แบไต๋(หัวใจ)ไฮเทค
‘พงศ์สุข-จามรี หิรัญพฤกษ์’
เมื่อเห็นใบหน้าและรอยยิ้มอันสดใส คอไอทีหลายคนคงรู้จัก ‘หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์’ ชายหนุ่มยิ้มเก่ง บุคลิกดี พูดเสียงดัง
คนนี้ เขาเป็นพิธีกรรายการไอทีที่มีคนรู้จักมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด เจ้าของรายการ ‘แบไต๋ไฮเทค’ เป็นผู้ริเริ่มงาน Thailand Game Show และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนเรื่องครอบครัว เขาเป็นสามีสุดอบอุ่นของ ‘ตุ๊ก-จามรี หิรัญพฤกษ์’ เป็นคุณพ่อของลูกสาวคนเดียววัยกำลังซน ‘น้องอยู่นี่ - พีรดา หิรัญพฤกษ์’ จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ครอบครัวอบอุ่นของมนุษย์ไอทีคนนี้ มีที่มาอย่างไร ‘กว่าจะรักกันได้’ ฉบับนี้ จึงขอ ‘แบไต๋’ หัวใจหนุ่มไฮเทคคนนี้มาให้ผู้อ่าน ‘ฮัก แม็กกาซีน’ ได้ทราบ
กันค่ะ
Hug : จุดเริ่มต้นของความรักเกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
หนุ่ย : มันเกิดขึ้นที่หน้าลิฟท์ชั้น 9 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว ประสานมิตร ตุ๊กเขาเป็นรุ่นพี่ผม 1 ปี แต่อายุจริงๆ แก่กว่ากันแค่ 4 เดือนเท่านั้น วันนั้นเขาหันหลังให้ผม กำลังจะกดลิฟท์อยู่ ผมเห็นเขาจากด้านหลัง ก็นึกแบบผู้ชายทะลึ่งๆ เลยว่า ‘ผู้หญิงคนนี้ บั้นท้าย
สวยมากเลย สงสัยเราต้องจีบแล้วหละ’ (ยิ้ม)
ตุ๊ก : ทั้งๆ ที่เห็นกันมาตั้ง 3 ปี แล้วนะ
หนุ่ย : คือคนบางคนเจอกันมาโดยตลอด แต่ไม่เคยมอง ไม่ได้เห็นความงามไง มันมาเห็นในอีก 3 ปีถัดไป ตอนผมเข้าปีหนึ่ง ผมก็เห็น
พี่ตุ๊กเป็นรุ่นพี่คอยรับน้องตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอเห็นในวินาทีหน้าลิฟท์นั้น ก็เลยบอกพี่ตุ๊กไปว่า ‘พี่ตุ๊กครับ ผมมีตั๋วหนังฟรี ไปดูหนังกันมั้ย’ คือก่อนหน้านั้นผมไปแข่งดูหนังมาราธอน 14 เรื่อง ที่อีจีวีมา วันที่ผมแข่งดูหนัง ผมเพิ่งเลิกกับแฟนคนก่อน เลยตาค้าง ดูจนชนะ พอได้ตั๋วดูหนังฟรีมา ก็เอาไปถามแฟนคนก่อนว่า ไปดูด้วยกันไหม แต่เขาไม่ยอมคืนดีกับผม เมื่อไม่ยอมคืนดี เราก็ต้องหาเหยื่อรายใหม่ (ยิ้มเจ้าเล่ห์) ตอนแรกตุ๊กเขาก็ลังเลนะ แต่พอบอกว่ามีตั๋วฟรีเท่านั้นแหละ รีบไปเลย
ตุ๊ก : ไป๊!! (ทำท่าขำ) ตอนนั้นใสซื่อค่ะ น้องมันมาชวน ไม่ได้คิดอะไร ไปก็ไป (ยิ้มขำ)
หนุ่ย : วันที่ผมขับรถไปรับที่หน้าบ้าน พอเขาออกมาจากบ้าน ผมแทบช็อค เพราะเขาเอาแม่มาด้วย (คุณตุ๊กเสริมว่า แม่ทำผมตั้งกระบังมาเลย) ผมเองเนี่ย กลัวเรื่องการเข้าหาผู้ใหญ่มากที่สุด แต่วันแรกที่ไปดูหนังด้วยกัน ว่าที่แม่ยายก็ตั้งกระบังมาเลย นี่ๆ แม่ยายคนนี้นี่แหละ วันนั้นหน้าตาน่าเกรงขามมาก (หัวเราะขำกันทั้งวง เพราะคุณแม่คุณตุ๊กเพิ่งเดินออกไปจากห้องที่เรานั่งสัมภาษณ์กันอยู่)
Hug : ตอนที่เห็นว่าที่แม่ยายไปดูหนังด้วย คุณหนุ่ยคิดยังไงคะ
หนุ่ย : ผมก็คิดว่า เฮ้ย.. นี่ใสซื่อขนาดไม่รู้หรือไงวะว่าชวนเดท เอาแม่มาด้วยเนี่ย.. อะไรจะขนาดนี้ (คุณตุ๊กนั่งขำตัวงออยู่ข้างๆ) แต่สุดท้ายเราก็ไปดูหนังด้วยกัน ที่อีจีวี ลาดพร้าว แม่เขาก็น่ารัก กินข้าวกัน เขาก็เลี้ยง ผมเลยสบายไป
ตุ๊ก : ตอนนี้เขาสนิทกับแม่มากกว่าตุ๊กแล้ว เล่นกันเป็นเพื่อนเลย
Hug : ตอนนั้นเรียนเอกเดียวกัน คณะเดียวกัน เลยได้เจอกันทุกวัน?
