เรื่องมีอยู่ว่า เราตั้งใจไปทานข้าวกับเพื่อนที่ Up and Above, Okura Prestige เพราะเข้าใจว่า อะไรๆ คงดูดี เหมือนที่เห็นมาจากรีวิว แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย.... เราเลยขอมาแชร์เรื่องที่เราเจอมา ซึ่งยาวมาก เลยต้องแบ่งเป็นข้อๆ นะคะ
1. หลังจากที่เราออกจากลิฟท์ และพุ่งตรงกันไปที่ up and above เรารู้สึกได้เลย และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพนักงานจะพยายามอย่างมากในการให้คุณไปทาน ร้าน elements ที่อยู่ด้านบน และสุดท้าย เราก็เข้าใจแล้วว่า ที่ให้เรามาร้านนี้ เพราะ มันไม่มีคนเลย เค้าจะพยายามทุกวิถีทางไม่ให้คุณย้ายกลับลงมา แต่เราไม่ยอมค่ะ เพราะ รายการอาหารที่เปิดดู ก็ยอมรับนะคะว่า ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ในระดับเดียวกัน แต่ประเด็นคือว่า มันมีให้เลือกน้อยมาก appetizer, main course หรือไม่ก็ สั่งเป็น set เลย พูดง่ายๆ คือ เมนูมีสองหน้า หน้าซ้ายกับ ขวา จบ เราเลยถามเค้าว่า อาหารร้านข้างล่าง ซึ่งก็คือ up and above เป็นอาหารแนวไหน มีอะไรบ้าง เค้าก็บอกว่า มีอาหารไทย สปาเก็ตตี้ ญี่ปุ่นก็มี เราเห็นว่า มันไม่ได้เป็นอาหารหนัก เพราะเราก็แค่ตั้งใจมาทานเล่นๆ ชิวๆ เราเลยบอกว่าอยากลงไปทานข้างล่าง เจ้าหน้าที่คนเดิม มาบอกว่า งั้นสั่งจากข้างล่าง ขึ้นมาทาน ก็ได้ เราเลยเริ่มไม่พอใจ แล้วก็ถามเค้าว่า ทำไม ถึงไม่อยากให้ลงไปข้างล่าง ลูกค้าตั้งใจมา up and above เพราะเห็นจากหลายคนที่รีวิวมา แล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธ ที่จะมาที่ element ตามคำแนะนำของคุณ แต่เมื่อมันไม่ใช่ เราก็มีสิทธิ์ปฎิเสธ ถูกมั้ยคะ เราก็ขอโทษเค้าดีดีนะคะ ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า ตอนเราขึ้นมาร้านนี้ เรามีพนักงานมาล้อมหน้าล้อมหลัง รอบโต๊ะกันเลยทีเดียว ดูแล้วเหมือนเราถูกหลอกให้ขึ้นมาเลย สุดท้ายเค้าก็ยอมให้เรากลับไปที่ up and above นะคะ ทุกอย่างก็ควรจะจบ เพราะ เราได้มาที่ที่เราอยากมา แต่มันก็ยังไม่จบ
2. เราเลือกที่นั่ง outdoor ด้านนอก พนักงานเอาเมนูมาให้เราสองเล่ม เล่มโต กับเล่มเล็ก เราเปิดดูเล่มเล็ก ก็เห็นรายการเครื่องดื่ม ก็เลยเข้าใจว่า เป็นเมนูเครื่องดื่ม ส่วนเล่มโต พอเปิดมา เห็นเป็นเมนูอาหาร เราก็เข้าใจว่า เป็นเมนูอาหาร ซึ่งมีหลากหลายกว่าข้างบนมาก เหมาะกับพวกเราซึ่งอยากทานหลายอย่าง เราก็พูดๆกันว่า ข้างล่าง อาหารดูน่าทานกว่าข้างบนเยอะ พนักงานคงได้ยิน เลยบอกว่า จริงๆแล้ว เมนูเล่มโตที่เราเปิดดูกันอยู่ สำหรับทานร้านนี้ แค่ในส่วนที่เป็น indoor เท่านั้น แต่ส่วนที่เป็น outdoor