
อังเปาเป็นสุนัขพันธ์ปั๊กตัวผู้ อายุ 2 ปี(ปฏิทิน) ซึ่งได้มาจากบ้านญาติตอนเค้าอายุประมาณ 6-8 เดือนและเป็นสุนัขตัวแรกที่ผมเลี้ยงเองมากับมือ มันซนมาก ขี้อ้อนและเรียกร้องความสนใจจากคนในบ้านตลอดเวลาตามนิสัยของสายพันธ์ของมัน ...
ผมวิ่งเล่นกับมันทุกวันหลังจากผมกลับจากที่ทำงาน แต่แล้วเรื่องมันมีอยู่ว่าอั่งเปาเป็นทองแดง (ไข่หลบ 1 ใบ) มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความหวังดีของผมและแม่คือหมายมั่นปั้นมือว่ายังไงก็จะต้องพาเค้าไปผ่าตัดพร้อมทั้งทำหมันเนื่องจากกลัวว่าเค้าแก่ตัวจะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงแล้วจะทรมานมากตามข้อมูลที่ได้รับจากหมอและข้อมูลทาง internet จนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(29/3/57) เลยตัดสินพาอั่งเปาไปคลินิกเจ้าประจำบริเวณปากซอยสุขุมวิท 93...(เกริก.) โดยตั้งใจจะพาไปตรวจร่างกายก่อนจะนำมันมาผ่าตัดในอาทิตย์หน้าต่อไป แต่เหตุการณ์ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของผมและครอบครัวก็คือหมอตรวจร่างกายเบื้องต้นแล้วบอกว่าแข็งแรงดีไม่ต้องเจาะเลือดก็ได้แล้วแต่เจ้าของตัดสินใจ เพราะใช้เวลาผ่าตัดไม่น่าเกิน 30 นาทีก็กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งเมื่อได้ยินหมอพูดอย่างนั้นเลยมั่นใจว่ามันน่าจะไม่มีอะไรต้องกังวลเลยตัดสินใจให้ผ่าตัดได้ ตลอดระยะเวลาผ่าตัดมันโดนยาสลบไปเยอะมากเพราะมันแรงเยอะและค่อนข้างดื้อ จนการผ่าตัดสำเร็จไปด้วยดีผมก็โล่งใจ แต่พอผ่าตัดเสร็จมันเริ่มฟื้นจากฤทธิ์ของยามันไอและเห่าแปลกๆแต่หมอบอกผมว่ามันเพิ่งฟื้นจากฤทธ์์ยาและสามารถนำกลับบ้านได้เลย ผมกังวลและพยายามถามหมอหลายครั้งว่ากลับไปผมต้องทำอะไรบ้างมีคำแนะนำหลังการผ่าตัดหรือไม่ธรรมดาคนเราผ่าตัดฟันคุดหมอฟันยังให้กระดาษ 1 แผ่นแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังจากการเลย แต่เค้ากลับบอกว่าไม่มีและไม่ต้องกังวลใดๆน้ำ-ข้าวให้ได้ตามปกติเท่าที่เค้าจะกินได้ ผมเลยพาเค้ากลับบ้าน
ใช้เวลาอยู่ที่คลินิกประมาณ 9.30-10.00 น. เมื่อกลับถึงบ้านผมต้องออกจากบ้านไปทำธุระตอน 11.00 น จึงฝากแม่กับพี่อีกคนดู ซึ่งเมื่อเวลา 12.00 แม่โทรหาผมว่าอาการมันแปลกๆ ผมซึ่งอยู่ข้างนอกบ้านเลยโทรไปที่คลินิกบอกอาการหมอ หมอก็บอกว่าน่าจะเป็น effect จากยาหลังการผ่าตัด ผมจึงโทรไปบอกแม่ว่าไม่ต้องกังวล จนกระทั่งเวลา 13.30 น