หนุ่ย : ครับ เราเรียนที่ภาควิชาการแสดงและกำกับการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ ก็ได้เจอกันทุกวัน ตั้งแต่เริ่มจีบกันใหม่ๆ จนกระทั่งเป็นแฟนกันแล้ว ก็ยังเจอกันทุกวัน ตอนแรกๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่า เขาคิดยังไงกับผม แต่ผมน่ะ จีบเขาแน่นอน ตัวเขาเองก็ค่อนข้างเป็นผู้หญิงระวังตัว เป็นสาวใสซื่อบริสุทธิ์มากๆ
ตุ๊ก : ตุ๊กเป็นคนที่เลิกเรียนก็กลับบ้าน ไม่ค่อยได้ไปไหน พอเขาพาไปเที่ยว ไปโน่นไปนี่ ถือเป็นการเปิดโลกมาก (หัวเราะขำ) ไปไหนกับเขาก็สนุก
หนุ่ย : สิ่งที่ผมเซอร์ไพรส์ที่สุดของผู้หญิงคนนี้คือ ทุกที่ที่ผมพาไป เป็นครั้งแรกของเขาหมด ผมพาเขาขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ไปต่างประเทศก็ไปกับผมครั้งแรก แม้กระทั่งร้านมนต์นมสด เขาก็ไม่เคยไป เซเว่นฯ เคยเข้าหรือเปล่าเนี่ย.. (หันไปถามคุณตุ๊กที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ) ผมก็เลยประทับใจและอยากสร้างสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้
ตุ๊ก : เขาก็สนุกในการพาตุ๊กไป ส่วนตุ๊กก็สนุกในการไปกับเขา ก็เลยแฮปปี้ เจอกันทุกวัน ไปนี่ไปนั่น สนุกสนานกันไป
Hug : นานไหมคะกว่าที่จะตกลงเป็นแฟนกัน
หนุ่ย : ประมาณ 2 เดือนครับ เขาตกลงเป็นแฟนผม วันที่เราไปดูฝนดาวตกด้วยกัน คืนวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541 มาถึงตอนนี้ก็ 14 ปีพอดี เราเป็นคู่ที่เจอกันทุกวัน เราทำงานด้วยกัน ปะทะกันเยอะมาก เราตัดสินใจแต่งงานกันวันที่เราคบกัน 7 ปีพอดี ผมจดทะเบียนสมรสวันที่ 18 พฤศจิกายน 2548 แต่งงานวันที่ 19 พฤศจิกายน ส่วนลูก (น้องอยู่นี่) เกิดวันที่ 17 พฤศจิกายน 2553 ประมาณ 5 ปีหลังแต่งงาน
ตุ๊ก : อยากจะอั้นไว้ก่อนจนถึงวันครบรอบแต่งงาน แต่ไม่ไหว แล้วคุณหมอก็กลัวว่าจะมีปัญหา เพราะครรภ์สัปดาห์ท้ายๆ เขาไม่โตขึ้นเลย คุณหมอก็อยากให้ผ่าคลอดเลย
พงศ์สุข-จามรี หิรัญพฤกษ์
Hug: เหตุผลที่ตัดสินใจแต่งงานกันในปีที่ 7 ของการคบกันคืออะไร
หนุ่ย : เอาแบบโรแมนติคสุดๆ เลยนะ แม่ยายกดดันมาก (คุณหนุ่ยทำหน้าตาย แต่ฮาครืนทั้งวง) ผมไม่มีท้องก่อนแต่ง ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แต่แม่ยายกดดัน บ้านนี้ เวลาเขารวมญาติกัน เขาไม่มีคำถามอื่น นอกจากคำถามว่า เมื่อไหร่จะแต่งงาน
ตุ๊ก : คือผู้ใหญ่เขาก็คงคิดแล้วแหละ เขาคงจะเห็นว่า หนุ่ยทำงานเปิดบริษัท ก็จะเจอสาวๆ เยอะแยะมากมาย ทำอีเวนท์ ไปต่างจังหวัด โอกาสเสี่ยงน่าจะสูง แม่ก็เลยมองว่า คบกันมานานแล้ว ผู้หญิงเราก็มีแต่เสีย น่าจะแต่งงานกันซะที
Hug : เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเข้ามาบ้างไหมคะ
หนุ่ย : เรื่องนี้ผมยืนยันได้ล้านเปอร์เซ็น ผมไม่เคยนอกใจตุ๊ก มีครั้งหนึ่ง เสี่ยงที่สุดในชีวิตแล้ว ผมไปคุยงานกับลูกค้าที่มีชอบคุยงานในอาบอบนวด พอพรีเซ็นต์จบ เขาชอบมาก ไม่ยอมให้ผมกลับ คะยั้นคะยอจะเลี้ยงผมให้ได้ สุดท้ายผมต้องยอมให้น้องเขาเข้ามาในห้องเพื่อนั่งคุยกันเฉยๆ พอได้เวลาจะกลับ ผมทิปให้น้องเขาแต่เขาไม่เอา เขาบอกว่า พี่ไม่ได้ทำอะไรหนู แล้วเขาก็ถามผมกลับไปว่า ที่พี่ไม่ทำอะไรหนู เพราะพี่รักแฟนใช่มั้ย ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าผมจะทำ ก็ทำได้นะ เพราะผมยังไม่ได้แต่งงาน แต่ผมก็ข้ามจุดนั้นมาได้ เพราะผม
