การหายไปของเครื่องบิน MH370 แท้จริงแล้วเป็นเพราะสองประเทศมหาอำนาจ?

ช่วยกันวิเคราะห์แหล่งข่าวที่ได้นำเสนอกันนะครับ เท็จจริงอย่างไรช่วยกันครับ สงสัยมากๆและอาจจะมีความเป็นไปได้?




ในที่สุดก็เป็นไปตามที่คาดคำนวณจุดสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารอีก 279 คน ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อมี 3 ประเทศเริ่มออกมายืนยันจุดเครื่องจมลงไปใต้ทะเล คือ อินเดีย จีน และมาเลย์ ว่าเครื่องบินน่าจะตกในทะเล เพราะดาวเทียม Inmarsat ของอังกฤษ มีการค้นพบชิ้นส่วนต้องสงสัยขนาดใหญ่ อยู่บริเวณทิศใต้ ของมหาสมุทรอินเดีย อยู่ทางฝั่งตะวันตก ของเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ห่างไปราว 2,400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลมาก และมหาสมุทรก็ลึกเกินจินตนาการ มีสภาพคลื่นลมแรง และอากาศหนาวเย็น





เสธ เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการสูญหายของเครื่องบินนี้ ต้องถูกทำให้จมลงจุดบริเวณนี้เพื่ออำพราง ส่วนคนอื่นจะมีสมมุติฐานอย่างไร ก็แล้วแต่ความเชื่อ แต่การข่าวเชิงลึกระหว่างประเทศที่ได้รับมา ประมวลสรุปโดยย่อๆ คือ

เริ่มต้นจากลุงแซม ขนวัตถุนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพใส่คอนเทนเนอร์ ด้วยเรือที่ติดธงสัญชาติตัวเอง มาที่เกาะเล็กๆ ชื่อสาธารณรัฐเชสเซลเลส ที่อยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นขนต่อมาที่มาเลย์ และใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเครื่องบินลำนี้ จะนำไปลงที่ปักกิ่ง ของจีน
(ไม่แน่ชัดว่าองค์กรใดสั่งของนี้) และประจวบกับมีการขนชิพคอมพิวเตอร์วงจรไฮเทค โดยผู้โดยสารไต้หวันกลุ่มหนึ่ง ไปลงเครื่องที่ปักกิ่ง ของจีน เช่นกัน ซึ่งชิพนี่สามารถทำให้ขีปนาวุธตรวจไม่พบด้วยเรด้าห์ เพื่อไปขายและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีน

เมื่อจีนและรัสเซียรู้ระแคะระคาย จึงวางแผนจะบังคับเครื่องบินเที่ยวนี้ ไปลงที่สนามบินไหหลำ ของจีน เพื่อตรวจดูว่ามันคือสินค้าอะไรกันแน่ที่ในตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก่อนเครื่องบินจะขึ้นมีความผิดปกติคือไม่รู้หน่วยใด มีการสังหารหน่วยซีลลุงแซมนอกราชการ ที่มีความเชี่ยวชาญการรบสูง และออกมาทำงานลับ จำนวน 2 คน ที่มาเลย์ เพื่อคุ้มครองสินค้ามีมูลค่าสูง ให้กับบริษัทลุงแซม ลักษณะคล้ายๆ ฆ่าตัดตอน หรือฆ่าปิดปาก





เมื่อเครื่องบินเทคออฟขึ้นจากมาเลย์ช่วงเที่ยงคืนกว่า มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงไปทางทะเลจีนไต้ ราว 1.30 ชม. จากจุดเริ่มต้นบิน เข้าใกล้เรดาห์พาณิชย์ของเวียดนาม ได้มีเครื่องบินชนิดรบกวนสัญญาณ Primary เรด้าห์ (ชนิดที่เห็นทั่วไปที่สนามบินใช้) เช่น AWAC บินจากจุดระยะทำการที่ใดสักแห่ง ประกบเครื่องบินนี้ทำให้สัญญาณ Primary เรด้าห์ตรวจไม่พบ แล้วก็มีเครื่องบินล่องหนจากเรดาห์ได้ เสตลล์ รูปร่างคล้ายจานบินสีดำ บินประกบอีก 1-2 ลำ เพื่อควบคุมทิศทางเครื่องบินตามต้องการ

