คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคะ เพราะกรณีนี้มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติเข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ
ตอนหลัง ๆ ไม่เห็นเอ่ยถึงคุณพ่อ เพราะผู้ขอความช่วยเหลือยืมชื่อเราไปซื้อบ้านคือญาติฝั่งคุณพ่อ ลองปรึกษาท่านหรือยังคะ ท่าทางท่านกำลังหนักใจอยู่แน่ ๆ ค่ะ
เรื่องนี้ ถ้าหยิบหลักกฎหมาย นิติกรรมทำในชื่อเรา "กรรมสิทธิ์" เป็นของเรานะคะ ขณะเดียวกัน "ผู้ครอบครอง" คือครือญาติค่ะ ดังนั้น ถ้าผสมผสานทั้งหลักกฎหมายกับหลักความเกรงอกเกรงใจฉันท์ญาติ ข้อแนะนำคือ
1.เมื่อเราลำบากใจที่จะผ่อนต่อ ให้จับเข่าคุยกับญาติคุณพ่อ อาจจะยื่นข้อเสนอในสิ่งที่เป็นทางเลือกเดียวของเรา นั่นคือไม่ต้องการรับภาระอีกต่อไปแล้ว อาจจะทำได้หลายวิธี แต่ 1 ในวิธีการคือขายบ้านออกไป ดังนั้น ญาติคุณพ่อจะต้องมารับโอนชื่อค่ะ
2.มีประเด็นงวดเงินผ่อนส่วนเกิน จากเดิมงวดละ 5,600 บาท แต่เพิ่มเป็น 8,000 กว่าบาท มีส่วนต่างไม่ต่ำกว่า 2,400 บาท ให้คำนวณออกมาว่า จนถึงวันนี้รวมยอดเงินที่ผ่อนส่วนเกินให้เป็นเท่าไหร่ จากนั้น ก็ต้องมาคุยกันค่ะว่าจะทำยังไงต่อไป ระหว่างญาติคุณพ่อจะหาเงินมาจ่ายชดเชยส่วนต่างให้+รับโอนเงินกู้และตัวบ้านไปเป็นชื่อเขา กับขายบ้านหลังนั้นออกไป ฝั่งเราก็ให้เก็บเฉพาะเงินส่วนต่างที่สำรองจ่ายเท่านั้น ที่เหลือให้คืนญาติคุณพ่อไปค่ะ
ทำแบบนี้เพื่อรักษาบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น เพราะคนเป็นเครือญาติกันก็เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าค่ะ ถ้าจำเป็นต้องทำอะไรที่เด็ดขาดก็ทำไป (หมายถึงขายบ้านที่ถูกยืมชื่อไปซื้อและไม่ต้องการรับภาระอีกแล้ว) แต่อย่าให้ถึงกับแตกหักกันเลยค่ะ คนกลางคือคุณพ่อจะเสียน้ำใจค่ะ
ตอนหลัง ๆ ไม่เห็นเอ่ยถึงคุณพ่อ เพราะผู้ขอความช่วยเหลือยืมชื่อเราไปซื้อบ้านคือญาติฝั่งคุณพ่อ ลองปรึกษาท่านหรือยังคะ ท่าทางท่านกำลังหนักใจอยู่แน่ ๆ ค่ะ
เรื่องนี้ ถ้าหยิบหลักกฎหมาย นิติกรรมทำในชื่อเรา "กรรมสิทธิ์" เป็นของเรานะคะ ขณะเดียวกัน "ผู้ครอบครอง" คือครือญาติค่ะ ดังนั้น ถ้าผสมผสานทั้งหลักกฎหมายกับหลักความเกรงอกเกรงใจฉันท์ญาติ ข้อแนะนำคือ