รักตุ๊กเขา (ยิ้มภูมิใจ)
Hug : อยากให้เล่าถึงบรรยากาศการขอแต่งงานให้ฟังหน่อยค่ะ
หนุ่ย : วันนั้นเป็นวันเกิดตุ๊ก เช้านั้นผมไปโคราช ตุ๊กเขาก็ไม่รู้ ผมไปหาพี่คนหนึ่งที่เปิดร้านขายทอง ไปซื้อแหวนแต่งงาน ไม่ได้ใหญ่มากอะไร แต่คิดแล้วหละว่า วิธีการให้ต้องพิเศษ เพราะเราสองคนชอบดูหนัง คุณตุ๊กเองเขาจะตั้งคำถามและรอคอยว่า ไอ้ฉากขอแต่งงานแบบในหนังเนี่ย เขาจะได้เจอไหม เขาชอบฉากขอแต่งงานที่มันโรแมนติคแบบในหนัง หลังจากนั้น ผมก็ไปซื้อเค้กวันเกิด เอาแหวนไปซ่อนไว้ในเค้ก แล้วกลับออฟฟิศ พอเขาตัดเค้กแล้วมันติด ก็งงๆ เปิดออกมาเจอแหวนแต่งงาน เขาร้องไห้เลย
ตุ๊ก : ตอนนั้นก็คิดว่าเซอร์ไพรส์เค้กวันเกิดธรรมดา ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะขอแต่งงานจริงๆ แบบนี้ (ยิ้มตาเป็นประกาย)
Hug: สิ่งที่ทำให้คุณตุ๊กยอมรับในตัวคุณหนุ่ยคืออะไรคะ
ตุ๊ก : เขาเป็นคนดี น่ารัก สดใส ร่าเริง เอาใจใส่ สม่ำเสมอ แถมเขายังเป็นคนเก่งด้วย เวลาไปไหน ไปเจอสังคมข้างนอกเขาจะทำให้เรารู้สึกว่า เขาเก่งจัง อย่างไปเป็นพิธีกร อะไรแบบนี้ ส่วนตัวเรา เป็นแบบ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอได้ไปเจออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เราก็จะรู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่สำหรับเราตลอด เวลาเราทำงานผิด เขาก็จะสอน เป็นพวกหวังผลเลิศต้องดีทำให้ที่สุด บางทีด่าตรงนั้น ด่าจนเราร้องไห้ก็เคย ไม่มีความเป็นแฟนเลย (แอบค้อนคุณหนุ่ย)
หนุ่ย : ผมเป็นคนที่แยกแยะเรื่องนี้ชัดเจนนะครับ ถ้าเราทำงานด้วยกันแล้วเกิดมีความผิดพลาด มันก็ต้องตำหนิกันได้ เขาเองก็สามารถตำหนิผมได้เหมือนกัน แต่พอกลับถึงบ้านปุ๊บ จะตัดโหมดนั้นออกทันที แต่กว่าจะจูนเรื่องนี้กันติดก็ร้องไห้กันไปเยอะ เพราะผมเป็นคนจริงจังเรื่องการทำงาน คนทั่วไปจะคิดว่ามาตรฐานคือเท่านี้ แต่ในความเป็นจริง มาตรฐานมันสูงกว่านั้นมาก
Hug : เท่าที่ทราบคุณหนุ่ยมีมาตรฐานการทำงานสูงมาก
หนุ่ย : ต้องเล่าก่อนว่า ผมเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวที่คุณพ่อเสียชีวิตตอนผมอายุ 3 ขวบครึ่ง ผมไม่ได้โตมาแบบสบายๆ ผมมีพี่ที่ห่างกับผม 8 ปี เขาเคี่ยวกรำผมมาตลอด คือถ้าผมมีอะไรที่ไม่ดี เขาด่าเช็ดตรงนั้น ผมจึงโตมากับการถูกเคี่ยวกรำหนัก เมื่อวันหนึ่งผมมาเจอสาววัยใสคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้อะไรเลย แต่ผมต้องการให้เขาเก่ง ผมก็ต้องเคี่ยวกรำเขา ผมโชคดีที่พี่ชายผมซึ่งเป็นพ่อของภูริ
(ภูริ หิรัญพฤกษ์) เลือกส่งผมไปเรียนเมืองนอกพร้อมๆ กับลูกของเขาด้วย ผมเลยมีโอกาสได้ไปเรียนที่อังกฤษประมาณ 5 สัปดาห์ ผมก็ได้ค้นพบว่า โลกนี้มันกว้างใหญ่มาก ใหญ่เกินกว่าที่เราจะมานั่งหน่อมแหน้มกันอยู่ ผมเคยเห็นงานระดับมิส ไซ่ง่อน เดอะแฟนธ่อม ออฟดิโอเปร่า ตั้งแต่ตอนผมเรียนการละครปีหนึ่ง ผมเลยเป็นคนจริงจังกับงานมาก พอมาเจอเขา เออ.. เขาก็ดูใสดี แต่พอได้ทำงานร่วมกัน บางทีก็คิด เฮ้ย..ไม่รู้อะไรเลยเหรอเนี่ย
ตุ๊ก : บางทีก็เหมือนจะใสซื่อจนเกินไป
