ในช่วง3-4ปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากหนังสือขายดีกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของฮอลลีวู้ด นัยว่าอย่างน้อยก็ได้กลุ่มคนอ่านหนังสือยืนพื้นที่รอตีตั๋วเข้าชมแน่ๆ หากกระแสจุดติดก็กลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ได้ไม่ยาก ดังเช่นหนังที่มาจากนิยายเรื่องล่าสุดอย่าง Divergent
นอกจาก Divergent กับ The hunger games จะมีนักเขียนเป็นผู้หญิงเหมือนกัน (เวโรนิก้า รอทห์ กับ ซูซาน คอลลินส์) ตัวละครนำของทั้งสองเรื่องยังเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แถมเนื้อหาในหนังสือที่แบ่งมนุษย์เป็นกลุ่มคล้ายกันซะอีก ถึงไม่ตั้งใจยังไงก็ต้องมีคนเอาสองเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกันแน่ๆ ซึ่งสื่อในสหรัฐฯบางแห่งยกให้ Divergent เป็นหนังที่จะดำเนินรอยตามความสำเร็จของ The hunger games
ตัวหนังเล่าถึงโลกอนาคตที่มนุษย์อาศัยอยู่ในเมืองที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ สังคมถูกแบ่งเป็น5กลุ่มคือ 1. Abnegation กลุ่มผู้ปกครอง หรือกลุ่มเสียสละ ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ได้เป็นรัฐบาลของห้ากลุ่ม 2.Dauntless กลุ่มผู้กล้า ชอบความท้าทายอันตรายเป็นตำรวจและทหาร 3.Erudite กลุ่มทรงปัญญา คนฉลาดเท่านั้นที่จะรอด เป็นนักวิทยาศาสตร์ 4.Candor กลุ่มผู้คุมกฏ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียม ซื่อสัตย์ เป็นนักกฏหมาย 5.Amity กลุ่มรักสันติ สงครามคือความผิดพลาด อยู่กับธรรมชาติ ทำการเกษตร
ทุกปีจะมี1วันที่เด็กชายหญิงซึ่งอายุครบ16ปีจะเข้าพิธีเลือกกลุ่มที่ตัวเองอยากใช้ชีวิตอยู่ โดยก่อนหน้านั้น1วัน จะมีการทดสอบทางจิตวิทยาเป็นแนวทางว่าใครเหมาะกับกลุ่มไหน ในการทดสอบ บีทริซ(เชลลีน วู้ดลีย์) ลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มผู้ปกครองสามารถเข้าได้ถึง3กลุ่ม ซึ่งเรียกคนเหล่านี้ว่า ไดเวอร์เจนท์ ตัวอันตรายของทุกกลุ่ม บีทริซ ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เธอเลือกอยู่กลุ่มผู้กล้าในวันถัดมา พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ทริส ในกลุ่มใหม่เธอต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ผ่านการทดสอบ มิเช่นนั้นจะถูกขับออกไปเป็นคนไร้กลุ่ม ต้องเร่ร่อนข้างถนน ด้วยความช่วยเหลือของ โฟร์(ธีโอ เจมส์) ครูฝึกมาดเข้ม ทำให้เธอพัฒนาตัวเองขึ้นมาก รวมถึงได้รู้ถึงแผนการชั่วร้ายของบางกลุ่มที่ต้องการกวาดล้างกลุ่มผู้ปกครองขึ้นเป็นรัฐบาลเสียเอง
บทของหนังใช้เวลาเล่าพื้นหลังตัวละครค่อนข้างมาก เนื่องจากรายละเอียดสำคัญยิบย่อยในหนังสือมีเยอะ ตัวหนังจึงดูอืด ไม่ค่อยกระชับ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เข้าใจระบบสังคมในหนัง การเลือกกลุ่มนั้นคล้ายกับเด็กม.ปลายเลือกคณะในมหาลัย เพียงแต่ว่าในหนังเลือกแล้วเลือกเลยเปลี่ยนไม่ได้ จุดนี้ต่างกับ The hunger games ที่เปลี่ยนกลุ่มไม่ได้เลย เกิดมากลุ่มไหนก็อยู่กลุ่มนั้น และแบ่งคนตามชนชั้นฐานะ ผิดกับ Divergent ที่แบ่งคนตามความสามารถหรือความชอบ อีกจุดที่ต่างคือ เรื่องหนึ่งเด็กๆรอถูกเลือก แต่อีกเรื่องเด็กๆเป็นผู้เลือกเอง
