เลิกซะทีได้ไหมคำว่า "หมาหัวเน่า"....จากใจแม่คนหนึ่ง

เกิดเป็นผู้หญิงแสนลำบาก เกิดเป็นแม่คนลำบากกว่า 100 เท่า แต่ทนได้ แต่ไม่อยากทนกับความนึกคิดของคนอื่นที่พยายามเอามายัดใส่หัวลูกที่เราเฝ้าทะนุถนอมของเรามา
      เรื่องของเราเกิดเพราะเรามีลูกชายวัย 2 ขวบกว่าหนึ่งคน และกำลังท้องคนที่สองที่กำลังจะคลอดเดือนเมษานี้อีกหนึ่งคน ตัวเราเองเลี้ยงลูกเองได้ 7 เดือนกว่า ก็พาลูกคนโตไปฝากเนิร์สเซอรี่ใกล้บ้านเลี้ยง แต่เราก็ดูแลลูกเองทุกอย่าง และอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะมีความคิดเป็นส่วนตัวว่า ตอนจะมี ก็มีเอง เพราะงั้นก็ต้องเลี้ยงเอง ดูแลเองตามกำลังความสามารถของเรา อย่าให้ลูกเราต้องเป็นภาระของคนอื่น (ตา ยาย ป้า น้า อา ญาติ บลาๆๆๆๆ) เลยทำให้เราไม่ค่อยพึ่งตากับยายของลูกเท่าไร ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ส่วนปู่กับย่าของลูกอยู่ไกลกันค่ะ (เพชรบุรี-ชุมพร)
       เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ เป็นเพราะน้องชายสามีเขาแต่งงาน ในขณะที่ตัวเราก็ท้องแก่มากแล้ว ก็ไม่อยากเดินทางไปไหนอีก และเราเป็นคนที่เลี้ยงลูกแบบตีค่ะ คือถ้าเขาทำผิด เราจะคุยกันก่อนว่าผิดอะไร ทำไมแม่ถึงดุ ถ้าทำอีกแม่จะตีนะ ซึ่งส่วนตัวเรากับลูกเข้าใจกันค่ะ และเราไม่ได้ตีหนักอะไร และใช้มือตีที่มือของเขา แต่ๆๆๆๆค่ะ ตอนไปงานแต่งน้องชาย เราไปบอกแม่สามีว่า เราคงไม่ได้มาหาอีกพักใหญ่นะ เพราะเดินทางไม่ไหวแล้ว คลอดสักพักถึงจะมาหา (ปกติไปทุกเดือนค่ะ บ้างเดือน 2-3 ครั้ง) แม่สามีก็ออกอาการงอนนิด เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่บอกแกว่า หนูไม่ไหวจริงๆแม่ แกก็เหมือนจะเข้าใจ ณ ตอนนั้นเอง ลูกชายเราวิ่งเล่นถลาเข้ามาหา แล้วไปชนของหล่นมาโครมใหญ่ เราก็ดุเขา และเนื่องจากเป็นการเตือนครั้งที่สองแล้ว เราก็เลยเตือนลูกชายว่าหนนี้แม่จะตีแล้วนะ เพราะเราคุยกันแล้ว พี่โอเคไหม ลูกเราเขาก็โอเค แต่ก็หงอยไป เท่านั้นแหละค่ะ แม่สามีจัดมาเลยค่ะ ว่าหลานเขาน่าสงสาร นี้ขนาดน้องยังไม่คลอดยังถูกตี ถ้าน้องคลอดหลานเขาจะเป็นหมาหัวเน่า คงต้องถูกตีทุกวัน ทำอะไรก็ผิดไปหมดเพราะแม่จะรักแต่น้อง -*- เรานี้หงายเงิบ เราเลยบอกว่า ทำไมแม่ไปพูดอย่างนั้น มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ลูกหนู หนูก็รัก จะมีกี่คนก็รักเหมือนกันทุกคน ที่ต้องดุต้องตี เพราะต้องการจะสอนว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ถ้าไม่สอนตอนนี้จะรอให้คนอื่นเขามาว่า ว่าเลี้ยงลูกไม่รู้จักสั่งสอนเหรอแม่ เราว่าเองดีกว่าไหม อย่าให้ใครเขามาว่าลูกเราดีกว่า แม่สามีเขาก็หน้าเสียไปหน่อย แกคงตกใจที่เราขึ้นเสียงกับแก (ปกติถ้ามีปัญหา เราจะคุยกับสามี ให้เขาคุยกับแม่เขาเอง) แกก็เลยเล่าว่าหลาน