คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ปัญหาของผู้มีปัญญา
กายวิภาคเนี่ยะ จรนัยได้หมด อะไรตรงไหน มีส่วนประกอบของคูธ มูต เน่า ไอโซโทป
สังกะสีตรงไหน เพื่ออะไร จะรู้ทะลุปรุโปร่งไปหมด
แต่ในทางธรรม เราจะเรียกว่า " สัตว์สัญญาใกล้เสีย "
จำแม่น สัญญามันเที่ยง ความคิดความอ่านมันเที่ยง ไม่ใช่การระลึก แต่เป็นการ โป๊ะเช๊ะ ปิ๊ง
แบบ "หัวหมอ"
วิธีแก้ ฟังแล้วก็ ทรมานใจ หากจะให้ ตรึกว่า สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง ถามไปก็มีหวังโดน
จิตภัสสร กปปส ( "ตั้น"หน้า )
ทีนี้ แปลกแต่จริง เจ้าของกระทู้รู้ตัวว่า ต้องแก้กรรมฐานอย่างไร รู้เอง แต่ ปักใจในวิธีการ
แบบ หน้ามื๊ด ไปหน่อยเท่านั้น
เวลาจะแก้ให้ยอมรับ สัญญาไม่เที่ยง เราจะใช้ สังขารมาแสดงความไม่เที่ยงก่อน
ทำให้ เราจะใช้ กายคตาสติ มาแก้ทาง แต่ทว่า คุณต้องพิจารณา ทวนกระแสไปหาเหตุ
อย่า อนุโลมไปตามเหตุ จน" เวียนวน "
เรื่องการ อ๊วก อันนั้น ขอบอกว่า มันเกิดจาก ปัญญาในการวางจิต คุณรู้วิธีวางจิตเพื่อทำ
ให้ตัวเองอ๊วก รู้วิธีวางจิตให้หัวเราะ ซึ่งก็ได้มาจาก การรู้ร่างกาย กายวิภาค นั่นแหละ
ดังนั้น การอ๊วกได้ ต้องบอกว่า เป็น สังขาร หรือ ความคิดของคุณเอง ที่ใช้ มโนสังขาร
เหนี่ยวนำให้เกิด กายสังขาร อาการทางกาย
ให้คุณ พิจารณาจิตที่เหวี่ยงนั่นแหละ แต่เวลาเห็น อย่ากระโจนเข้าไปจับ อย่าปักจิตกับ
สิ่งนั้น เวทนามันจะพาวน วิญญาณมันจึงหมุนควงตรงนั้น ( ตัวเดียวกัน กับการวางจิตให้อ๊วก )
ดูดีๆ เวลาเห็น จิตมันส่าย ส่ายนิดเดียวพอแล้ว เอาพอ ฟ้าแล๊บ เอาพอ ลิ้นงูไปสัมผัสรู้รส
เอาแค่ ช้างกระดิกหูยินสิ่งนั้น แล้ว ถอยเลย อย่าปัก อย่ากระโจน อย่าอนุโลม อย่าไปให้
ความสำคัญกับมันว่า มันจะนำมรรคผลมาให้ !!
จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้
...จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้
ดูไปเรื่อยๆ เหมือนนกกระพือปีก งูแล๊บลิ้น ช้างกระดิกหู .........เห็นแล้วถอย เห็นได้ครั้งเดียว
จะมีค่าเท่ากับ นั่งสมาธิจุมปุ๊กกว่าร้อยราตรี
ดูแล้วได้อะไร ไม่กระโจนเข้าไปจะได้อะไรรึ
จะได้การเห็นไปตามความเป็นจริง จิตสังขาร ไม่เที่ยง !!! ( เอา สังขารมาแก้ สัญญา )
จิตสังขารไม่เทียง เห็นแล้วได้อะไร จะแยก เวทนา กับ วิญญาณ ที่เป็นเครื่องมือ อัน เจ้าตัว
ชำนาญเกินไป โดยไปสำคัญว่า เวทนาเป็นตน วิญญาณเป็นตน เข้า
ไปจงใจบังคับบัญชาจิต(วิญญาณขันธ์) กับ เวทนาขันธ์ .....มันเลย หลอกให้ ภาวนาหัวปักหัวป่ำ อะจิ
ลองดูนะ เอาแค่ รู้จิตส่าย รู้แล้วปล่อย ปล่อยให้ไว จน เวทนา กับ วิญญาณ แสดงความเป็นอนัตตา
ขึ้นมาได้ จิตคุณถึงจะปล่อย แล้วจะจึงจะ ทวนกระแสไปหาเหตุ ว่าทำไม จิตสังขารไม่เที่ยง
ตรงนี้ต้องลงมือจริงๆ นะ อย่า "หัวหมอ" กระโดดข้ามไปจับเอา ทิฏฐิ จะทำให้ โดนสังขารมัน
หลอกอีก
การภาวนาระดับคุณ คุณจะรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ต้องฟังธรรมจากคนอื่นแล้ว สามารถ ปฏิบัติลำพังได้
การที่เห็น โพสนี้ ลองดูดีๆ ไม่ใช่เพราะว่า เห็นโพสแล้วจึงเห็นทาง เอาเข้าจริงๆ จิตคุณฟัง
ธรรมอยู่ด้วยตัวเองแล้ว ไม่ต้องฟังธรรมจากใครแล้ว แต่ความที่ " หัวหมอ " เป็น วาสนา
ที่ได้มาในอัตตภาพนี้ มันล้อเล่นกับคุณ ...หมอ มักจะถูกสอนให้เห็นสัญญาเที่ยง มันเลย
มียาพิษเจือนิดหน่อยเวลามาปฏิบัติธรรม ซึ่ง ไม่แนะนำให้เอาออกนะ เพราะ หมอ เนี่ยะ
ต้องใช้ ต้องแม่น อกุศลต่อการภาวนาก็จริง แต่ถ้าเอาออกแล้วเกิดโทษ คนไข้มีของแถม
ทิ้งไว้ในไส้ ในตับ เส้นเลือดขาด เอ็นกระเด็น มันก็เป็นโทษ พระพุทธองค์จะไม่เอา อกุศลนั้นออก
แต่เราจะต้อง ฉลาดในการภาวนา ฉลาดในอุบายการอบรม นิดหน่อย ให้ข้ามกองขันธ์บางประการ
ด้วยการแทงตลอดด้วย เหตุ อื่นเอา
ทีนี้
แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่า ภาวนาแล้ว ปล่อยถูก ปล่อยได้ไว
ให้สังเกตุ จิตส่าย จะผลิกเป็น ปิติ5 กายเบา จิตเบา การเสียวแบบตัวจะลอย หรือ เสียวแบบ
เหมือนเห็นกระแสไฟฟ้าจิ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ตรงแหล่งกำเหนิดทั้งหลาย ไม่ว่าจะปลายนิ้ว ปลายแอกซอน
ปลายเดรนไดรท์ จะรับรู้ได้หมด ตรงไหนทำงานผิดปรกติ ลักลั่น จะทราบได้ แต่เห็นแล้วอย่า
ไปกระโจนไล่จับอีก มันจะกระช๊ากเอาได้ ไม่เชื่อไปลองดูให้เข็ด
ทีนี้ พอเห็น ปิติ5 ได้ ไม่กระโจน ไม่จับ รู้ไปอย่างนี้ ต้องรู้นานเท่าไหร่ ...............