ที่เรานั่งอยู่ ต้องสั่งเมนูเล่มเล็ก - หา! อะไรกันเนี่ย มันจะเกินไปมั้ยคะ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแยกกันขนาดนี้ แอบมีความรู้สึกว่า ไม่อยากให้ลูกค้าที่นั่ง outdoor นั่งนานไป หรือยังไง?? ลืมบอกไปว่า พอเปิดเมนูเล่มเล็กไปจนถึงหน้าหลังๆ ถึงจะเห็นว่ามีรายการอาหาร อยู่เล็กน้อยด้วยเหมือนกัน สรุปแล้วคือ เค้าแยกเมนู สำหรับ indoor กับ outdoor กันจริงๆ เราเลยถามว่าแล้วทำไมเอาเล่มโตมาให้พวกเราดูพนักงานบอกว่า วันนี้อะลุ้มอล่วยให้ เพราะเห็นคนไม่เยอะ อืม ฟังดูดีนะ แต่ถ้าเราไม่ถาม แล้ววันหลังมาใหม่ ได้นั่งข้างนอก แต่ลูกค้าในร้านเยอะ เราจะรู้มั้ยว่า เค้าจะไม่ให้เราสั่งเล่มโต??? เราว่า ตอนที่เค้ายื่นเมนูทั้งสองเล่มให้เรา เค้าควรอธิบายเรื่องเมนูให้ลูกค้ารับทราบก่อนเลย เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่ผิด มันน่าจะดู professional กว่ามั้ย สำหรับโรงแรมราคาขนาดนี้?
สิ่งที่แปลกอีกเรื่องคือ ตอนเปิดเมนูดูกันอยู่ เพื่อนเราพูดขึ้นมาว่า เมื่อตะกี้ที่อยู่ที่ elements เห็นมีเมนูนึงน่าทาน อยากลอง พนักงานรีบบอกเลยว่า จะสั่งข้ามร้านกันไม่ได้นะคะ ที่นี่ไม่อนุญาต เราก็เลยงง เพราะพนักงานคนที่กุลีกุจอพาพวกเราไปอยู่ที่ elements บอกกะเราเองว่า เดี๋ยวเอาเมนูจากร้าน up and above มาให้เลือก ก็ได้ พูดง่ายๆ ก็คือ เราสามารถสั่งของ up and above มาทานบน elements ได้ แต่ณ จุดนี้ พนักงานอีกคน กลับบอกว่า ‘ไม่ได้ค่ะ สั่งข้ามร้านไม่ได้’ ไม่ทราบว่า โรงแรมนี้ มีกี่มาตรฐาน?? สรุปเราเลยสั่งแต่อาหารร้าน up and above นี่แหละ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันอีก จะได้จบๆ ไม่งั้นคงต้องเท้าความกันอีก เหนื่อย
3. บัตรจอดรถ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง ก็เป็นสำหรับเรา หลังจากที่เราเรียกเก็บค่าอาหาร พนักงานก็มาถามว่า มีบัตรจอดรถหรือไม่ เค้าจะไปสแกนให้ เราไปกัน 5 คน มีรถมาสามคัน พนักงานบอกว่า รบกวนลูกค้า จำหมายเลขบนบัตรจอดรถไว้ด้วยนะคะ แต่พอเราพลิกดู บัตรของทุกคน ก็ไม่เห็นมีหมายเลขอะไรเลย หน้าตาบัตรเหมือนกันทุกอย่าง เราเลยถามว่า จะให้จำตรงไหน พนักงานคงได้ยินเราไม่ชัด เลยตอบว่า ถ้าไม่จำไว้ เดี๋ยวเวลาเอาบัตรมาคืนแล้วจะสลับกัน เราก็แปลกใจว่า พนักงานที่นี่ ควรที่จะรู้ดีกว่าเรารึเปล่าว่า บัตรจอดรถที่นี่ มันไม่มีหมายเลข! ก็เลยเกิดความวุ่นวานเล็กน้อยในการถกเถียงเรื่องหมายเลขกับพนักงาน แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีการถกเถียงกันเรื่องจำนวนชม. ในการจอดรถ เพราะเค้าบอกว่า จอดได้แค่ 4ชม. เรามาตั้งแต่ 5 โมงเย็น