หนุ่ย : ตอนที่ผมดูหนังมาราธอน หนังเรื่องแรกที่เขาเปิดชื่อ Picture Perfect ที่เจนนิเฟอร์ อนิสตัน เป็นนางเอก เจนนิเฟอร์เขาพูดว่า ‘คนเราพยายามตลอดชีวิตเพื่อหาโซลเมท แต่จริงๆ แล้ว ชีวิตคู่น่ะ มันไม่ใช่โซลเมทหรอก แค่เราหาใครสักคนแล้วมาทำให้มันเวิร์ค’ ผมชอบคำนี้มากเลย ผมก็เลยเลือกเขา แล้วเขาก็เวิร์คจริงๆ คือถ้าใครสักคนที่เคยรู้จักคุณตุ๊กสมัยวัยใส จะรู้เลยว่า เขาเปลี่ยนไปเยอะมาก เขาเก่งขึ้นมาก เขาทำงานเก่งกว่าผมอีก ทำแทนผมแล้ว ทั้งเรื่องคิว เรื่องค่าตัว คุมงานลูกน้อง เช็คการบ้าน สัมภาษณ์งานคน เขาสนับสนุนเราอย่างเต็มที่ทุกอย่าง ในไบเบิ้ลจะพูดว่า ‘ภรรยาคือภาชนะที่อ่อนแอกว่า ให้ภรรยาสนับสนุนกิจการงานสามี’ เขาเป็นอย่างนั้นเลย
พงศ์สุข-จามรี หิรัญพฤกษ์
Hug : คุณหนุ่ยคุณตุ๊กมีวิธีแบ่งปันความทุกข์สุขกันและกันอย่างไร
ตุ๊ก : เราไม่รู้สึกว่าแบ่งปันนะ เพราะเราเจอพร้อมกัน เจอด้วยกันตลอด (ยิ้ม)
หนุ่ย : ส่วนมากเราจะเป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุขมากกว่า เวลาสุขก็สุขด้วยกัน เวลาทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน เวลาพูดมันก็ดูดีนะ แต่บางทีมันก็เครียดไปด้วยกัน มีช่วงหนึ่ง ตอนแต่งงานใหม่ๆ บริษัทเราหมุนเงินไม่ทัน แต่ผมก็ยึดหลักข้อนึงว่า แม้ว่าเราจะเป็นหนี้ เราจะทุกข์ แต่ลมหายใจที่เราสูดเข้าไปทุกวันน่ะมัน ‘ฟรี’ นะ มันไม่มีอะไรหนักไปว่าที่เป็นอยู่หรอก คนบางคนหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งเราสองคนเคยโดดบันจี้จัมพ์คู่มาแล้ว เราจะไม่ยอมฆ่าตัวตายเด็ดขาด มันโคตรน่ากลัวเลย (หัวเราะ)
Hug : หลักยึดของคุณหนุ่ยกับคุณตุ๊กในการดำเนินชีวิตครอบครัวคืออะไรคะ
หนุ่ย : ผมคิดว่าตุ๊กเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว เราต้องมีเขา เขาต้องมีเรา แล้วผมก็มีหลักส่วนตัวว่า ถ้าแต่งงานกันแล้ว ขอให้ลบ
คำว่า ‘เลิกหรือหย่า’ ออกไปจากชีวิต ถ้าคุณยังเก็บมันไว้ พอวันหนึ่งชีวิตคุณมีปัญหา ยังไงคุณก็จะเอามันกลับมาใช้ อีกหลักการหนึ่งของผมคือ ถ้าทะเลาะกันก็จะเคลียร์กันให้จบภายในวันนั้น จะไม่ปล่อยให้ข้ามวัน
ตุ๊ก : เราได้ใช้หลักการในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนี่แหละค่ะเป็นหลักยึดในชีวิตครอบครัว (คุณหนุ่ยและคุณตุ๊กเป็นคริสเตียนประเภทพยานพระยะโฮวาห์ คือกลุ่มที่ศึกษาคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างจริงจัง) ในพระคัมภีร์บอกว่าให้ภรรยานับถือสามีอย่างสุดซึ้ง เราเคยคิดว่า ทำไมข้อนี้มันยากจัง ทำไม่ได้หรอก เพราะเวลาเราทำงาน เรามีปรี๊ด มีเฉ่งกันในที่ทำงาน พอมาพยายามใช้หลักการนี้ เราต้องเคารพเชื่อฟังสามี ซึ่งพอเราฝึกฝนทำอย่างนั้นบ่อยๆ (จะดื้อปุ๊บต้องรีบหยุดตัวเอง) ครอบครัวเราก็มีความสุขขึ้นจริงๆ สามีเขาก็จะมีความมั่นใจในการทำงาน แล้วจะกลับมาดูแลเราได้ดี เราก็ต้องพยายามเปลี่ยนตัวเองด้วย
Hug : อยากให้เล่าถึงน้อง ‘อยู่นี่’ ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตค่ะ เท่าที่ทราบ
ตอนแรกคุณหนุ่ยไม่ได้อยากมีลูกเท่าไหร่
หนุ่ย : ผมไม่เคยคิดอยากมีลูก เพราะผมรู้สึกว่าการมีลูกคือภาระที่ไม่คล่องตัว คนที่มีลูกก็จะมาบอกว่ามีลูกเถอะๆ แต่ในใจผมคิดว่า ‘มันคือกับดัก’ เขาต้องมาหลอกเราแน่นอน แต่พอวันที่ลูกคลอด ผมอยากกลับไปขอบคุณทุกคนจริงๆ เขากลายมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา และอีกเรื่องที่สำคัญมากคือ คุณยายผมเสียชีวิต คุณยายเป็นคนที่ตลกมาก พอคุณยายเสีย บ้านมันเงียบมาก ครอบครัวเราทำประชากร