ส่วนภายในเครื่องบิน ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่แฝงตัวมา อาจร่วมกับลูกเรือ หรือนักบิน ทำการเข้าไปในห้องนักบิน ทำการปิดระบบ Secondary เรด้าห์ (คล้ายระบบ SMS) ที่ใช้เป็นสากล สำหรับส่งตำแหน่งเครื่องบินพาณิชย์ ให้หอควบคุมการบินทราบตำแหน่งละติจูด และลองติจูด โดยมีการปิดระบบนี้ระยะห่างเวลา 10-14 นาที ทำให้สัญญาณตำแหน่งเครื่องบินหายวับไปจากจอ Secondary เรด้าห์ภาคพื้นดินทันที ก่อความโกลาหลขึ้นในเวลาต่อมา

จากนั้นผู้จี้ควบคุมเครื่องบิน ก็หันทิศทางเครื่องบินกลับด้าน ย้อนมาทางเดิมมุ่งหน้าทิศตะวันตกเฉียงไต้ เพื่อไม่ให้ผ่านประเทศไทย เพราะอาจจะโดนโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ได้ แล้วเตรียมพร้อมสำหรับทีมตัวเอง โดยใส่อุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซีเจนรับการเปลี่ยนแปลงความดันเฉียบพลัน (อุปกรณ์ป้องกันเหมือนนักบินเจ๊ตขับไล่เหนือเสียง) และคนพวกนี้ต้องมีประสบการณ์ และถูกฝึกมาให้ทนต่อแรงกด และ G (แรงโน้มถ่วง) มหาศาล ทำการปรับเพดานบินจาก 25,000 ฟุต พุ่งโด่งขึ้นสูงลิ่วเกินกำหนดไปที่ 45,000 ฟุต

และทิ้งตัวลดเพดานบินลงต่ำอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้หน้ากากอ๊อกซิเจนจะตกลงมาอัตโนมัติ ผู้โดยสารจะรีบคว้ามาครอบปากและจมูก แต่เขาก็ตัดอ๊อกซิเจนในห้องผู้โดยสารทั้งหมดอีก เหลือไว้เฉพาะพวกบังคับเครื่องบิน จนเพดานบินลดต่ำเหลือ 5,000 ฟุต ส่งผลให้ผู้โดยสาร และลูกเรืออื่นน๊อคสลบไปทันที (เด็ก 2 คนอาจตายทันทีช่วงนี้) จากการเปลี่ยนแปลงความดัน โดยไม่มีใครสามารถต่อต้านการบังคับใดๆ ได้เลย เป็นเวลานานหลายชั่วโมง