เดินรอเพื่อนอยู่ในตึกนั้น กว่าจะมากันครบคน ขึ้นไปข้างบนก็ทุ่มเกือบครึ่ง ทานเสร็จก็สี่ทุ่มกว่า ทานไปก็ประมาณ 5 พันบาท แล้วเราต้องมาเสียค่าที่จอดรถด้วยหรือนี่?? จากประสบการณ์ตัวเองที่เคยไปทานอาหารที่โรงแรมอื่น เค้าก็มักจะให้ลูกค้าอย่างน้อยก็ 6 ชม. หรือไม่ก็ฟรีทั้งคืนไปเลย เราก็เลยบอกเค้าไปว่า เราคิดว่า มันไม่ถูก ถ้าเราต้องทานอาหารราคาขนาดนี้ แล้วยังต้องมาเสียค่าที่จอดรถอย่างนี้ แถมส่วนที่เกินจาก 4 ชม.ที่เค้าสแกนให้ คิดชม.ละ 40 บาท! พนักงานเลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวเค้าสแกนเพิ่มให้ เราก็เลยถามว่า เพิ่มให้เท่าไหร่ เค้าก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่า ถ้าลูกค้า ออกจากที่จอดรถ ก็ออกได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราก็ไม่คิดอะไร ออกจากร้าน กว่าจะยืนเล่นถ่ายรูปกัน กว่าจะเข้าห้องน้ำ กว่าจะนั่งเมาท์กันต่อตรงหน้าลอบบี้ พอเอารถออกจากที่จอดรถ เราเจอค่าที่จอดรถไป 80 บาท เพราะเกินมา 2ชม. เราโมโหมาก เถียงกับรปภ เค้าก็บอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเค้าสแกนมาให้แค่ 4 ชม. พนักงานที่นี่ เค้าถูกเทรนมาให้โกหกลูกค้า? บอกตรงๆ เราโคตรเสียความรู้สึก สมแล้วจริงๆ ที่ไม่ค่อยมีใครอยากไปที่นี่ you deserve it!
4. ส่วนเรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องของเพื่อนเรา ที่ขับรถตามเราออกมา (แล้วก็โดนไป 40 บาท) เค้าเลี้ยวออกจากที่จอดรถผิดด้าน รปภ ของโรงแรม วิ่งมาหานางทันที แถมตะโกนบอกว่า เลี้ยวไปอีกทางสิ ใครให้เลี้ยวทางนี้ ขับมาทางนี้ ผมโดนไล่ออกกันพอดี - เฮ้ย อยากจะบอกให้คุณเจ้าของโรงแรมทราบนะคะ ว่าไฟรอบอาคารของคุณ ก็ดูเหมือนไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ แล้วถ้าลูกค้าจะเลี้ยวผิด คุณช่วยบอกรปภ ของโรงแรมระดับ hi end ให้พูดจากับลูกค้าให้เหมาะสมกับที่คุณเป็นโรงแรมระดับ hi end จะได้หรือไม่ – เพื่อนเราถึงกับอึ้ง เจอรปภ ตะโกนใส่ ชีเลยไม่กลับรถ แต่ฝืนขับสวนออกไปเลย เพราะ ณ เวลานั้น ดึกขนาดนั้น มันไม่ค่อยมีรถเข้ามา เพื่อนเราเลยโดนรปภ ด่าไล่หลังจนออกจากตึก
อันนี้เป็นสิ่งที่เราไปเจอมาเองกับตัว และไม่เคยคิดมาก่อนว่า โรงแรมระดับนี้ จะเทรนพนักงานอย่างนี้ ผิดหวังมากจริงๆ ที่ไปใช้บริการของที่นี่ เราได้แต่หวังว่า เรื่องของเราจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ในการตัดสินใจเลือกร้านอาหาร แล้วก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โรงแรมจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ส่วนเรา และเพื่อนๆ คงต้องขอบายโรงแรมนี้ หวังว่า คงจะไม่มีเหตุให้เราต้องเจอกันอีกนะ The Okura Prestige, Bangkok
