เริ่มต้นแล้วกับเทศกาลประชุมผู้ถือหุ้น ... โดยเฉพาะช่วงเวลาประจำปีอย่างในช่วงเดือน มีนาคม เมษายน และพฤษภาคม ที่แต่ละบริษัทหลังจากส่งงบการเงินประจำปีแล้ว ก็มักจะนัดประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่แต่ละบริษัท (มหาชน) จะต้องทำทุกปีตามกฎหมาย และข้อกำหนดของการเป็นบริษัทมหาชน
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า การไปประชุมผู้ถือหุ้น ก็เป็นหนึ่งใน
สิทธิขั้นพื้นฐานที่เราพึงมี และพึงจะได้รับในความเสมอภาคของการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เช่นเดียวกันผู้ถือหุ้นอื่นๆที่มิได้มีส่วนได้เสียในการเป็นผู้บริหารหรือกรรมการบริษัท หนึ่งในนั้นคือสิทธิที่เราจะได้ใช้ในการออกเสียงเพื่อลงคะแนนในวาระต่างๆ แม้ว่าในบางกรณีแล้ว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มักจะเป็นผู้ควบคุมเสียงข้างมากอยู่แล้ว
ภาพการประชุมผู้ถือหุ้น AIS บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในปี 2555 หวังว่าการประชุม AIS วันพุธนี้ (26 มี.ค.) คงไม่มีดราม่าการเมือง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์กำลังอยู่ในจังหวะอันร้อนระอุ
ในบางบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวนมากหลายราย หรือผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากที่มีสิทธิ์ออกเสียงมากในระดับหนึ่ง หากเรามีคำพูดที่มีน้ำหนักพอและน่าเชื่อถือต่อหลักฐานต่างๆ ก็อาจมีความสามารถในการสร้างประเด็นให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นเห็นคล้อยกับเราและออกเสียงไม่สนับสนุนการกระทำการบางอย่างของบริษัทได้
แต่อย่างไรก็ดี อย่างน้อยที่สุด การเป็นผู้ถือหุ้นและไปประชุมผู้ถือหุ้น ก็จะได้สิทธิ์ในการพบเจอผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ รวมถึงการสอบถามข้อซักถามต่างๆของบริษัทจากกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทได้ ซึ่งส่วนนี้ผมมองว่ามีความสำคัญมาก และอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญ แม้เราจะเป็นผู้ถือหุ้นเพียงน้อยนิดที่ไม่อาจไปกำหนดนโยบายบริษัทได้ แต่อย่างน้อยที่สุดสิทธิ์ที่เราจะซักถามในประเด็นที่มีประโยชน์ เราก็ย่อมมีเช่นกัน
ภาพการประชุมผู้ถือหุ้น CENTEL ประจำปี 2555 บุคคลด้านหน้าสวมหมวกคือคุณวันชัย จิราธิวัฒน์ เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของคุณวันชัย ก่อนจะเสียชีวิตลงในอีก 5 เดือนถัดมา ... ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้ทักทายพูดคุยกับคุณวันชัย
การประชุมจำเป็นต้องไปเอง?
การประชุมหากเราไปได้ด้วยตัวเองก็ดี เพราะในบางการประชุมก็มีสาระสำคัญที่ต้องซึมซับหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางประเด็นที่เราอาจจะเข้าใจดีอยู่แล้ว และต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งการส่งตัวแทนไปประชุมผู้ถือหุ้นอาจให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกับเราได้ แต่แน่นอนว่าหากเราไม่สามารถไปประชุมเองได้ เราก็อาจมอบอำนาจ ส่งตัวแทนไปแทนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นญาติ พี่น้อง พ่อแม่ เพื่อนก็ได้
หรือถ้าเราไม่อยากส่งตัวแทนใครไปเลย แต่อยากออกเสียงในวาระการประชุม ก็สามารถลงคะแนนโดยการมอบอำนาจให้กรรมการ หรือกรรมการอิสระลงคะแนนแทนเราได้ หรือแม้กระทั่งให้เป็นผู้รับมอบอำนาจ แต่เราเป็นผู้ลงคะแนนในบางวาระด้วยตนเองก็ย่อมทำได้
ก่อนจะไปต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?
