ายค้านแฉ กล่าวหา รัฐบาลก็ต้องตอบให้ชัด
เรื่องนี้ ผมว่าฝ่ายค้านเองก็แฉไม่ชัด คือดีแต่แฉ หลักฐานจะ ๆ ชัด ๆ ยังไม่มี
รัฐบาลก็ชี้แจงไปแบบงู ๆ ปลา ๆ
มันก็เลยมึน ๆ ว่า ที่ฝ่ายค้านว่าน่ะจริงไหม ที่รัฐบาลอึก ๆ อัก ๆ น่ะเพราะทุจริตจริงไหม
ในส่วนตัวผม ผมเชื่อว่ามีการทุจริตครับ
และรำคาญรัฐบาลเหมือนกัน ที่ไม่เชือดไก่ หรือจับโจรให้ได้ชัด ๆ สักที
มีแค่ข่าวว่าดำเนินคดีอยู่หลายสิบคดีแบบแผ่ว ๆ ทำให้มองว่าไม่จริงจังกับการป้องปรามปราบการทุจริต
ทำให้สังคมอดมองไม่ได้ครับ ว่ารัฐบาลรู้เห็นเป็นใจหรือไม่
เพราะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน หรือเพราะกลัวคนจับได้ไล่ทัน
ประเด็นที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ตอนนี้ก็คือเรื่อง ป.ป.ช. กับนายกฯยิ่งลักษณ์
เห็นด้วยครับที่ ป.ป.ช. เอาจริงในเรื่องนี้ แต่ดูจะขาดความเป็นธรรมเยอะเหลือเกิน
ขี้เกียจสาธยายครับ ว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติในเรื่องนี้กับนายกฯยิ่งลักษณ์ยังไง
เพราะประเด็นมันง่าย ๆ ครับ ว่าหาก ป.ป.ช. มีหลักฐานเจ๋ง ๆ
ไม่รีบไม่เร่ง นายกฯยิ่งลักษณ์ก็เสร็จแน่ ๆ ช้าไปอีกสักสามเดือนหกเดือนหรือหนึ่งปีก็ไม่เห็นเป็นไร
นี่เล่นประกาศโครม ๆ ตั้งแต่กลางปี 55 โน่น ว่าไม่เกินหนึ่งปีจากนี้ต้องมี รมต.ติดคุก
แต่ตอนนี้ ปี 57 ยังไม่มี รมต.โดนชี้มูล กลับมาเล่นนายกฯก่อนใครให้ได้ซะงั้น
ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลมาตลอด มันผิดหลักการตรวจสอบครับ
เมื่อย ขี้เกียจ (ว่าตั้งใจจะเขียนดี ๆ กว่านี้ แต่พอลงมือเขียนก็ขี้เกียจขึ้นมาดื้อ ๆ ก็เอาแบบนี้แหละครับ)
สรุปว่า ผมเห็นด้วยกับโครงการนี้
เห็นว่ารัฐบาลสามารถปรับปรุงแก้ไขให้โครงการดีขึ้นกว่านี้ ลดภาระด้านงบประมาณได้ดีกว่านี้
ไอ้ที่ว่า ขาดทุนไปห้าหกแสนล้านนั้น ผมมองว่าจิ๊บจ๊อยครับ
เพียงแต่รัฐบาลต้องให้ชัดว่า ที่เรียกว่า "ขาดทุน" ตอนนี้ เงินก้อนนี้ไปอยู่กับชาวนาจริง ๆ ไม่ใช่เข้ากระเป๋าใคร
เงินถึงมือชาวนาจริง ๆ หลายแสนล้านนี่ ดีนะครับ กระตุ้นการบริโภคได้มหาศาล เงินหมุนไป
ส่งผลย้อนกลับมาในทางบวกต่อภาวะทางการคลังของรัฐบาลเอง
จบดื้อ ๆ งี้แหละ เมื่อยนิ้ว
ต่อไปจะนั่งรอคอยเถียงกับผู้เห็นต่างครับ