[CR] ขออย่าได้เจอกันอีกเลย The Okura Prestige, Bangkok - บริการได้แย่ เกินความคาดหมาย
1. หลังจากที่เราออกจากลิฟท์ และพุ่งตรงกันไปที่ up and above เรารู้สึกได้เลย และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพนักงานจะพยายามอย่างมากในการให้คุณไปทาน ร้าน elements ที่อยู่ด้านบน และสุดท้าย เราก็เข้าใจแล้วว่า ที่ให้เรามาร้านนี้ เพราะ มันไม่มีคนเลย เค้าจะพยายามทุกวิถีทางไม่ให้คุณย้ายกลับลงมา แต่เราไม่ยอมค่ะ เพราะ รายการอาหารที่เปิดดู ก็ยอมรับนะคะว่า ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ในระดับเดียวกัน แต่ประเด็นคือว่า มันมีให้เลือกน้อยมาก appetizer, main course หรือไม่ก็ สั่งเป็น set เลย พูดง่ายๆ คือ เมนูมีสองหน้า หน้าซ้ายกับ ขวา จบ เราเลยถามเค้าว่า อาหารร้านข้างล่าง ซึ่งก็คือ up and above เป็นอาหารแนวไหน มีอะไรบ้าง เค้าก็บอกว่า มีอาหารไทย สปาเก็ตตี้ ญี่ปุ่นก็มี เราเห็นว่า มันไม่ได้เป็นอาหารหนัก เพราะเราก็แค่ตั้งใจมาทานเล่นๆ ชิวๆ เราเลยบอกว่าอยากลงไปทานข้างล่าง เจ้าหน้าที่คนเดิม มาบอกว่า งั้นสั่งจากข้างล่าง ขึ้นมาทาน ก็ได้ เราเลยเริ่มไม่พอใจ แล้วก็ถามเค้าว่า ทำไม ถึงไม่อยากให้ลงไปข้างล่าง ลูกค้าตั้งใจมา up and above เพราะเห็นจากหลายคนที่รีวิวมา แล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธ ที่จะมาที่ element ตามคำแนะนำของคุณ แต่เมื่อมันไม่ใช่ เราก็มีสิทธิ์ปฎิเสธ ถูกมั้ยคะ เราก็ขอโทษเค้าดีดีนะคะ ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า ตอนเราขึ้นมาร้านนี้ เรามีพนักงานมาล้อมหน้าล้อมหลัง รอบโต๊ะกันเลยทีเดียว ดูแล้วเหมือนเราถูกหลอกให้ขึ้นมาเลย สุดท้ายเค้าก็ยอมให้เรากลับไปที่ up and above นะคะ ทุกอย่างก็ควรจะจบ เพราะ เราได้มาที่ที่เราอยากมา แต่มันก็ยังไม่จบ
2. เราเลือกที่นั่ง outdoor ด้านนอก พนักงานเอาเมนูมาให้เราสองเล่ม เล่มโต กับเล่มเล็ก เราเปิดดูเล่มเล็ก ก็เห็นรายการเครื่องดื่ม ก็เลยเข้าใจว่า เป็นเมนูเครื่องดื่ม ส่วนเล่มโต พอเปิดมา เห็นเป็นเมนูอาหาร เราก็เข้าใจว่า เป็นเมนูอาหาร ซึ่งมีหลากหลายกว่าข้างบนมาก เหมาะกับพวกเราซึ่งอยากทานหลายอย่าง เราก็พูดๆกันว่า ข้างล่าง อาหารดูน่าทานกว่าข้างบนเยอะ พนักงานคงได้ยิน เลยบอกว่า จริงๆแล้ว เมนูเล่มโตที่เราเปิดดูกันอยู่ สำหรับทานร้านนี้ แค่ในส่วนที่เป็น indoor เท่านั้น แต่ส่วนที่เป็น outdoor ที่เรานั่งอยู่ ต้องสั่งเมนูเล่มเล็ก - หา! อะไรกันเนี่ย