"พีพีทีวี" บนสมรภูมิทีวีดิจิทัล "เมื่อมาทีหลังก็ต้องวิ่งให้เร็วกว่าคนอื่น"

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1395999990

updated: 28 มี.ค. 2557 เวลา 16:45:59 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

สัมภาษณ์

ถือว่าสร้างคำถามให้แก่หลายๆ คน ตั้งแต่วันที่ปรากฏชื่อของ "หมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ" เข้ายื่นซองประมูลทีวีดิจิทัล จนชนะการประมูลช่องวาไรตี้ เอชดี เมื่อปลายปีก่อน ด้วยเม็ดเงินถึง 3,462 ล้านบาท ว่า ธุรกิจทีวีดิจิทัลจะเชื่อมโยงกับธุรกิจ "โรงพยาบาล" และ "สายการบิน" ที่เป็นธุรกิจหลักได้อย่างไร

วันนี้คำถามทั้งหมดกำลังถูกเฉลย ภายใต้การนำทัพของ "เขตทัตต์ พลเดช" อดีตบอสใหญ่บริษัทเอเยนซี่ชื่อดัง "สปา-ฮาคูโฮโด" และมือการตลาด อสมท ที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (BMB)

"เขตทัตต์" เริ่มบทสนทนาว่า การเข้าประมูลทีวีดิจิทัล ไม่ใช่การก้าวเข้าสู่ธุรกิจทีวีครั้งแรกของ "หมอปราเสริฐ" แต่ก่อนหน้านี้ได้เปิดช่อง "อินแชนเนล" สถานีข่าว สาระบันเทิงภาคภาษาอังกฤษ ออกอากาศผ่านทรูวิชั่นส์ เมื่อปี 2555

"การสร้างธุรกิจทีวีในช่วงแรกเพื่อทดลองว่าจะรองรับธุรกิจในเครือที่มีอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งพบปัญหาหลายอย่าง เพราะไม่มีประสบการณ์ จนมีการเปิดประมูลทีวีดิจิทัลขึ้น ทำให้หมอปราเสริฐตั้งทีมศึกษาโอกาสธุรกิจนี้ หลังจากนั้นก็เปิดช่องทีวีดาวเทียมพีพีทีวีขึ้น เพื่อทดลองก่อนจะลงระบบดิจิทัล โดยมุ่งมั่นว่าธุรกิจทีวีนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน"

หลังจากการประมูลเสร็จสิ้นจึงได้มีการยุบรวมระหว่างช่อง "อิน แชนเนล" กับ "พีพีทีวี" จากที่เน้นตลาดนิชมาร์เก็ต พร้อมปรับภาพลักษณ์ รีโพซิชันนิ่ง และแคแร็กเตอร์ใหม่ กลายเป็น "พีพีทีวีเอชดี" ในวันนี้ วางตำแหน่งเป็น "พรีเมี่ยมแมส" โดยปรับโลโก้ให้ทันสมัยและอินเตอร์ขึ้น

เมื่อประเมินคู่แข่ง โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นรายใหม่ด้วยกันแล้ว "เขตทัตต์" มองว่า ล้วนต่างมีความแข็งแกร่งทุกราย ทั้งวิธีการคิด เงินทุน สิ่งที่รายใหม่ยังขาด คือผลงานที่ผ่านๆ มา กับเรื่องของประสบการณ์

"ประสบการณ์ของผู้เล่นรายใหม่ อาจไม่ใช่เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบกันเท่าไร เพราะผู้บริหารส่วนใหญ่ของ 24 ช่อง ก็เป็นผู้มีประสบการณ์บนสมรภูมินี้มาแล้วทั้งสิ้น"

การเริ่มต้นในครั้งนี้ "พีพีทีวีเอชดี" วางเป้าหมายไว้ 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1.สร้างตำแหน่งการตลาดและแคแร็กเตอร์สถานีให้ชัดเจนเป็น "พรีเมี่ยมแมส" คือ พรีเมียมด้านเนื้อหารายการ เทคโนโลยี บุคลากร และไลฟ์สไตล์ แต่สามารถเข้าถึงได้ง่าย