1.เมื่อเราลำบากใจที่จะผ่อนต่อ ให้จับเข่าคุยกับญาติคุณพ่อ อาจจะยื่นข้อเสนอในสิ่งที่เป็นทางเลือกเดียวของเรา นั่นคือไม่ต้องการรับภาระอีกต่อไปแล้ว อาจจะทำได้หลายวิธี แต่ 1 ในวิธีการคือขายบ้านออกไป ดังนั้น ญาติคุณพ่อจะต้องมารับโอนชื่อค่ะ
2.มีประเด็นงวดเงินผ่อนส่วนเกิน จากเดิมงวดละ 5,600 บาท แต่เพิ่มเป็น 8,000 กว่าบาท มีส่วนต่างไม่ต่ำกว่า 2,400 บาท ให้คำนวณออกมาว่า จนถึงวันนี้รวมยอดเงินที่ผ่อนส่วนเกินให้เป็นเท่าไหร่ จากนั้น ก็ต้องมาคุยกันค่ะว่าจะทำยังไงต่อไป ระหว่างญาติคุณพ่อจะหาเงินมาจ่ายชดเชยส่วนต่างให้+รับโอนเงินกู้และตัวบ้านไปเป็นชื่อเขา กับขายบ้านหลังนั้นออกไป ฝั่งเราก็ให้เก็บเฉพาะเงินส่วนต่างที่สำรองจ่ายเท่านั้น ที่เหลือให้คืนญาติคุณพ่อไปค่ะ
ทำแบบนี้เพื่อรักษาบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น เพราะคนเป็นเครือญาติกันก็เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าค่ะ ถ้าจำเป็นต้องทำอะไรที่เด็ดขาดก็ทำไป (หมายถึงขายบ้านที่ถูกยืมชื่อไปซื้อและไม่ต้องการรับภาระอีกแล้ว) แต่อย่าให้ถึงกับแตกหักกันเลยค่ะ คนกลางคือคุณพ่อจะเสียน้ำใจค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ปัญหาเรื่องการใช้ชื่อซื้อบ้านแทนคนอื่นค่ะ ขอความรู้เรื่องกฎหมายหน่อยค่ะ
ที่นี้เราไม่ทราบนะค่ะว่าเขาซื้อกันยังไง รู้แค่ว่าปีแรกๆเนี้ยดอกเบี้ยถูกค่ะ ก็ผ่อนน้อย โดยวิธีผ่อนคือ เขาต้องโอนเงินมาให้แม่เรา แล้วแม่เราเป็นคนไปชำระค่าบ้านเอง มันโอเคและผ่านมาได้เรื่อยๆค่ะ แต่ล่าสุด 3-4 ปีหลังนี้ ดอกมันปรับสูงขึ้นแล้วค่ะ จากผ่อนอยู่เดือนละ 5600 ก็เป็น 8 พันกว่า แต่ทางเขาก็ยังโอนให้แม่เรา 5600 เท่าเดิมมาตลอด แม่เราก็แจ้งเขาไปแล้วว่าดอกมันปรับแล้วนะ จ่ายเท่าเดิมไม่ได้ เขาก็อ้างนู้นนี้ แล้วก็บอกว่าจะเคลียร์ให้ แต่นี้ 3-4 ปีแล้ว ที่แม่เราต้องเอาเงินส่วนตัวบวกเพิ่มเข้าไป บ้างเดือนแม่เราก็หมุนไม่ทัน เรากับพี่ก็ต้องช่วย
เราอยากรู้ว่าจะสามารถจัดการอย่างไรกับเขาได้บ้างค่ะ เพราะตอนนี้แม่เราไม่ไหวแล้ว และเขาก็ไม่เคลียร์ตัวเองซะที ตอนนี้แม่เราต้องการขายบ้านค่ะ จะสามารถทำได้ไหมค่ะ จะมีปัญหาอะไรไหม เพราะเขาพักอยู่ที่บ้านหลังนั้น
เราอยากหาความรู้เรื่องกฎหมายไปสู้กับเขา เพื่อเขาเล่นแง่อะไร จะได้ตั้งหลักทัน ตอนนี้ทางบ้านเรายังไม่ได้คุยอะไรกับทางเขาเลยนะค่ะ เรื่องจะขายบ้าน
ขอบคุณทุกท่านที่มาตอบให้นะค่ะ