มันจะเกินไปมั้ยคะ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแยกกันขนาดนี้ แอบมีความรู้สึกว่า ไม่อยากให้ลูกค้าที่นั่ง outdoor นั่งนานไป หรือยังไง?? ลืมบอกไปว่า พอเปิดเมนูเล่มเล็กไปจนถึงหน้าหลังๆ ถึงจะเห็นว่ามีรายการอาหาร อยู่เล็กน้อยด้วยเหมือนกัน สรุปแล้วคือ เค้าแยกเมนู สำหรับ indoor กับ outdoor กันจริงๆ เราเลยถามว่าแล้วทำไมเอาเล่มโตมาให้พวกเราดูพนักงานบอกว่า วันนี้อะลุ้มอล่วยให้ เพราะเห็นคนไม่เยอะ อืม ฟังดูดีนะ แต่ถ้าเราไม่ถาม แล้ววันหลังมาใหม่ ได้นั่งข้างนอก แต่ลูกค้าในร้านเยอะ เราจะรู้มั้ยว่า เค้าจะไม่ให้เราสั่งเล่มโต??? เราว่า ตอนที่เค้ายื่นเมนูทั้งสองเล่มให้เรา เค้าควรอธิบายเรื่องเมนูให้ลูกค้ารับทราบก่อนเลย เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่ผิด มันน่าจะดู professional กว่ามั้ย สำหรับโรงแรมราคาขนาดนี้?
สิ่งที่แปลกอีกเรื่องคือ ตอนเปิดเมนูดูกันอยู่ เพื่อนเราพูดขึ้นมาว่า เมื่อตะกี้ที่อยู่ที่ elements เห็นมีเมนูนึงน่าทาน อยากลอง พนักงานรีบบอกเลยว่า จะสั่งข้ามร้านกันไม่ได้นะคะ ที่นี่ไม่อนุญาต เราก็เลยงง เพราะพนักงานคนที่กุลีกุจอพาพวกเราไปอยู่ที่ elements บอกกะเราเองว่า เดี๋ยวเอาเมนูจากร้าน up and above มาให้เลือก ก็ได้ พูดง่ายๆ ก็คือ เราสามารถสั่งของ up and above มาทานบน elements ได้ แต่ณ จุดนี้ พนักงานอีกคน กลับบอกว่า ‘ไม่ได้ค่ะ สั่งข้ามร้านไม่ได้’ ไม่ทราบว่า โรงแรมนี้ มีกี่มาตรฐาน?? สรุปเราเลยสั่งแต่อาหารร้าน up and above นี่แหละ จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันอีก จะได้จบๆ ไม่งั้นคงต้องเท้าความกันอีก เหนื่อย
3. บัตรจอดรถ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง ก็เป็นสำหรับเรา หลังจากที่เราเรียกเก็บค่าอาหาร พนักงานก็มาถามว่า มีบัตรจอดรถหรือไม่ เค้าจะไปสแกนให้ เราไปกัน 5 คน มีรถมาสามคัน พนักงานบอกว่า รบกวนลูกค้า จำหมายเลขบนบัตรจอดรถไว้ด้วยนะคะ แต่พอเราพลิกดู บัตรของทุกคน ก็ไม่เห็นมีหมายเลขอะไรเลย หน้าตาบัตรเหมือนกันทุกอย่าง เราเลยถามว่า จะให้จำตรงไหน พนักงานคงได้ยินเราไม่ชัด เลยตอบว่า ถ้าไม่จำไว้ เดี๋ยวเวลาเอาบัตรมาคืนแล้วจะสลับกัน เราก็แปลกใจว่า พนักงานที่นี่ ควรที่จะรู้ดีกว่าเรารึเปล่าว่า บัตรจอดรถที่นี่ มันไม่มีหมายเลข! ก็เลยเกิดความวุ่นวานเล็กน้อยในการถกเถียงเรื่องหมายเลขกับพนักงาน แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีการถกเถียงกันเรื่องจำนวนชม. ในการจอดรถ เพราะเค้าบอกว่า จอดได้แค่ 4ชม. เรามาตั้งแต่ 5 โมงเย็น เดินรอเพื่อนอยู่ในตึกนั้น กว่าจะมากันครบคน ขึ้นไปข้างบนก็ทุ่มเกือบครึ่ง ทานเสร็จก็สี่ทุ่มกว่า ทานไปก็ประมาณ 5 พันบาท แล้วเราต้องมาเสียค่าที่จอดรถด้วยหรือนี่?? จากประสบการณ์ตัวเองที่เคยไปทานอาหารที่โรงแรมอื่น เค้าก็มักจะให้ลูกค้าอย่างน้อยก็ 6 ชม. หรือไม่ก็ฟรีทั้งคืนไปเลย เราก็เลยบอกเค้าไปว่า เราคิดว่า มันไม่ถูก ถ้าเราต้องทานอาหารราคาขนาดนี้ แล้วยังต้องมาเสียค่าที่จอดรถอย่างนี้ แถมส่วนที่เกินจาก 4 ชม.