2. บริหารคอนเทนต์และผังรายการที่มีคุณภาพและได้รับความนิยม 3. พนักงานสามารถทำงานในลักษณะ Multi Skill ผสมผสานจากบุคลากรหลายหน่วยงาน ทั้งธุรกิจสายการบิน โรงพยาบาล และเทคโนโลยี หล่อหลอมให้องค์กรแข็งแรงในทุกมิติ

และ 4. นำเทคโนโลยีใหม่ๆ สนับสนุนงานด้านวิศวกรรมการออกอากาศ การผลิตรายการ 5. เฟ้นหาคอนเทนต์ พาร์ตเนอร์ทั้งไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันร่วมมือกับจีนและโทรทัศน์จากเกาหลีใต้ชั้นนำ 6. วางแผนตลาดและการบริหารทางการเงิน

ด้านผังรายการของพีพีทีวีนั้น วางเป็นข่าวและสาระความรู้ 30% อีก 70% เป็นรายการบันเทิง มุ่งเจาะกลุ่มคนกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆ แบ่งเป็นคอนเทนต์ต่างประเทศ 50% และโลคอลคอนเทนต์ 50%

จุดแข็งอีกอย่างที่บริษัทมี คือ "ดิสทริบิวชั่นแชนเนล" ผ่านช่องทางที่มี คือ สายการบิน โรงพยาบาลในเครือกรุงเทพ ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญสร้างการรับรู้และจดจำช่อง "พีพีทีวี" ได้รวดเร็วขึ้น

ส่วนการแข่งขันจากนี้ เขาเชื่อว่า ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง ทีวีดิจิทัลจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ

ถ้านายทุนหรือฝ่ายบริหารสถานีไม่สามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดรับตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป คงต้องเหนื่อยหนัก โดยเฉพาะการคืนทุนจากงบฯลงทุนที่สูงลิบลิ่วของผู้เล่นในสมรภูมินี้ เขาแจงว่า พีพีทีวีใช้งบฯเบื้องต้น 2,000 ล้านบาท ลงทุนด้านคอนเทนต์ ค่าอุปกรณ์และอื่น ๆ และอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เตรียมทุ่มงบฯอีก 200-300 ล้านบาท สร้างสตูดิโอข่าวบนพื้นที่มีอยู่แล้วประมาณ 3-4 ไร่ ถนนวิภาวดีรังสิต ข้างการบินไทย

"เมื่อลงทุนไปแล้ว ก็คาดว่าจะให้คืนทุนเร็วที่สุด เชื่อว่าปีที่ 3 เป็นต้นไป ประกอบกับโครงข่ายที่ครอบคลุมกลุ่มผู้ชมเพิ่มขึ้น การวัดผลเรตติ้งที่ชัดเจน จะทำให้การขาดทุนลดลง และมีกำไร"

เขายอมรับว่า วันนี้ พีพีทีวีเป็นน้องใหม่ เมื่อเป็นน้องใหม่ ทำให้ต้องใช้พลังมากกว่าคนอื่น นั่นคือต้องวิ่งเร็วกว่า ทำให้เร็วกว่าช่องอื่น ๆ ถึง 3 เท่า เพื่อให้ทันกับคนที่วิ่งออกไปก่อนแล้ว ถือเป็นความท้าทายที่ต้องทำให้ประสบความสำเร็จ

แผนของเขา ไม่เน้นพึ่งพารายได้จากงบฯโฆษณาอย่างเดียว แต่จะมาจากช่องทางอื่นๆ ด้วย จากพฤติกรรมรับชมที่เปลี่ยนไป ไม่ได้ผ่านแค่เครื่องรับโทรทัศน์ แต่ผ่านช่องทางใหม่ๆ ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเลต ทำให้ช่วงไพรมไทม์และน็อนไพรมไทม์ของทีวีเปลี่ยนไปเช่นกัน

"อนาคตผู้ชมจะสามารถรับชมช่องพีพีทีวีเอชดีผ่านมือถือและโทรทัศน์ติดรถยนต์ที่รองรับการชมทีวีดิจิทัลได้"

3-5 ปีจากนี้ เขาหวังขึ้นเป็น 1 ใน 2 ของฟรีทีวี ไม่เฉพาะ "รายได้" แต่ยังหมายถึง "คุณภาพรายการ" ที่ผู้ชมพอใจ ถือเป็นเป้าหมายที่เขาหมายมั่นเป็นที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่