กว่าจะรักกันได้ : แบไต๋(หัวใจ)ไฮเทค ‘พงศ์สุข-จามรี หิรัญพฤกษ์’
‘พงศ์สุข-จามรี หิรัญพฤกษ์’
เมื่อเห็นใบหน้าและรอยยิ้มอันสดใส คอไอทีหลายคนคงรู้จัก ‘หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์’ ชายหนุ่มยิ้มเก่ง บุคลิกดี พูดเสียงดัง
คนนี้ เขาเป็นพิธีกรรายการไอทีที่มีคนรู้จักมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด เจ้าของรายการ ‘แบไต๋ไฮเทค’ เป็นผู้ริเริ่มงาน Thailand Game Show และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนเรื่องครอบครัว เขาเป็นสามีสุดอบอุ่นของ ‘ตุ๊ก-จามรี หิรัญพฤกษ์’ เป็นคุณพ่อของลูกสาวคนเดียววัยกำลังซน ‘น้องอยู่นี่ - พีรดา หิรัญพฤกษ์’ จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ครอบครัวอบอุ่นของมนุษย์ไอทีคนนี้ มีที่มาอย่างไร ‘กว่าจะรักกันได้’ ฉบับนี้ จึงขอ ‘แบไต๋’ หัวใจหนุ่มไฮเทคคนนี้มาให้ผู้อ่าน ‘ฮัก แม็กกาซีน’ ได้ทราบ
กันค่ะ
Hug : จุดเริ่มต้นของความรักเกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
หนุ่ย : มันเกิดขึ้นที่หน้าลิฟท์ชั้น 9 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว ประสานมิตร ตุ๊กเขาเป็นรุ่นพี่ผม 1 ปี แต่อายุจริงๆ แก่กว่ากันแค่ 4 เดือนเท่านั้น วันนั้นเขาหันหลังให้ผม กำลังจะกดลิฟท์อยู่ ผมเห็นเขาจากด้านหลัง ก็นึกแบบผู้ชายทะลึ่งๆ เลยว่า ‘ผู้หญิงคนนี้ บั้นท้าย
สวยมากเลย สงสัยเราต้องจีบแล้วหละ’ (ยิ้ม)
ตุ๊ก : ทั้งๆ ที่เห็นกันมาตั้ง 3 ปี แล้วนะ
หนุ่ย : คือคนบางคนเจอกันมาโดยตลอด แต่ไม่เคยมอง ไม่ได้เห็นความงามไง มันมาเห็นในอีก 3 ปีถัดไป ตอนผมเข้าปีหนึ่ง ผมก็เห็น
พี่ตุ๊กเป็นรุ่นพี่คอยรับน้องตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอเห็นในวินาทีหน้าลิฟท์นั้น ก็เลยบอกพี่ตุ๊กไปว่า ‘พี่ตุ๊กครับ ผมมีตั๋วหนังฟรี ไปดูหนังกันมั้ย’ คือก่อนหน้านั้นผมไปแข่งดูหนังมาราธอน 14 เรื่อง ที่อีจีวีมา วันที่ผมแข่งดูหนัง ผมเพิ่งเลิกกับแฟนคนก่อน เลยตาค้าง ดูจนชนะ พอได้ตั๋วดูหนังฟรีมา ก็เอาไปถามแฟนคนก่อนว่า ไปดูด้วยกันไหม แต่เขาไม่ยอมคืนดีกับผม เมื่อไม่ยอมคืนดี เราก็ต้องหาเหยื่อรายใหม่ (ยิ้มเจ้าเล่ห์) ตอนแรกตุ๊กเขาก็ลังเลนะ แต่พอบอกว่ามีตั๋วฟรีเท่านั้นแหละ รีบไปเลย
ตุ๊ก : ไป๊!! (ทำท่าขำ) ตอนนั้นใสซื่อค่ะ น้องมันมาชวน ไม่ได้คิดอะไร ไปก็ไป (ยิ้มขำ)
หนุ่ย : วันที่ผมขับรถไปรับที่หน้าบ้าน พอเขาออกมาจากบ้าน ผมแทบช็อค เพราะเขาเอาแม่มาด้วย (คุณตุ๊กเสริมว่า แม่ทำผมตั้งกระบังมาเลย) ผมเองเนี่ย กลัวเรื่องการเข้าหาผู้ใหญ่มากที่สุด แต่วันแรกที่ไปดูหนังด้วยกัน ว่าที่แม่ยายก็ตั้งกระบังมาเลย นี่ๆ แม่ยายคนนี้นี่แหละ วันนั้นหน้าตาน่าเกรงขามมาก (หัวเราะขำกันทั้งวง เพราะคุณแม่คุณตุ๊กเพิ่งเดินออกไปจากห้องที่เรานั่งสัมภาษณ์กันอยู่)
Hug : ตอนที่เห็นว่าที่แม่ยายไปดูหนังด้วย คุณหนุ่ยคิดยังไงคะ
หนุ่ย : ผมก็คิดว่า เฮ้ย.. นี่ใสซื่อขนาดไม่รู้หรือไงวะว่าชวนเดท เอาแม่มาด้วยเนี่ย.. อะไรจะขนาดนี้ (คุณตุ๊กนั่งขำตัวงออยู่ข้างๆ) แต่สุดท้ายเราก็ไปดูหนังด้วยกัน ที่อีจีวี ลาดพร้าว แม่เขาก็น่ารัก กินข้าวกัน เขาก็เลี้ยง ผมเลยสบายไป
ตุ๊ก : ตอนนี้เขาสนิทกับแม่มากกว่าตุ๊กแล้ว เล่นกันเป็นเพื่อนเลย
Hug : ตอนนั้นเรียนเอกเดียวกัน คณะเดียวกัน เลยได้เจอกันทุกวัน?