ลูกญาติๆกัน แม่เขาตีคนโตทุกวันตั้งแต่มีลูกคนใหม่ (-*- อยากจะบอกว่าเด็กที่ถูกตีอายุ 5 ขวบกว่าล่ะ ส่วนอีกคนเพิ่งคลอด ถ้าถามเรา วัยนี้อย่างซน ก็คงต้องโดนตีบ้างแหละ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่แม่เขามีน้องอีกคนเลย ในความคิดเราอ่ะนะ) เราก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร หนูเข้าใจว่าแม่คิดยังไง แต่หนูขอ อย่าพูดอย่างนี้ หนูไม่อยากให้ลูกจำว่าการมีน้องจะทำให้แม่รักเขาน้อยลง แม่สามีก็อืมๆล่ะค่ะ จะเข้าใจจริงไหม เราก็ไม่รู้
         แต่เรื่องยังไม่จบค่ะ หลังจากกลับมา เสาร์อาทิตย์พี่สาวเรามาหาหลาน ลูกเราเลยไปบ้านตายาย แล้วคุยกันยังไงไม่รู้ ดันมีประเด็นเรื่องลูกคนเล็กที่จะคลอดของเราอีก แล้วอยู่ๆลูกเราก็ถามยายเขาว่า "หมาหัวเน่าเป็นยังไง" เราก็อึ้ง รู้สึกเซ็งนิดๆว่า นั้นไง ลูกจำคำนี้ได้ซะแล้ว แต่แม่กับพี่เราดันหัวเราะ แล้วบอกว่าหมาหัวเน่าก็เป็นแบบลูกเราไง เดี๋ยวแม่มีน้องใหม่ แม่ก็ไม่รักแล้ว -*- ปริ๊ดดดดดดดดด เลยค่ะ ณ จุดจุดนั้น เราว่าสวนไปทั้งแม่และพี่เราว่า ถ้าคิดจะสอนหลานแบบนี้ ทีหลังไม่ต้องสอนหรอกนะ นั่งเงียบๆมองหลานเฉยๆก็พอ  แล้วเรียกลูกกับสามีกลับบ้านเลยค่ะ  
       หลังจากนั้นยังมีบางครั้งที่ลูกเราจะถามว่า แม่ หัวพี่เหม็นไหม หัวพี่เน่าไหม แม่จะไม่รักพี่แล้วเหรอ   เราปวดใจมากนะค่ะที่ได้ยินคำถามแบบนี้ ทั้งๆที่พยายามบอกเขามาตั้งแต่ตอนท้องใหม่ๆว่า เขากำลังจะเป็นพี่นะ เขาจะมีเพื่อนคนใหม่ที่จะรักเขาที่สุด เขาจะมีคนที่เขาต้องดูแล ปกป้องนะ น้องจะรักเขาเหมือนที่แม่รัก แต่สุดท้ายเพราะคำพูดของผู้ใหญ่ที่พูดอะไรไม่คิด คิดว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน ทำให้ความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งต้องเสียไป เด็กคนหนึ่งที่เป็นหลานของพวกเขา เด็กคนที่คิดว่าแม่รักเขาที่สุด แต่วันนี้เขากลับต้องมาระแวงความรักของแม่ เพราะผู้ใหญ่พูดไม่คิด แม่อย่างเราเจ็บเหมือนมีคนเอามีดมากรีดที่อก
        เพราะอย่างนั้นเราขอเถอะนะค่ะ ผู้ใหญ่ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนทั้งหลาย โปรดเห็นใจคนเป็นแม่อย่างเรา อย่างเอาคำพูดเหล่านี้มายัดใส่หัวเด็กๆเลยค่ะ มันไม่มีคุณอะไร นอกจากทำลายความไว้ใจ ความรู้สึกของเด็กคนนั้น ที่ถึงตอนนี้แม้แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนั้นของลูกกลับมายังไง ทำได้เพียงบอกเขาว่า "แม่รักหนูนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีอะไรมาทำลายความรักของแม่ที่มีให้หนูได้ แม่มีแต่รักหนูมากขึ้นทุกวัน ไม่มีวันจะลดน้อยลงเลย"
         หวังว่าสักวันลูกเราจะกลับมามั่นใจในความรักของเราที่มีต่อเขา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่