ที่เค้าสแกนให้ คิดชม.ละ 40 บาท! พนักงานเลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวเค้าสแกนเพิ่มให้ เราก็เลยถามว่า เพิ่มให้เท่าไหร่ เค้าก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่า ถ้าลูกค้า ออกจากที่จอดรถ ก็ออกได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราก็ไม่คิดอะไร ออกจากร้าน กว่าจะยืนเล่นถ่ายรูปกัน กว่าจะเข้าห้องน้ำ กว่าจะนั่งเมาท์กันต่อตรงหน้าลอบบี้ พอเอารถออกจากที่จอดรถ เราเจอค่าที่จอดรถไป 80 บาท เพราะเกินมา 2ชม. เราโมโหมาก เถียงกับรปภ เค้าก็บอกว่า ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเค้าสแกนมาให้แค่ 4 ชม. พนักงานที่นี่ เค้าถูกเทรนมาให้โกหกลูกค้า? บอกตรงๆ เราโคตรเสียความรู้สึก สมแล้วจริงๆ ที่ไม่ค่อยมีใครอยากไปที่นี่ you deserve it!
4. ส่วนเรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องของเพื่อนเรา ที่ขับรถตามเราออกมา (แล้วก็โดนไป 40 บาท) เค้าเลี้ยวออกจากที่จอดรถผิดด้าน รปภ ของโรงแรม วิ่งมาหานางทันที แถมตะโกนบอกว่า เลี้ยวไปอีกทางสิ ใครให้เลี้ยวทางนี้ ขับมาทางนี้ ผมโดนไล่ออกกันพอดี - เฮ้ย อยากจะบอกให้คุณเจ้าของโรงแรมทราบนะคะ ว่าไฟรอบอาคารของคุณ ก็ดูเหมือนไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ แล้วถ้าลูกค้าจะเลี้ยวผิด คุณช่วยบอกรปภ ของโรงแรมระดับ hi end ให้พูดจากับลูกค้าให้เหมาะสมกับที่คุณเป็นโรงแรมระดับ hi end จะได้หรือไม่ – เพื่อนเราถึงกับอึ้ง เจอรปภ ตะโกนใส่ ชีเลยไม่กลับรถ แต่ฝืนขับสวนออกไปเลย เพราะ ณ เวลานั้น ดึกขนาดนั้น มันไม่ค่อยมีรถเข้ามา เพื่อนเราเลยโดนรปภ ด่าไล่หลังจนออกจากตึก
อันนี้เป็นสิ่งที่เราไปเจอมาเองกับตัว และไม่เคยคิดมาก่อนว่า โรงแรมระดับนี้ จะเทรนพนักงานอย่างนี้ ผิดหวังมากจริงๆ ที่ไปใช้บริการของที่นี่ เราได้แต่หวังว่า เรื่องของเราจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ในการตัดสินใจเลือกร้านอาหาร แล้วก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โรงแรมจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ส่วนเรา และเพื่อนๆ คงต้องขอบายโรงแรมนี้ หวังว่า คงจะไม่มีเหตุให้เราต้องเจอกันอีกนะ The Okura Prestige, Bangkok