ส่วนเครื่องบิน เสตลล์ และ AWAC ก็ทำหน้าที่นำทางเครื่องลำนี้ที่ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนตาบอด เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ได้บินผ่านมาทางใกล้ชายแดนทางตอนไต้ของไทย ผ่านน่านฟ้ามาเลย์ จุดนี้เรดาห์ชนิด Primary เรด้าห์ของชายชุดฟ้าของไทย และของทหารมาเลย์ จับสัญญาณเครื่องบินพาณิชย์นี้ได้ แต่จับตำแหน่งเสตลล์ และ AWAC ล่องหนเรดาห์ไม่ได้ ในตำแหน่งใกล้เคียง และเวลาใกล้เคียงกัน อีกทั้งมีชาวบ้าน ชาวประมงทั้งไทย และมาเลย์ จำนวนมากจากหลายจุด ได้ยินเสียงบูมกระแทกอากาศดังสนั่น พร้อมเห็นเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเสตลล์สีดำ ด้วยตาเปล่า บินประกบเครื่องบินลำนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่มาเลย์ไม่ยอมแถลงทันที เพราะว่าอับอายที่ต้องเปิดเผยว่า ประเทศตนเองมีช่องว่างในระบบการป้องกันภัยความมั่นคงทางอากาศ เมื่อเครื่องบินๆ ต่ำผ่านช่องแคบมะละกาไปได้ เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ก็ปรับเส้นทางใหม่อีกครั้ง โดยเชิดหัวขึ้นความสูงปกติ มุ่งหน้าขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่ตอนเหนือของมหาสมุทรอินเดีย ตามเส้นทางการบินพาณิชย์ปกติ คาดเดาว่าเพื่ออำพรางเครื่องบินให้แฝงตัว เข้าไปในหมู่เครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก ที่กำลังบินไปเส้นทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และยังเกี่ยวเนื่องกับสนามแม่เหล็กโลกด้วย เพราะโลกมีการหมุนรอบตัวเอง

แล้วก็บินคงระยะห่างจากฝั่งสม่ำเสมอ เพื่อให้พ้นรัศมี Primary เรด้าห์ ของประเทศอินเดีย และศรีลังกา โดยมีเครื่องบิน 2 ชนิดบินประกบอารักขาและนำทางตลอดเวลา ต่อมาเครื่องบินปรับทิศทางลดต่ำเฉียงลงไปทางไต้อีกครั้งตรงเรื่อยๆ แต่ก่อนเข้าถึงหมู่เกาะมัลดีพ ได้ปรับเพดานบินลงต่ำลงมากอีกครั้ง เพื่อหลบ Primary เรด้าห์ ผ่านไปที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนไต้ของหมู่เกาะมัลดีพ จนชาวบ้านจำนวนมากเห็นตัวเครื่องบินในระยะต่ำมาก ขนาดเห็นประตูเครื่องบินชัดเจน และมองแถบสีของเครื่องบินชัดเจนทีเดียว เมื่อผ่านมัลดีพแล้วก็ตรงลงไต้ไปอีก โดยมีเรือพิฆาตของลุงแซมอารักขา บินต่ออีกสักพักก็ถึงเกาะดิเอโก้ กราเซีย ฐานทัพลับในมหาสมุทรอินเดียของลุงแซม ในเช้าวันที่ 9 มี.ค.57

เครื่องบินลำนี้ลงจอดที่สนามบินของกองทัพลุงแซม ที่มีรันเวย์ขนาดรองรับได้อย่างสบาย เมื่อเครื่องบินจอดสนิท กระบวนการขนถ่ายคอนเทนเนอร์ลงจากเครื่องบิน และค้นเอาชิพวงจรไฮเทคจากตัวผู้โดยสารไต้หวัน ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บริษัทผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ที่เขาต้องติดอุปกรณ์ติดตามเครื่องยนต์เขาทุกเครื่อง จับสัญญาณได้ว่าเครื่องยนต์เขายังทำงานอยู่ด้วยระยะเวลา 6-7 ชั่วโมงจากจุดสูญหายครั้งแรก

และเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด การข่าวว่ามีการถอดกล่องดำบันทึกการบิน 3 จุดในเครื่อง ออก เพื่อไม่ให้ค้นพบไขความจริงได้ในอนาคต จากนั้นให้นักบินลุงแซมใส่ชุดประดาน้ำ ขับเครื่องบินโดยสารดังกล่าวเทคออฟขึ้นจากฐานทัพนั้นอีกครั้ง พร้อมเครื่องบินอีกลำหนึ่งพร้อมหน่วยช่วยเหลือ โดยบินมุ่งหน้าไปทิศทางตะวันออกเฉียงไต้จนน้ำมันเครื่องบินหมด เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำมันให้เห็นตรวจพบจากผิวน้ำได้ แล้วนักบินคนนั้นได้ออกจากตัวเครื่องก่อนที่ลำตัวเครื่องบินจะกระแทกพื้นน้ำ ขณะนั้นสัญญาณ ping ก็เปิดตัวเองขึ้นอัตโนมัติเป็นครั้งสุดท้าย จนดาวเทียมอังกฤษจับสัญญาณได้ ในเช้าวันที่ 9 มี.ค. 57 นั่นเอง