หนุ่ย : ครับ เราเรียนที่ภาควิชาการแสดงและกำกับการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ ก็ได้เจอกันทุกวัน ตั้งแต่เริ่มจีบกันใหม่ๆ จนกระทั่งเป็นแฟนกันแล้ว ก็ยังเจอกันทุกวัน ตอนแรกๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่า เขาคิดยังไงกับผม แต่ผมน่ะ จีบเขาแน่นอน ตัวเขาเองก็ค่อนข้างเป็นผู้หญิงระวังตัว เป็นสาวใสซื่อบริสุทธิ์มากๆ
ตุ๊ก : ตุ๊กเป็นคนที่เลิกเรียนก็กลับบ้าน ไม่ค่อยได้ไปไหน พอเขาพาไปเที่ยว ไปโน่นไปนี่ ถือเป็นการเปิดโลกมาก (หัวเราะขำ) ไปไหนกับเขาก็สนุก
หนุ่ย : สิ่งที่ผมเซอร์ไพรส์ที่สุดของผู้หญิงคนนี้คือ ทุกที่ที่ผมพาไป เป็นครั้งแรกของเขาหมด ผมพาเขาขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ไปต่างประเทศก็ไปกับผมครั้งแรก แม้กระทั่งร้านมนต์นมสด เขาก็ไม่เคยไป เซเว่นฯ เคยเข้าหรือเปล่าเนี่ย.. (หันไปถามคุณตุ๊กที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ) ผมก็เลยประทับใจและอยากสร้างสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้
ตุ๊ก : เขาก็สนุกในการพาตุ๊กไป ส่วนตุ๊กก็สนุกในการไปกับเขา ก็เลยแฮปปี้ เจอกันทุกวัน ไปนี่ไปนั่น สนุกสนานกันไป
Hug : นานไหมคะกว่าที่จะตกลงเป็นแฟนกัน
หนุ่ย : ประมาณ 2 เดือนครับ เขาตกลงเป็นแฟนผม วันที่เราไปดูฝนดาวตกด้วยกัน คืนวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541 มาถึงตอนนี้ก็ 14 ปีพอดี เราเป็นคู่ที่เจอกันทุกวัน เราทำงานด้วยกัน ปะทะกันเยอะมาก เราตัดสินใจแต่งงานกันวันที่เราคบกัน 7 ปีพอดี ผมจดทะเบียนสมรสวันที่ 18 พฤศจิกายน 2548 แต่งงานวันที่ 19 พฤศจิกายน ส่วนลูก (น้องอยู่นี่) เกิดวันที่ 17 พฤศจิกายน 2553 ประมาณ 5 ปีหลังแต่งงาน
ตุ๊ก : อยากจะอั้นไว้ก่อนจนถึงวันครบรอบแต่งงาน แต่ไม่ไหว แล้วคุณหมอก็กลัวว่าจะมีปัญหา เพราะครรภ์สัปดาห์ท้ายๆ เขาไม่โตขึ้นเลย คุณหมอก็อยากให้ผ่าคลอดเลย
พงศ์สุข-จามรี หิรัญพฤกษ์
Hug: เหตุผลที่ตัดสินใจแต่งงานกันในปีที่ 7 ของการคบกันคืออะไร
หนุ่ย : เอาแบบโรแมนติคสุดๆ เลยนะ แม่ยายกดดันมาก (คุณหนุ่ยทำหน้าตาย แต่ฮาครืนทั้งวง) ผมไม่มีท้องก่อนแต่ง ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แต่แม่ยายกดดัน บ้านนี้ เวลาเขารวมญาติกัน เขาไม่มีคำถามอื่น นอกจากคำถามว่า เมื่อไหร่จะแต่งงาน
ตุ๊ก : คือผู้ใหญ่เขาก็คงคิดแล้วแหละ เขาคงจะเห็นว่า หนุ่ยทำงานเปิดบริษัท ก็จะเจอสาวๆ เยอะแยะมากมาย ทำอีเวนท์ ไปต่างจังหวัด โอกาสเสี่ยงน่าจะสูง แม่ก็เลยมองว่า คบกันมานานแล้ว ผู้หญิงเราก็มีแต่เสีย น่าจะแต่งงานกันซะที
Hug : เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเข้ามาบ้างไหมคะ
หนุ่ย : เรื่องนี้ผมยืนยันได้ล้านเปอร์เซ็น ผมไม่เคยนอกใจตุ๊ก มีครั้งหนึ่ง เสี่ยงที่สุดในชีวิตแล้ว ผมไปคุยงานกับลูกค้าที่มีชอบคุยงานในอาบอบนวด พอพรีเซ็นต์จบ เขาชอบมาก ไม่ยอมให้ผมกลับ คะยั้นคะยอจะเลี้ยงผมให้ได้ สุดท้ายผมต้องยอมให้น้องเขาเข้ามาในห้องเพื่อนั่งคุยกันเฉยๆ พอได้เวลาจะกลับ ผมทิปให้น้องเขาแต่เขาไม่เอา เขาบอกว่า พี่ไม่ได้ทำอะไรหนู แล้วเขาก็ถามผมกลับไปว่า ที่พี่ไม่ทำอะไรหนู เพราะพี่รักแฟนใช่มั้ย ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าผมจะทำ ก็ทำได้นะ เพราะผมยังไม่ได้แต่งงาน แต่ผมก็ข้ามจุดนั้นมาได้ เพราะผม