แม่ผมโทรมาร้องไห้บอกว่าอั่งเปาตายแล้ว โลกทั้งใบของผมหยุดหมุน ผมโทรไปสั่งให้หมอคนเดิมไปดูอาการอั่งเปาที่บ้าน แล้วหมอไปที่บ้านผมและก็โทรกลับมาบอกว่ามันเสียเนื่องจาก Heat Stroke อุณหภูมิร่างกายสูงตัวร้อนจี๋ และพยายามพูดว่ากับทางบ้านผมว่านึกว่าจะเอากลับมาอยู๋ในห้องแอร์ ผมโกรธมากเมื่อผมกลับไปถึงบ้านเค้าก็ไปเสียแล้วแม่ผมเป็นลมและร้องไห้ตลอดเวลา อั่งเปานอนตายเหมือนตุ๊กตาลูกหมู ขนของเค้าสวยมัน ลิ้นจุกปาก ผมขอให้เค้าอโหสิให้ผมและครอบครัวพร้อมฝังเค้าในสวนหน้าบ้านทั้งน้ำตาใต้ตันกล้วยเนื่องจากที่เค้าชอบกินกล้วยมาก มันเป็นความรู้สึกผิดมากที่สุดในชีวิตของผมเพราะเหมือนผมไปตัดสินชีวิตเค้าให้เค้าผ่าตัดทั้งๆที่เมื่อเช้าเค้ายังวิ่งเล่นโดยไม่รู้อิโน่นอิเน่ แต่ผมกลับจับเค้าใส่กรงพาไปให้หมอชุ่ยๆคนนึงผ่าตัดโดยที่เค้าไม่มีสิทธิกำหนดชีวิตของตัวเอง ผมกลับเป็นคนกำหนดชีวิตเค้าแล้วมันก็พลาด ผมโทรกลับไปที่คลินิกพร้อมบอกเค้าว่าผมโกรธและเสียใจมากเงินทองมากมายเท่าไรก็เรียกเอาชีวิตหมาของผมกลับมาไม่ได้ แต่ขอให้เค้าใส่ใจลูกค้าและแนะนำอะไรมากกว่านี้พร้อมทั้งกรุณาเขียนกระดาษ 1 แผ่นแนะนำวิธีดูแลตัวสุนัขหลังจากการผ่าตัดให้กับเจ้าของที่พาหมามาผ่าตัดจะได้ไม่มีใครสูญเสียสุนัขที่เค้ารักเหมื่อนกับผมอีก ผมเสียใจที่เหมือนพาเค้าไปตาย-ผมเสียใจที่วาระสุดท้ายของชีวิตของเค้าผมไม่ได้อยู่กับเค้า ถ้าตอนนี้อั่งเปารับรู้ได้ผมอยากจะบอกว่า"ผมขอโทษและเราทุกคนรักนายเสมอ อั่งเปาไม่ใช่สุนัขแต่คือสมาชิกของครอบครัวเราตลอดไป"
สรุปอุทาหรณ์ : 1.ก่อนผ่าตัดต้องเจาะเลือดและตรวจสุขภาพทุกครั้ง แม้ว่าสุนัขเราจะดูแข็งแรงมากก็ตาม
2.หลังจาการผ่าตัดตวรให้เค้าอยู่ที่คลินิกหรือ รพ. จนแน่ใจก่อนพากลับบ้าน
3. เลือกหมอหรือ รพ.ที่เราไว้ใจมากที่สุดแนะนำใส่ใจเรามากที่สุดและมีเวลาให้เค้าหลังจากการผ่าตัดให้มากที่สุด
*ปล.ถ้าเป็นปั๊กหรือสุนัขที่ระบบทางเดินหายใจสั้นควรระมัดระวังเป็นพิเศษ คำแนะนำทั้งหมดที่ผมกล่าวมาข้างต้นผมไม่เคยได้ยินออกจากปากหมอที่คลินิกนี้เลยแม้แต่คำเดียว..ตอนนี้ผ่านมา 2 วันแล้วผมยังทำใจไม่ค่อยได้โดยเฉพาะคุณแม่ผมเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะรักมากเหมือนลูก... แล้วตอนเย็นกลับบ้านหลังจากทำงานวันนี้ผมจะวิ่งเล่นกับใคร? //
"บุญกุศลและประโยชน์ทั้งหมดที่เกิดจากกระทู้นี้ผมขอยกให้สุนัขตัวแรกและอาจจะเป็นตัวเดียวที่ผมรักที่สุดในชีวิตของผม.."อั่งเปา" ....
ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบครับ รักเอ็งมาก
"อั่งเปา"
อุทาหรณ์สอนใจคนรักสุนัขพันธ์ปั๊กอย่างผมครับ
ผมวิ่งเล่นกับมันทุกวันหลังจากผมกลับจากที่ทำงาน แต่แล้วเรื่องมันมีอยู่ว่าอั่งเปาเป็นทองแดง (ไข่หลบ 1 ใบ) มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความหวังดีของผมและแม่คือหมายมั่นปั้นมือว่ายังไงก็จะต้องพาเค้าไปผ่าตัดพร้อมทั้งทำหมันเนื่องจากกลัวว่าเค้าแก่ตัวจะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงแล้วจะทรมานมากตามข้อมูลที่ได้รับจากหมอและข้อมูลทาง internet จนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(29/3/57) เลยตัดสินพาอั่งเปาไปคลินิกเจ้าประจำบริเวณปากซอยสุขุมวิท 93...(เกริก.) โดยตั้งใจจะพาไปตรวจร่างกายก่อนจะนำมันมาผ่าตัดในอาทิตย์หน้าต่อไป แต่เหตุการณ์ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของผมและครอบครัวก็คือหมอตรวจร่างกายเบื้องต้นแล้วบอกว่าแข็งแรงดีไม่ต้องเจาะเลือดก็ได้แล้วแต่เจ้าของตัดสินใจ เพราะใช้เวลาผ่าตัดไม่น่าเกิน 30 นาทีก็กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งเมื่อได้ยินหมอพูดอย่างนั้นเลยมั่นใจว่ามันน่าจะไม่มีอะไรต้องกังวลเลยตัดสินใจให้ผ่าตัดได้ ตลอดระยะเวลาผ่าตัดมันโดนยาสลบไปเยอะมากเพราะมันแรงเยอะและค่อนข้างดื้อ จนการผ่าตัดสำเร็จไปด้วยดีผมก็โล่งใจ แต่พอผ่าตัดเสร็จมันเริ่มฟื้นจากฤทธิ์ของยามันไอและเห่าแปลกๆแต่หมอบอกผมว่ามันเพิ่งฟื้นจากฤทธ์์ยาและสามารถนำกลับบ้านได้เลย ผมกังวลและพยายามถามหมอหลายครั้งว่ากลับไปผมต้องทำอะไรบ้างมีคำแนะนำหลังการผ่าตัดหรือไม่ธรรมดาคนเราผ่าตัดฟันคุดหมอฟันยังให้กระดาษ 1 แผ่นแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังจากการเลย แต่เค้ากลับบอกว่าไม่มีและไม่ต้องกังวลใดๆน้ำ-ข้าวให้ได้ตามปกติเท่าที่เค้าจะกินได้ ผมเลยพาเค้ากลับบ้าน
ใช้เวลาอยู่ที่คลินิกประมาณ 9.30-10.00 น. เมื่อกลับถึงบ้านผมต้องออกจากบ้านไปทำธุระตอน 11.00 น จึงฝากแม่กับพี่อีกคนดู ซึ่งเมื่อเวลา 12.00 แม่โทรหาผมว่าอาการมันแปลกๆ ผมซึ่งอยู่ข้างนอกบ้านเลยโทรไปที่คลินิกบอกอาการหมอ หมอก็บอกว่าน่าจะเป็น effect จากยาหลังการผ่าตัด ผมจึงโทรไปบอกแม่ว่าไม่ต้องกังวล จนกระทั่งเวลา 13.30 น แม่ผมโทรมาร้องไห้บอกว่าอั่งเปาตายแล้ว โลกทั้งใบของผมหยุดหมุน ผมโทรไปสั่งให้หมอคนเดิมไปดูอาการอั่งเปาที่บ้าน