บางคน7วัน บางคน7เดือน บางคน7ปี บางคน7ชาติ ขึ้นกับ หยุด"หัวหมอ" แต่ก็ใช้"หัวหมอ" ได้แค่ไหน
งง ไหม
หลวงปู่ดูลย์ฝากไว้ กับ พวกฝุ้งซ่าน หัวหมอ ว่า " คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยคิด "
ปล. หลวงปู่ดูลย์ มีบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านภาวนาเห็นจิ๊ดๆๆๆๆๆ จนละเอียดสุดละเอียด
เกินลงไปกว่า ควันตัม ไปอีกหลายขุมเลย
กายวิภาคเนี่ยะ จรนัยได้หมด อะไรตรงไหน มีส่วนประกอบของคูธ มูต เน่า ไอโซโทป
สังกะสีตรงไหน เพื่ออะไร จะรู้ทะลุปรุโปร่งไปหมด
แต่ในทางธรรม เราจะเรียกว่า " สัตว์สัญญาใกล้เสีย "
จำแม่น สัญญามันเที่ยง ความคิดความอ่านมันเที่ยง ไม่ใช่การระลึก แต่เป็นการ โป๊ะเช๊ะ ปิ๊ง
แบบ "หัวหมอ"
วิธีแก้ ฟังแล้วก็ ทรมานใจ หากจะให้ ตรึกว่า สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง ถามไปก็มีหวังโดน
จิตภัสสร กปปส ( "ตั้น"หน้า )
ทีนี้ แปลกแต่จริง เจ้าของกระทู้รู้ตัวว่า ต้องแก้กรรมฐานอย่างไร รู้เอง แต่ ปักใจในวิธีการ
แบบ หน้ามื๊ด ไปหน่อยเท่านั้น
เวลาจะแก้ให้ยอมรับ สัญญาไม่เที่ยง เราจะใช้ สังขารมาแสดงความไม่เที่ยงก่อน
ทำให้ เราจะใช้ กายคตาสติ มาแก้ทาง แต่ทว่า คุณต้องพิจารณา ทวนกระแสไปหาเหตุ
อย่า อนุโลมไปตามเหตุ จน" เวียนวน "
เรื่องการ อ๊วก อันนั้น ขอบอกว่า มันเกิดจาก ปัญญาในการวางจิต คุณรู้วิธีวางจิตเพื่อทำ
ให้ตัวเองอ๊วก รู้วิธีวางจิตให้หัวเราะ ซึ่งก็ได้มาจาก การรู้ร่างกาย กายวิภาค นั่นแหละ
ดังนั้น การอ๊วกได้ ต้องบอกว่า เป็น สังขาร หรือ ความคิดของคุณเอง ที่ใช้ มโนสังขาร
เหนี่ยวนำให้เกิด กายสังขาร อาการทางกาย
ให้คุณ พิจารณาจิตที่เหวี่ยงนั่นแหละ แต่เวลาเห็น อย่ากระโจนเข้าไปจับ อย่าปักจิตกับ
สิ่งนั้น เวทนามันจะพาวน วิญญาณมันจึงหมุนควงตรงนั้น ( ตัวเดียวกัน กับการวางจิตให้อ๊วก )
ดูดีๆ เวลาเห็น จิตมันส่าย ส่ายนิดเดียวพอแล้ว เอาพอ ฟ้าแล๊บ เอาพอ ลิ้นงูไปสัมผัสรู้รส
เอาแค่ ช้างกระดิกหูยินสิ่งนั้น แล้ว ถอยเลย อย่าปัก อย่ากระโจน อย่าอนุโลม อย่าไปให้
ความสำคัญกับมันว่า มันจะนำมรรคผลมาให้ !!
จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้
...จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้ จิตส่ายแล้วรู้
ดูไปเรื่อยๆ เหมือนนกกระพือปีก งูแล๊บลิ้น ช้างกระดิกหู .........เห็นแล้วถอย เห็นได้ครั้งเดียว
จะมีค่าเท่ากับ นั่งสมาธิจุมปุ๊กกว่าร้อยราตรี
ดูแล้วได้อะไร ไม่กระโจนเข้าไปจะได้อะไรรึ
จะได้การเห็นไปตามความเป็นจริง จิตสังขาร ไม่เที่ยง !!! ( เอา สังขารมาแก้ สัญญา )
จิตสังขารไม่เทียง เห็นแล้วได้อะไร จะแยก เวทนา กับ วิญญาณ ที่เป็นเครื่องมือ อัน เจ้าตัว
ชำนาญเกินไป โดยไปสำคัญว่า เวทนาเป็นตน วิญญาณเป็นตน เข้า
ไปจงใจบังคับบัญชาจิต(วิญญาณขันธ์) กับ เวทนาขันธ์ .....มันเลย หลอกให้ ภาวนาหัวปักหัวป่ำ อะจิ
ลองดูนะ เอาแค่ รู้จิตส่าย รู้แล้วปล่อย ปล่อยให้ไว จน เวทนา กับ วิญญาณ แสดงความเป็นอนัตตา
ขึ้นมาได้ จิตคุณถึงจะปล่อย แล้วจะจึงจะ ทวนกระแสไปหาเหตุ ว่าทำไม จิตสังขารไม่เที่ยง
ตรงนี้ต้องลงมือจริงๆ นะ อย่า "หัวหมอ" กระโดดข้ามไปจับเอา ทิฏฐิ จะทำให้ โดนสังขารมัน
หลอกอีก