รักตุ๊กเขา (ยิ้มภูมิใจ)
Hug : อยากให้เล่าถึงบรรยากาศการขอแต่งงานให้ฟังหน่อยค่ะ
หนุ่ย : วันนั้นเป็นวันเกิดตุ๊ก เช้านั้นผมไปโคราช ตุ๊กเขาก็ไม่รู้ ผมไปหาพี่คนหนึ่งที่เปิดร้านขายทอง ไปซื้อแหวนแต่งงาน ไม่ได้ใหญ่มากอะไร แต่คิดแล้วหละว่า วิธีการให้ต้องพิเศษ เพราะเราสองคนชอบดูหนัง คุณตุ๊กเองเขาจะตั้งคำถามและรอคอยว่า ไอ้ฉากขอแต่งงานแบบในหนังเนี่ย เขาจะได้เจอไหม เขาชอบฉากขอแต่งงานที่มันโรแมนติคแบบในหนัง หลังจากนั้น ผมก็ไปซื้อเค้กวันเกิด เอาแหวนไปซ่อนไว้ในเค้ก แล้วกลับออฟฟิศ พอเขาตัดเค้กแล้วมันติด ก็งงๆ เปิดออกมาเจอแหวนแต่งงาน เขาร้องไห้เลย
ตุ๊ก : ตอนนั้นก็คิดว่าเซอร์ไพรส์เค้กวันเกิดธรรมดา ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะขอแต่งงานจริงๆ แบบนี้ (ยิ้มตาเป็นประกาย)
Hug: สิ่งที่ทำให้คุณตุ๊กยอมรับในตัวคุณหนุ่ยคืออะไรคะ
ตุ๊ก : เขาเป็นคนดี น่ารัก สดใส ร่าเริง เอาใจใส่ สม่ำเสมอ แถมเขายังเป็นคนเก่งด้วย เวลาไปไหน ไปเจอสังคมข้างนอกเขาจะทำให้เรารู้สึกว่า เขาเก่งจัง อย่างไปเป็นพิธีกร อะไรแบบนี้ ส่วนตัวเรา เป็นแบบ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอได้ไปเจออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เราก็จะรู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่สำหรับเราตลอด เวลาเราทำงานผิด เขาก็จะสอน เป็นพวกหวังผลเลิศต้องดีทำให้ที่สุด บางทีด่าตรงนั้น ด่าจนเราร้องไห้ก็เคย ไม่มีความเป็นแฟนเลย (แอบค้อนคุณหนุ่ย)
หนุ่ย : ผมเป็นคนที่แยกแยะเรื่องนี้ชัดเจนนะครับ ถ้าเราทำงานด้วยกันแล้วเกิดมีความผิดพลาด มันก็ต้องตำหนิกันได้ เขาเองก็สามารถตำหนิผมได้เหมือนกัน แต่พอกลับถึงบ้านปุ๊บ จะตัดโหมดนั้นออกทันที แต่กว่าจะจูนเรื่องนี้กันติดก็ร้องไห้กันไปเยอะ เพราะผมเป็นคนจริงจังเรื่องการทำงาน คนทั่วไปจะคิดว่ามาตรฐานคือเท่านี้ แต่ในความเป็นจริง มาตรฐานมันสูงกว่านั้นมาก
Hug : เท่าที่ทราบคุณหนุ่ยมีมาตรฐานการทำงานสูงมาก
หนุ่ย : ต้องเล่าก่อนว่า ผมเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวที่คุณพ่อเสียชีวิตตอนผมอายุ 3 ขวบครึ่ง ผมไม่ได้โตมาแบบสบายๆ ผมมีพี่ที่ห่างกับผม 8 ปี เขาเคี่ยวกรำผมมาตลอด คือถ้าผมมีอะไรที่ไม่ดี เขาด่าเช็ดตรงนั้น ผมจึงโตมากับการถูกเคี่ยวกรำหนัก เมื่อวันหนึ่งผมมาเจอสาววัยใสคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้อะไรเลย แต่ผมต้องการให้เขาเก่ง ผมก็ต้องเคี่ยวกรำเขา ผมโชคดีที่พี่ชายผมซึ่งเป็นพ่อของภูริ
(ภูริ หิรัญพฤกษ์) เลือกส่งผมไปเรียนเมืองนอกพร้อมๆ กับลูกของเขาด้วย ผมเลยมีโอกาสได้ไปเรียนที่อังกฤษประมาณ 5 สัปดาห์ ผมก็ได้ค้นพบว่า โลกนี้มันกว้างใหญ่มาก ใหญ่เกินกว่าที่เราจะมานั่งหน่อมแหน้มกันอยู่ ผมเคยเห็นงานระดับมิส ไซ่ง่อน เดอะแฟนธ่อม ออฟดิโอเปร่า ตั้งแต่ตอนผมเรียนการละครปีหนึ่ง ผมเลยเป็นคนจริงจังกับงานมาก พอมาเจอเขา เออ.. เขาก็ดูใสดี แต่พอได้ทำงานร่วมกัน บางทีก็คิด เฮ้ย..ไม่รู้อะไรเลยเหรอเนี่ย
ตุ๊ก : บางทีก็เหมือนจะใสซื่อจนเกินไป