แล้วหมอไปที่บ้านผมและก็โทรกลับมาบอกว่ามันเสียเนื่องจาก Heat Stroke อุณหภูมิร่างกายสูงตัวร้อนจี๋ และพยายามพูดว่ากับทางบ้านผมว่านึกว่าจะเอากลับมาอยู๋ในห้องแอร์ ผมโกรธมากเมื่อผมกลับไปถึงบ้านเค้าก็ไปเสียแล้วแม่ผมเป็นลมและร้องไห้ตลอดเวลา อั่งเปานอนตายเหมือนตุ๊กตาลูกหมู ขนของเค้าสวยมัน ลิ้นจุกปาก ผมขอให้เค้าอโหสิให้ผมและครอบครัวพร้อมฝังเค้าในสวนหน้าบ้านทั้งน้ำตาใต้ตันกล้วยเนื่องจากที่เค้าชอบกินกล้วยมาก มันเป็นความรู้สึกผิดมากที่สุดในชีวิตของผมเพราะเหมือนผมไปตัดสินชีวิตเค้าให้เค้าผ่าตัดทั้งๆที่เมื่อเช้าเค้ายังวิ่งเล่นโดยไม่รู้อิโน่นอิเน่ แต่ผมกลับจับเค้าใส่กรงพาไปให้หมอชุ่ยๆคนนึงผ่าตัดโดยที่เค้าไม่มีสิทธิกำหนดชีวิตของตัวเอง ผมกลับเป็นคนกำหนดชีวิตเค้าแล้วมันก็พลาด ผมโทรกลับไปที่คลินิกพร้อมบอกเค้าว่าผมโกรธและเสียใจมากเงินทองมากมายเท่าไรก็เรียกเอาชีวิตหมาของผมกลับมาไม่ได้ แต่ขอให้เค้าใส่ใจลูกค้าและแนะนำอะไรมากกว่านี้พร้อมทั้งกรุณาเขียนกระดาษ 1 แผ่นแนะนำวิธีดูแลตัวสุนัขหลังจากการผ่าตัดให้กับเจ้าของที่พาหมามาผ่าตัดจะได้ไม่มีใครสูญเสียสุนัขที่เค้ารักเหมื่อนกับผมอีก ผมเสียใจที่เหมือนพาเค้าไปตาย-ผมเสียใจที่วาระสุดท้ายของชีวิตของเค้าผมไม่ได้อยู่กับเค้า ถ้าตอนนี้อั่งเปารับรู้ได้ผมอยากจะบอกว่า"ผมขอโทษและเราทุกคนรักนายเสมอ อั่งเปาไม่ใช่สุนัขแต่คือสมาชิกของครอบครัวเราตลอดไป"
สรุปอุทาหรณ์ : 1.ก่อนผ่าตัดต้องเจาะเลือดและตรวจสุขภาพทุกครั้ง แม้ว่าสุนัขเราจะดูแข็งแรงมากก็ตาม
2.หลังจาการผ่าตัดตวรให้เค้าอยู่ที่คลินิกหรือ รพ. จนแน่ใจก่อนพากลับบ้าน
3. เลือกหมอหรือ รพ.ที่เราไว้ใจมากที่สุดแนะนำใส่ใจเรามากที่สุดและมีเวลาให้เค้าหลังจากการผ่าตัดให้มากที่สุด
*ปล.ถ้าเป็นปั๊กหรือสุนัขที่ระบบทางเดินหายใจสั้นควรระมัดระวังเป็นพิเศษ คำแนะนำทั้งหมดที่ผมกล่าวมาข้างต้นผมไม่เคยได้ยินออกจากปากหมอที่คลินิกนี้เลยแม้แต่คำเดียว..ตอนนี้ผ่านมา 2 วันแล้วผมยังทำใจไม่ค่อยได้โดยเฉพาะคุณแม่ผมเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะรักมากเหมือนลูก... แล้วตอนเย็นกลับบ้านหลังจากทำงานวันนี้ผมจะวิ่งเล่นกับใคร? //
"บุญกุศลและประโยชน์ทั้งหมดที่เกิดจากกระทู้นี้ผมขอยกให้สุนัขตัวแรกและอาจจะเป็นตัวเดียวที่ผมรักที่สุดในชีวิตของผม.."อั่งเปา" ....
ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบครับ รักเอ็งมาก "อั่งเปา"