หากไม่เอา Divergent ไปเปรียบกับหนังเรื่องไหนก็ถือว่าดูสนุกใช้ได้ เนื้อเรื่องอาจจะไม่เข้มข้นมาก แต่ก็ไม่น่าเบื่อ ได้ลุ้นตลอด มีครบรสทั้ง แอ็คชั่น โรแมนติกและดราม่า แม้ช่วงท้ายจะมีซันไม่เมกเซนต์ นางเอกเลือกที่จะหนีทั้งที่มีโอกาสสังหารหัวหน้าผู้ร้ายตัวแสบ เสียดายอีก2กลุ่มไม่ค่อยมีบทบาทนัก ประเด็นการแบ่งกลุ่ม เมื่อนำคนที่มีนิสัยคล้ายกันมาอยู่ด้วยกันแล้วเกิดปัญหาสะท้อนสภาพสังคมปัจจุบันในอีกรูปแบบ น่าสนใจไม่แพ้การแบ่งสังคมตามฐานะ หนังจบแบบมีภาคต่อแน่ๆ
การแสดง เชลลีน วู้ดลีย์ ในบท ทริส มีสเน่ห์พอสมควร แรกๆคนดูอาจจะเฉยๆไปจนถึงรำคาญกับบุคลิกกํ้ากึ่งของเธอ แต่เมื่อผ่านไปครึ่งทางคุณจะเริ่มหลงรักเธอ ทำให้ ทริส เป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วยมากที่สุดในหนัง จุดนี้ต้องยกความดีให้ Jai Courtney และ Miles Teller ที่คอยแกล้งนางเอกของเราทั้งเรื่อง ด้าน ธีโอ เจมส์ ที่แสดงเป็น โฟร์ คืออีกคนที่ผู้ชมจะไต่ละดับความชื่นชอบ กระทั่งพี่แกถอดเสื้อโชว์กล้ามและรอยสักงามๆเท่านั้นแหละ สาวๆกรี๊ดสลบในความเทห์ จนผมต้องไปหาข้อมูลว่าไอ้หนุ่มหน้าละม้าย เจมส์ ฟรังโก้ นี่เป็นใคร ได้ความว่าเขาเคยแสดงเป็นแวมไพร์หนุ่มใน Underworld: Awakening นี่เอง อีกอย่างเคมีของทั้งคู่เข้ากันดีมากๆ ช่วยขับเรื่องรักๆไคร่ๆในหนังให้เด่นขึ้นมา
ส่วนตัวชอบฉากการฝึกของกลุ่มผู้กล้าโดยเฉพาะฉากในที่สูง ทำออกมาได้ดีขนาดว่าเรานั่งอยู่ในโรงยังเสียวแทนตัวละคร ดูจบหลายคนอาจเป็นเหมือนกันนอกจากจะอยากหาหนังสือมาอ่าน แถมยังอยากไปสักลายเท่ๆแบบตัวละครในเรื่องนี้ด้วย ว่าแต่หากมีสังคมแบบนี้จริง คุณคิดว่าคุณอยู่กลุ่มไหน?
คะแนน 8/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก
http://movie.bugaboo.tv/watch/112777/?link=4
วิจารณ์หนัง : Divergent สังคมแบ่งกลุ่ม
ในช่วง3-4ปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากหนังสือขายดีกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของฮอลลีวู้ด นัยว่าอย่างน้อยก็ได้กลุ่มคนอ่านหนังสือยืนพื้นที่รอตีตั๋วเข้าชมแน่ๆ หากกระแสจุดติดก็กลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ได้ไม่ยาก ดังเช่นหนังที่มาจากนิยายเรื่องล่าสุดอย่าง Divergent
นอกจาก Divergent กับ The hunger games จะมีนักเขียนเป็นผู้หญิงเหมือนกัน (เวโรนิก้า รอทห์ กับ ซูซาน คอลลินส์) ตัวละครนำของทั้งสองเรื่องยังเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แถมเนื้อหาในหนังสือที่แบ่งมนุษย์เป็นกลุ่มคล้ายกันซะอีก ถึงไม่ตั้งใจยังไงก็ต้องมีคนเอาสองเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกันแน่ๆ ซึ่งสื่อในสหรัฐฯบางแห่งยกให้ Divergent เป็นหนังที่จะดำเนินรอยตามความสำเร็จของ The hunger games
ตัวหนังเล่าถึงโลกอนาคตที่มนุษย์อาศัยอยู่ในเมืองที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ สังคมถูกแบ่งเป็น5กลุ่มคือ 1. Abnegation กลุ่มผู้ปกครอง หรือกลุ่มเสียสละ ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ได้เป็นรัฐบาลของห้ากลุ่ม 2.Dauntless กลุ่มผู้กล้า ชอบความท้าทายอันตรายเป็นตำรวจและทหาร 3.Erudite กลุ่มทรงปัญญา คนฉลาดเท่านั้นที่จะรอด เป็นนักวิทยาศาสตร์ 4.Candor กลุ่มผู้คุมกฏ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียม ซื่อสัตย์ เป็นนักกฏหมาย 5.Amity กลุ่มรักสันติ สงครามคือความผิดพลาด อยู่กับธรรมชาติ ทำการเกษตร