หนุ่ย : ตอนที่ผมดูหนังมาราธอน หนังเรื่องแรกที่เขาเปิดชื่อ Picture Perfect ที่เจนนิเฟอร์ อนิสตัน เป็นนางเอก เจนนิเฟอร์เขาพูดว่า ‘คนเราพยายามตลอดชีวิตเพื่อหาโซลเมท แต่จริงๆ แล้ว ชีวิตคู่น่ะ มันไม่ใช่โซลเมทหรอก แค่เราหาใครสักคนแล้วมาทำให้มันเวิร์ค’ ผมชอบคำนี้มากเลย ผมก็เลยเลือกเขา แล้วเขาก็เวิร์คจริงๆ คือถ้าใครสักคนที่เคยรู้จักคุณตุ๊กสมัยวัยใส จะรู้เลยว่า เขาเปลี่ยนไปเยอะมาก เขาเก่งขึ้นมาก เขาทำงานเก่งกว่าผมอีก ทำแทนผมแล้ว ทั้งเรื่องคิว เรื่องค่าตัว คุมงานลูกน้อง เช็คการบ้าน สัมภาษณ์งานคน เขาสนับสนุนเราอย่างเต็มที่ทุกอย่าง ในไบเบิ้ลจะพูดว่า ‘ภรรยาคือภาชนะที่อ่อนแอกว่า ให้ภรรยาสนับสนุนกิจการงานสามี’ เขาเป็นอย่างนั้นเลย
พงศ์สุข-จามรี หิรัญพฤกษ์
Hug : คุณหนุ่ยคุณตุ๊กมีวิธีแบ่งปันความทุกข์สุขกันและกันอย่างไร
ตุ๊ก : เราไม่รู้สึกว่าแบ่งปันนะ เพราะเราเจอพร้อมกัน เจอด้วยกันตลอด (ยิ้ม)
หนุ่ย : ส่วนมากเราจะเป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุขมากกว่า เวลาสุขก็สุขด้วยกัน เวลาทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน เวลาพูดมันก็ดูดีนะ แต่บางทีมันก็เครียดไปด้วยกัน มีช่วงหนึ่ง ตอนแต่งงานใหม่ๆ บริษัทเราหมุนเงินไม่ทัน แต่ผมก็ยึดหลักข้อนึงว่า แม้ว่าเราจะเป็นหนี้ เราจะทุกข์ แต่ลมหายใจที่เราสูดเข้าไปทุกวันน่ะมัน ‘ฟรี’ นะ มันไม่มีอะไรหนักไปว่าที่เป็นอยู่หรอก คนบางคนหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งเราสองคนเคยโดดบันจี้จัมพ์คู่มาแล้ว เราจะไม่ยอมฆ่าตัวตายเด็ดขาด มันโคตรน่ากลัวเลย (หัวเราะ)
Hug : หลักยึดของคุณหนุ่ยกับคุณตุ๊กในการดำเนินชีวิตครอบครัวคืออะไรคะ
หนุ่ย : ผมคิดว่าตุ๊กเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว เราต้องมีเขา เขาต้องมีเรา แล้วผมก็มีหลักส่วนตัวว่า ถ้าแต่งงานกันแล้ว ขอให้ลบ
คำว่า ‘เลิกหรือหย่า’ ออกไปจากชีวิต ถ้าคุณยังเก็บมันไว้ พอวันหนึ่งชีวิตคุณมีปัญหา ยังไงคุณก็จะเอามันกลับมาใช้ อีกหลักการหนึ่งของผมคือ ถ้าทะเลาะกันก็จะเคลียร์กันให้จบภายในวันนั้น จะไม่ปล่อยให้ข้ามวัน
ตุ๊ก : เราได้ใช้หลักการในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนี่แหละค่ะเป็นหลักยึดในชีวิตครอบครัว (คุณหนุ่ยและคุณตุ๊กเป็นคริสเตียนประเภทพยานพระยะโฮวาห์ คือกลุ่มที่ศึกษาคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างจริงจัง) ในพระคัมภีร์บอกว่าให้ภรรยานับถือสามีอย่างสุดซึ้ง เราเคยคิดว่า ทำไมข้อนี้มันยากจัง ทำไม่ได้หรอก เพราะเวลาเราทำงาน เรามีปรี๊ด มีเฉ่งกันในที่ทำงาน พอมาพยายามใช้หลักการนี้ เราต้องเคารพเชื่อฟังสามี ซึ่งพอเราฝึกฝนทำอย่างนั้นบ่อยๆ (จะดื้อปุ๊บต้องรีบหยุดตัวเอง) ครอบครัวเราก็มีความสุขขึ้นจริงๆ สามีเขาก็จะมีความมั่นใจในการทำงาน แล้วจะกลับมาดูแลเราได้ดี เราก็ต้องพยายามเปลี่ยนตัวเองด้วย
Hug : อยากให้เล่าถึงน้อง ‘อยู่นี่’ ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตค่ะ เท่าที่ทราบ
ตอนแรกคุณหนุ่ยไม่ได้อยากมีลูกเท่าไหร่
หนุ่ย : ผมไม่เคยคิดอยากมีลูก เพราะผมรู้สึกว่าการมีลูกคือภาระที่ไม่คล่องตัว คนที่มีลูกก็จะมาบอกว่ามีลูกเถอะๆ แต่ในใจผมคิดว่า ‘มันคือกับดัก’ เขาต้องมาหลอกเราแน่นอน แต่พอวันที่ลูกคลอด ผมอยากกลับไปขอบคุณทุกคนจริงๆ เขากลายมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา และอีกเรื่องที่สำคัญมากคือ คุณยายผมเสียชีวิต คุณยายเป็นคนที่ตลกมาก พอคุณยายเสีย บ้านมันเงียบมาก ครอบครัวเราทำประชากร