ส่วนนักบินของลุงแซมคนนั้น ก็ขึ้นเครื่องบินที่รอรับและช่วยเหลือกลับขึ้นเครื่องไป ปล่อยทิ้งให้เครื่องบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารทั้งหมด จมลงในทะเลลึก ทิศไต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีระยะห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลีย ราว 2,400 กิโลเมตร ดำดิ่งจมลงก้นทะเลที่ลึกสุดขั้วเกินจินตนาการ คลื่นขนาดใหญ่มหาศาล สภาพอากาศแปรปรวนและเลวร้าย ญาติของผู้โดยสาร ลูกเรือ และนักบิน วันนี้คงต้องทำใจ รอเพียงว่าจะกู้เอาซากเครื่องบินลำนี้ขึ้นมาได้อย่างไร เพราะมันยากแสนยาก และต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาลจริงๆ

แต่การข่าวที่เผยแพร่ออกมา จะไม่มีทางที่จะบอกความจริงนี้ต่อสาธารณะไปได้ เพราะมันยากที่จะทำใจยอมรับในความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเอง ดังนั้นการออกข่าวต่อไปนี้จะมีเพียงเครื่องบินลำนี้ บินตรงจากช่องแคบมะละกา ลงไปทางตะวันตกเฉียงไต้ จนไปตกที่จุดนี้เท่านั้น และมันจะมืดมิดปกปิดอยู่ให้เป็นตำนานเล่าขานตลอดไป ขนาดข่าวของนิตยสารลุงแซมฉบับหนึ่ง ที่น่าจับคนเขียนข่าวเอาหัวโขกผนังบ้าน คือ ออกข่าวว่าพบร่องรอยการจอดเครื่องบินลำนี้บนดวงจันทร์ไปโน่น..แม่เจ้า ยังดีนะที่ไม่ออกข่าวว่าพบปีกเครื่องบินที่ดาวอังคาร และหางเครื่องบินที่ดาวพฤหัส...นี่แหละฝีมือการออกข่าวบิดเบือนของหน่วยข่าวกรองลุงแซมล่ะ

ส่วนสถานสงครามในยูเครนนั้น รัสเซียได้ยึดเอาดินแดนไครเมียมาเป็นของตัวเองเอาดื้อๆ และลงนามในกฎหมายอย่างสมบูรณ์เมื่อวันศุกร์ แล้วมีการเสริมทัพตนเองเข้าไปใกล้พรมแดนยูเครนอีก โดยทหารรัสเซีย พร้อมอาวุธหนัก ได้บุกเข้าโจมตีควบคุมค่ายทหารของยูเครนในไครเมีย ได้แล้วเกือบ 190 แห่งแล้ว และชักธงชาติรัสเซียขึ้นสู่ยอดเสา แทนธงชาติยูเครน ทหารยูเครนที่มีจุดนี้เพียง 2,000 นาย จากทั้งหมด 18,000 นาย สู้ไม่ไหวและล่าถอยออกไปจากไครเมียแล้ว

สถานการณ์ตอนนี้ทหารยูเครน ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซีย เพื่อกดดันที่ให้ยูเครนถอนทหารทั้งหมดออกจากไครเมีย ตอนนี้รัฐบาลยูเครน ได้ตัดสินใจแล้วเกิน 90% ที่จะทำสงครามกับรัสเซีย ขณะที่ประธาธิบดีรัสเซีย ไม่สนใจที่จะเจรจาใดๆ กับยูเครน และ มหาอำนาจตะวันตก แถมซ้ำร้ายรัสเซียเตรียมขยายอาณาเขต โดยเตรียมยกกำลังทหารยกทัพบุกดินแดนของ มอลโดวา อีกแล้ว (มอลโดวาเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต)

ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรยุโรป ได้กดดันนาโต้อย่างหนัก ให้เตรียมกำลังทหารและอาวุธให้พร้อม เพื่อเข้าสู้รบกับรัสเซีย หากพยายามเข้าบุกมอลโดวา..จึงพอจะเห็นทิศทางการก่อสงคราม และคงมีการล้มตายของมนุษย์อีกจำนวนมากเพิ่มขึ้นในไม่นานต่อจากนี้



จริงเท็จอย่าไรช่วยกันวิเคราะห์ครับตามหลักของสื่อมวลชนเลยนะครับ ผมกำลังติดตามทำรายงานเรื่องนี้อยู่พอดีเลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ขอโทษนะครับ

ส่วนตัวผมว่าคนเขียน "เพ้อ"
ความคิดเห็นที่ 32
จี้เครื่องบิน 3 ลำบินไปชนตึก     สำหรับเรา ถ้าเกิดไม่ทัน คงคิดว่า เรื่องที่คุณทวดฟังมาจากทวดของทวดอีกที แล้วมาเล่าให้เราฟัง เป็นเค่เรื่องโกหก เพราะเราคงคืดว่า  ใครจลงทุนขนาดนั้นมันมากไป

เรื่องนีลอาร์มสตรอง เหยียบดวงจัน  จริงหรือเปล่าเราไม่รู้ แต่ทางการสหรัฐเป็นผู้แถลงอย่างเป็นทางการ  เราก็ตัดสินว่าจริง ถึงใครจะหาข้อแย้งอะไรมา แต่วัติศาสตร์ก็บันทึกลงไปแล้วว่า นั่นเป็นเรื่องจริง

เรื่องที่ จขกท เรียบเรียงมาก็เช่นกัน
คนอ่านคิดว่าเพ้อ แต่หากว่า  มาเลเซีย จ้างนักประพันธ์ขั้นเอก มาเขียนเรื่อง ให้จบแบบสวยต่อมาเลเซีย  แล้วทางการมาเลเซีย ก็เอาบทประพันธ์นั้นมาแถลงอย่างเป็นทางการ ก็บอกได้เลยว่า ทุกอย่างก็จบ   ต่อให้เครื่องบินลำนี้ถูกจี้โดยกัปตันของอเมริกาส่งมาเอง ก็ไม่มีใครสนใจแล้วครับ

เราทำได้แค่วิเคราะกันเอง ไม่ผิดร่อกครับ คิดกันได้ทุกเรื่องทุกแบบแหละไม่เพ้อร่อก    เพราะถึงยังไง เรื่องราวจะจบยังไง อยู่ที่รัฐบาลมาเลเซียเค้าจะเป็นผู้กำหนดอยู่แล้วครับ ตอนนี้คงกำลังประพันธ์อยู่  เค้าไม่สนเรื่องที่เราคิดร่อกครับ เราคิด เพื่อให้ได้คิดบ้าง ไม่ใช่เชื่อแค่ที่เค้าบอกเท่านั้นครับ

ให้กำลังใจ  จขกท  ครับ
ความคิดเห็นที่ 17
เอามาลง ก็ช่วยบอกตอนท้ายหน่อยก็ดีนะครับว่า "เป็นเรื่องที่จินตนาการขึ้นมาทั้งหมด โดยไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลอะไรยืนยันเลย  นั่งเทียนขึ้นมาล้วนๆ"  

เห็นบาง คคห ใส่อารมณ์ เชื่อกันเข้าไปแล้ว (ซะงั้น)