ทุกปีจะมี1วันที่เด็กชายหญิงซึ่งอายุครบ16ปีจะเข้าพิธีเลือกกลุ่มที่ตัวเองอยากใช้ชีวิตอยู่ โดยก่อนหน้านั้น1วัน จะมีการทดสอบทางจิตวิทยาเป็นแนวทางว่าใครเหมาะกับกลุ่มไหน ในการทดสอบ บีทริซ(เชลลีน วู้ดลีย์) ลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มผู้ปกครองสามารถเข้าได้ถึง3กลุ่ม ซึ่งเรียกคนเหล่านี้ว่า ไดเวอร์เจนท์ ตัวอันตรายของทุกกลุ่ม บีทริซ ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เธอเลือกอยู่กลุ่มผู้กล้าในวันถัดมา พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ทริส ในกลุ่มใหม่เธอต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ผ่านการทดสอบ มิเช่นนั้นจะถูกขับออกไปเป็นคนไร้กลุ่ม ต้องเร่ร่อนข้างถนน ด้วยความช่วยเหลือของ โฟร์(ธีโอ เจมส์) ครูฝึกมาดเข้ม ทำให้เธอพัฒนาตัวเองขึ้นมาก รวมถึงได้รู้ถึงแผนการชั่วร้ายของบางกลุ่มที่ต้องการกวาดล้างกลุ่มผู้ปกครองขึ้นเป็นรัฐบาลเสียเอง
บทของหนังใช้เวลาเล่าพื้นหลังตัวละครค่อนข้างมาก เนื่องจากรายละเอียดสำคัญยิบย่อยในหนังสือมีเยอะ ตัวหนังจึงดูอืด ไม่ค่อยกระชับ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เข้าใจระบบสังคมในหนัง การเลือกกลุ่มนั้นคล้ายกับเด็กม.ปลายเลือกคณะในมหาลัย เพียงแต่ว่าในหนังเลือกแล้วเลือกเลยเปลี่ยนไม่ได้ จุดนี้ต่างกับ The hunger games ที่เปลี่ยนกลุ่มไม่ได้เลย เกิดมากลุ่มไหนก็อยู่กลุ่มนั้น และแบ่งคนตามชนชั้นฐานะ ผิดกับ Divergent ที่แบ่งคนตามความสามารถหรือความชอบ อีกจุดที่ต่างคือ เรื่องหนึ่งเด็กๆรอถูกเลือก แต่อีกเรื่องเด็กๆเป็นผู้เลือกเอง
หากไม่เอา Divergent ไปเปรียบกับหนังเรื่องไหนก็ถือว่าดูสนุกใช้ได้ เนื้อเรื่องอาจจะไม่เข้มข้นมาก แต่ก็ไม่น่าเบื่อ ได้ลุ้นตลอด มีครบรสทั้ง แอ็คชั่น โรแมนติกและดราม่า แม้ช่วงท้ายจะมีซันไม่เมกเซนต์ นางเอกเลือกที่จะหนีทั้งที่มีโอกาสสังหารหัวหน้าผู้ร้ายตัวแสบ เสียดายอีก2กลุ่มไม่ค่อยมีบทบาทนัก ประเด็นการแบ่งกลุ่ม เมื่อนำคนที่มีนิสัยคล้ายกันมาอยู่ด้วยกันแล้วเกิดปัญหาสะท้อนสภาพสังคมปัจจุบันในอีกรูปแบบ น่าสนใจไม่แพ้การแบ่งสังคมตามฐานะ หนังจบแบบมีภาคต่อแน่ๆ
การแสดง เชลลีน วู้ดลีย์ ในบท ทริส มีสเน่ห์พอสมควร แรกๆคนดูอาจจะเฉยๆไปจนถึงรำคาญกับบุคลิกกํ้ากึ่งของเธอ แต่เมื่อผ่านไปครึ่งทางคุณจะเริ่มหลงรักเธอ ทำให้ ทริส เป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วยมากที่สุดในหนัง จุดนี้ต้องยกความดีให้ Jai Courtney และ Miles Teller ที่คอยแกล้งนางเอกของเราทั้งเรื่อง ด้าน ธีโอ เจมส์ ที่แสดงเป็น โฟร์ คืออีกคนที่ผู้ชมจะไต่ละดับความชื่นชอบ กระทั่งพี่แกถอดเสื้อโชว์กล้ามและรอยสักงามๆเท่านั้นแหละ สาวๆกรี๊ดสลบในความเทห์ จนผมต้องไปหาข้อมูลว่าไอ้หนุ่มหน้าละม้าย เจมส์ ฟรังโก้ นี่เป็นใคร ได้ความว่าเขาเคยแสดงเป็นแวมไพร์หนุ่มใน Underworld: Awakening นี่เอง อีกอย่างเคมีของทั้งคู่เข้ากันดีมากๆ ช่วยขับเรื่องรักๆไคร่ๆในหนังให้เด่นขึ้นมา
ส่วนตัวชอบฉากการฝึกของกลุ่มผู้กล้าโดยเฉพาะฉากในที่สูง ทำออกมาได้ดีขนาดว่าเรานั่งอยู่ในโรงยังเสียวแทนตัวละคร ดูจบหลายคนอาจเป็นเหมือนกันนอกจากจะอยากหาหนังสือมาอ่าน แถมยังอยากไปสักลายเท่ๆแบบตัวละครในเรื่องนี้ด้วย ว่าแต่หากมีสังคมแบบนี้จริง คุณคิดว่าคุณอยู่กลุ่มไหน?
คะแนน 8/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก http://movie.bugaboo.tv/watch/112777/?link=4