การภาวนาระดับคุณ คุณจะรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ต้องฟังธรรมจากคนอื่นแล้ว สามารถ ปฏิบัติลำพังได้
การที่เห็น โพสนี้ ลองดูดีๆ ไม่ใช่เพราะว่า เห็นโพสแล้วจึงเห็นทาง เอาเข้าจริงๆ จิตคุณฟัง
ธรรมอยู่ด้วยตัวเองแล้ว ไม่ต้องฟังธรรมจากใครแล้ว แต่ความที่ " หัวหมอ " เป็น วาสนา
ที่ได้มาในอัตตภาพนี้ มันล้อเล่นกับคุณ ...หมอ มักจะถูกสอนให้เห็นสัญญาเที่ยง มันเลย
มียาพิษเจือนิดหน่อยเวลามาปฏิบัติธรรม ซึ่ง ไม่แนะนำให้เอาออกนะ เพราะ หมอ เนี่ยะ
ต้องใช้ ต้องแม่น อกุศลต่อการภาวนาก็จริง แต่ถ้าเอาออกแล้วเกิดโทษ คนไข้มีของแถม
ทิ้งไว้ในไส้ ในตับ เส้นเลือดขาด เอ็นกระเด็น มันก็เป็นโทษ พระพุทธองค์จะไม่เอา อกุศลนั้นออก
แต่เราจะต้อง ฉลาดในการภาวนา ฉลาดในอุบายการอบรม นิดหน่อย ให้ข้ามกองขันธ์บางประการ
ด้วยการแทงตลอดด้วย เหตุ อื่นเอา
ทีนี้
แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่า ภาวนาแล้ว ปล่อยถูก ปล่อยได้ไว
ให้สังเกตุ จิตส่าย จะผลิกเป็น ปิติ5 กายเบา จิตเบา การเสียวแบบตัวจะลอย หรือ เสียวแบบ
เหมือนเห็นกระแสไฟฟ้าจิ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ตรงแหล่งกำเหนิดทั้งหลาย ไม่ว่าจะปลายนิ้ว ปลายแอกซอน
ปลายเดรนไดรท์ จะรับรู้ได้หมด ตรงไหนทำงานผิดปรกติ ลักลั่น จะทราบได้ แต่เห็นแล้วอย่า
ไปกระโจนไล่จับอีก มันจะกระช๊ากเอาได้ ไม่เชื่อไปลองดูให้เข็ด
ทีนี้ พอเห็น ปิติ5 ได้ ไม่กระโจน ไม่จับ รู้ไปอย่างนี้ ต้องรู้นานเท่าไหร่ ...............
บางคน7วัน บางคน7เดือน บางคน7ปี บางคน7ชาติ ขึ้นกับ หยุด"หัวหมอ" แต่ก็ใช้"หัวหมอ" ได้แค่ไหน
งง ไหม
หลวงปู่ดูลย์ฝากไว้ กับ พวกฝุ้งซ่าน หัวหมอ ว่า " คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยคิด "
ปล. หลวงปู่ดูลย์ มีบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านภาวนาเห็นจิ๊ดๆๆๆๆๆ จนละเอียดสุดละเอียด
เกินลงไปกว่า ควันตัม ไปอีกหลายขุมเลย
แสดงความคิดเห็น
มีคำถามหลังเริ่มปฏิบัติกรรมฐานหน่อยครับ
ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทธโธไป
วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจนเวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น
เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก
จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก
จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม
คราวนี้ก็ทำตามหนังสือหายใจตอนแรกก็ยาวก็ตามไปซักพักเริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยครับ หมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย
ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา
ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น
คำถามครับ
1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดีครับ ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง
2. จุดมุ่งหมายจริงๆคือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับพอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมันเป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน
ขอบคุณครับ