เรื่องที่ว่ามานี่ไร้สาระพอๆกับ conspiracy theory ที่บอกว่าอเมริกาไม่เคยไปดวงจันทร์นั่นแหละ เพ้อไปเรื่อย
ความคิดเห็นที่ 41
ผมก้อคิดประมานพี่ คนที่มาบอกว่านั่งเทียน เพ้อ หรือ มโน อ่ะ มันเป็นการคาดเดาตามสถาณ์การ ครับ แล้วที่พี่เขา มโน อ่ะ มีแนวเป็นจิงได้ไหมละครับ ไปอ่านข่าวมั่งนะครับ แล้วที่บอกจะเป็นไปได้ยังไง เอาแค่คิดโง่ๆนะครับ เครื่องบินมีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นลำนี้ที่หายจากเรดา แล้วบินออกนอกเส้นทางทำไม แค่นี้ก้อพอแล้ว จากนั้นก้อมาดูหลักการ แวดล้อม ไทยจับเลดาร์ได้  ชาวประมงเห็นเครื่องบิน จุดที่ออสเตเลีย เจอวัตถุ มันก้อเป็นไปได้ละ  ไม่ได้มีอะไรกับมาเลหรือเมกา นะครับ  เมกาเคยโดน 911 มา มีเหรอที่เมกา จะไม่รีบหา มันกลัวจะไปประเทศมันจะตาย มาเล ใครๆก้อรู้ว่าเป็นน้ำเลี้ยงให้พวกก่อการร้าย และยังให้ข่าวมั่วมาตลอด มีอะไรบนโลกนี้ที่เมกา หาไม่เจอละครับ ลองเป็นประเทศอื่นทำดิ มันลวง ลับ ตับ แตกแล้วครับ
มีแต่จะยัดความผิดในนักบิน ที่พูดไม่ได้แล้ว  มาเล ก้อยังไม่เจอซากเครื่องเลย แต่แถรงข่าว บอกได้ยกลำ ทำไม ที่อย่างนี้กล้าสรุปละ เพราะมันรู้ไง
ที่แรกมาบอกว่า ไปนู้นที่ นี้ที่ หลอกให้ ไทย เวียดนานออกตามหา แต่มันยกเลิกการค้นหาบางจุด คนมันรู้ว่าตรงนั้นไม่มีจะไปหาทำไมละ เปลือง งบ
จะทำงานใหญ่ มันต้องปิดปาก ให้หมด    ความคิดส่วนตัวนะครับ  การวิเคารห์ หรือ จิตนาการ มันทำให้เห็นว่ามีอะไรแปลกใหม่มาเสอม ยังดีกว่าไม่ได้คิด วิเคาะห์ แล้วมาว่า คนอื่นเขา เพ้อ เขามโน  ผมว่าคุณนั้นละที่ มโน ตัวเองว่าคิดได้ดีกว่าคนอื่นนะครับ
ความคิดเห็นที่ 20
ใจเย็นๆนะครับ เป็นการนำข้อมูลต่างๆมาประกอบวิเคราะห์ ตั้งทฤษฏีที่จับต้นชนปลายได้ยากมาเพื่อเจาะหาข้อมูลต่อๆไป ข้อมูลที่กล่าวไปก็มีรายงานตามสื่อโทรทัศน์ที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง จนมีนักข่าวหลายสำนักตั้งข้อสงสัยกันขึ้นมาและความเป็นไปได้ คือต้องคิดหลายๆทางไว้ครับเผื่อจะได้ข้อสรุปที่เป็นจริง ความจริงแล้วเราอย่าเชื่อเพียงแค่อ่านครับ ต้องหาข้อมูลด้วยเพราะอะไร ทำไม ใคร ต้องแย้งความเห็นครับ ส่วนเรื่องนี้ เป็นการจงใจก่อการร้ายต่อผู้โดยสารจริงๆครับ ไม่ได้มีอุบัติเหตุตกลงมหาสมุทรอินเดียดื้อๆครับ ทุกอย่างมันมีมูลครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่