องค์กรอิสระ vs รัฐบาล ... ข่าวสด vs ไทยรัฐ .... ว่าด้วยการตรวจสอบในระบอบประชาธิปไตย

กระทู้สนทนา
บทบรรณาธิการ : องค์กรอิสระ  ...ข่าวสดออนไลน์


สูตร คณิตศาสตร์ล้อการเมือง 20 ล้าน+3 < 6 ที่กลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยนำเสนอ
คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เป็นตลกร้ายที่มีทั้งอารมณ์ขันและการวิพากษ์วิจารณ์ชวนให้คิดพิจารณา

หลังจากการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. ที่มีผู้ใช้สิทธิ 20 ล้านเสียง ถูกวินิจฉัยให้เป็นโมฆะ

มีคำถามคาใจอีกมากมายที่เกิดขึ้นตามมา

โดยเฉพาะการตั้งข้อสังเกตทั้งในกลุ่มคนไทยและต่างชาติว่า องค์กรอิสระควรมี
อำนาจตัดสินอนาคตทางการเมืองของประเทศมากมายเท่านี้จริงหรือ


และองค์กรอิสระต่างๆ จะถูกตรวจสอบได้อย่างไร

การมีองค์กรอิสระเป็นผลดีสำหรับการตรวจสอบในระบอบประชาธิปไตย
เป็นการถ่วงดุลอำนาจทางการเมืองในรูปแบบหนึ่ง

แต่จุดอ่อนอยู่ที่ว่า คณะกรรมการในองค์กรอิสระผ่านการตรวจสอบมาอย่างไร
และจะถูกตรวจสอบอย่างไรจากประชาชน


การหยิบยกคุณสมบัติคุณงามความดีมิได้เป็นเหตุเป็นผล หรือมีระยะเวลาคุ้มครองที่ถาวร

แม้แต่ในพระธรรมคำสอนยังมีคำชี้แนะว่า อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดควรเชื่อได้
และอย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา

สะท้อนว่า ความดีไม่อาจวัดหรือขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของบุคคลที่ตัดสิน
ได้ด้วยความรู้สึกหรือความเชื่อ

เพราะความรู้สึกและความเชื่อใช้เป็นกฎเกณฑ์กติกาไม่ได้


ในกรณีของศาลรัฐธรรมนูญต่างประเทศ แต่ละชาติใช้การคัดเลือกที่แตกต่างกัน
แต่ยึดโยงถึงอำนาจของประชาชนคล้ายกัน

กรณี ของเยอรมนี รัฐสภาเป็นผู้เลือกตั้งสมาชิกของศาล แต่ละสภาของรัฐสภามี
อำนาจเลือกตั้งสมาชิกของศาล สภาละ 8 คน และจะสลับ กับการเลือกประธานศาล
โดยการเลือกตั้งสมาชิกของศาลนั้นต้องได้เสียงข้างมาก 2 ใน 3

กรณีของอิตาลี ศาลประกอบด้วยตุลาการ 15 คน มาจากการแต่งตั้งของ
ประธานาธิบดี 5 คน รัฐสภาเลือกตั้ง 5 คน และศาลยุติธรรมสูงสุดกับ
ศาลปกครองสูงสุดเลือกตั้งมา 5 คน เป็นต้น

สำหรับ ไทย การเริ่มต้นขององค์กรอิสระ อาจมาด้วยเจตนาดี แต่วิธีการและรูปแบบนั้น
เป็นเรื่องที่ต้องเปิดกว้างให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ และตรวจสอบ

เพื่อจะแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นและเป็นสากลยิ่งขึ้น

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5UY3pNelkzT1E9PQ==&sectionid=


ปชต.ที่ไม่ต้องตรวจสอบ  บทบรรณาธิการ   ไทยรัฐออนไลน์


เป็นไปตามความคาดหมาย คนของฝ่ายรัฐบาลดาหน้ากันออกมาถล่มศาลรัฐธรรมนูญและ
กกต.ยับเยิน หลังจากที่ศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะ
พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้ง
ขู่ฟ้อง กกต.และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและอาญา ให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป

การตีความรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่เถียงกันได้ ถ้าต้องการจะเถียง ศาลรัฐธรรมนูญก็อาจ
ถามว่าพรรคเพื่อไทยใช้อำนาจรัฐธรรมนูญมาตราไหนมาตัดสินว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจ
แต่ที่ชัดเจนก็คือรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ
และระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันทุกองค์กร

ฉะนั้น การที่ฝ่ายรัฐบาลขู่ว่าจะฟ้อง กกต. และองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและอาญา
จึงน่าสงสัยว่าจะฟ้องศาลใด เพราะรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด
และมีผลผูกพันศาล ถึงฟ้องไปก็อาจจะไม่มีศาลใดรับฟ้องมีทางเดียวที่อาจทำได้คือยื่นถอดถอน
ต่อวุฒิสภา แต่ก็ต้องผ่านการไต่สวนของ ป.ป.ช.

ส่วนการเลือกตั้ง กกต.มีอำนาจหน้าที่จัดการให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยง ธรรม แต่รัฐบาลก็มี
อำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เมื่อเกิดความไม่สงบจน กกต.ไม่สามารถ
จัดการ เลือกตั้งได้ในหลายเขต รัฐบาลก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ชัดเจนที่สุดคือใน กทม.ถึงแม้
รัฐบาลจะใช้งบมหาศาล และระดมตำรวจนับหมื่นๆคน ก็ไม่อาจรักษาความสงบเรียบร้อย

ต้องยอมรับกันว่าสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ กกต.ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
คือความไม่สงบในบ้านเมือง จน กกต.ไม่สามารถเปิดสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้อย่างน้อย 28 เขต
ถึงแม้ กกต.จะขอร้องรัฐบาลขอเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แต่
รัฐบาลไม่ยอมจนกลายเป็นโมฆะ

การเมืองไทยในขณะนี้ มีลักษณะคล้ายกับบทความของนิตยสาร “ดิ อีโคโนมิสต์” ที่ทั่วโลกยอมรับ
ระบุว่ามูลเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยล้มเหลว เพราะ “เน้นการเลือกตั้ง” มากเกินไป
แต่ละเลยองค์ประกอบที่สำคัญอื่นๆของประชาธิปไตย ถือว่า “เสียงข้างมาก” คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
เด็ดขาด ทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องถูกตรวจสอบและถ่วงดุล

หนังสือพิมพ์อังกฤษซึ่งเป็นประเทศแม่บทประชาธิปไตย ชี้ว่า การตรวจ สอบและถ่วงดุลที่เข้มแข็ง
มีความสำคัญยิ่งต่อประชาธิปไตย พอๆกับสิทธิการเลือกตั้ง แต่จากสถานการณ์การเมืองไทยขณะ
นี้เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลอ้างการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว คือตัวตนของประชาธิปไตย ไม่ยอมรับการ
ตรวจสอบของศาล และองค์กรตรวจสอบอื่นๆ ถ้าตัดสินไม่ถูกใจ.

http://www.thairath.co.th/column/pol/editor/412004

ต้องถามเพื่อนๆ ที่เชียร์องค์กรอิสระ ..... วันนี้ใครตรวจสอบองค์กรอิสระได้บ้าง
ให้รวมถึงอำนาจตุลาการด้วยเลย   อย่าฟังความข้างเดียว
ใครค้าน  คำตัดสินของศาล  จะมีเสียงก่น  คำว่า "ควาย"  ตามมา
แต่เมื่อนำ   คำวิจารณ์คำตัดสินของศาล  ที่สปป.  ตั้งเวทีสัมนา  กัน
เพื่อนๆ  ก็หายเรียบ   ไม่มีใครโผล่หน้าออกมาว่า  อ.จ.นิธิ  อ.จ.วรเจตน์
ว่า เป็น "ควาย"   สักคน  
นำบทนำไทยรัฐ  กับ ข่าวสด  มาเทียบกัน  จะมีคนมาวิจารณ์ไหม ?
หรือว่า  ยากไป  ไม่เหมือน  บอกว่า  ใครเป็น  "ควาย"  หรือไม่เป็น
หรือไม่  ก็รูปประทับใจ   มีตติ้งรดน. ที่ชอบนำมาแสดง  เพื่อพิสูจน์กัน  
ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่