อันดับแรกคือ ...
รับจดหมาย ... เอกสารการประชุมผู้ถือหุ้นต่างๆจะมีส่งให้เรามาทางจดหมาย ในช่องทางการลงทะเบียน จากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ในจดหมายก็มักจะประกอบด้วยแบบลงทะเบียน (หรือแบบแสดงจำนวนหุ้น) ซึ่งเป็นเอกสารต้องใช้ในวันประชุมผู้ถือหุ้น รวมถึงเอกสารที่จะระบุถึงข้อมูลการประชุมผู้ถือหุ้น ในวาระต่างๆว่าจะมีการประชุมวาระอะไรบ้าง นอกจากนี้อาจมีหนังสือรายงานประจำปีแบบรูปเล่ม หรืออาจจะเป็นในรูปแบบ CD-Rom ก็ได้
หนังสือบอกกล่าวการประชุม?
โดยทั่วไปบริษัทจะส่งเอกสารเกี่ยวกับวาระการประชุมมาให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งเนื้อหามักจะเกี่ยวกับจำนวนหุ้นที่เรามี วันเวลาและสถานที่การประชุม รวมถึงวาระการประชุมต่างๆ โดยทั่วไปแล้วบริษัทจดทะเบียนจะมีการเรียกประชุมประจำปีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการประชุมสามัญปีละ 1 ครั้ง แต่ในขณะเดียวกันบางบริษัทอาจมีข้อมูล หรือประเด็นสำคัญที่อาจต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นแบบ
วิสามัญ ได้ด้วย เช่นกรณีการขายกิจการ, การฟ้องร้องดำเนินคดี, การขายสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ และเรื่องอื่นๆที่เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนได้ด้วย ซึ่งการประชุมแบบวิสามัญก็จะจัดขึ้นตามโอกาส หรือวาระต่างๆของบริษัทที่จะกำหนดขึ้น (แต่ยังไงในแต่ละปีอย่างน้อยต้องมีประชุมสามัญประจำปีแหละ)
เอกสารต่างๆที่บริษัทส่งมาให้ โดยเฉพาะเอกสารลงทะเบียน และทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งจะบอกว่าเรามีจำนวนหุ้นเท่าไหร่ และสถานที่การประชุมอะไร เอกสารนั้นเป็นเอกสารจำเป็นสำหรับการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อความรวดเร็วโปรดเตรียม
เอกสารการลงทะเบียนการประชุม และ
บัตรประชาชน มาในวันประชุมด้วย แต่หากบัตรประชาชนหาย สามารถใช้เอกสารราชการอื่นได้ เช่น Passport หรือใบขับขี่ก็ได้ ส่วนเอกสารลงทะเบียนการประชุม หากเราลืมเอามาจริงๆก็สามารถให้เจ้าหน้าที่หาข้อมูลจากบัตรประชาชนเราได้ เพื่อเข้าร่วมประชุม
รายงานประจำปีเป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรอ่าน และไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
หนังสือรายงานประจำปีจะเป็นตัวสรุปที่สำคัญในข้อมูลต่างๆของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ดำเนินการผ่านมาแล้ว ผลประกอบการที่ผ่านมา ความคืบหน้าของโครงการต่างๆ หรือเป็นตัวที่จะบอกว่าอาจมีข้อมูลหรือความจำเป็นบางอย่างที่บริษัทอาจกระทำ หรือแม้กระทั่งโครงการต่างๆในอนาคตของบริษัทด้วย
ส่วนนี้ผู้ถือหุ้นเองควรหาข้อมูล อ่านและทำความเข้าใจอย่างรอบคอบ รวมถึงในบางประเด็นที่เราอาจสงสัยก็ควรจดเป็นหัวข้อคำถาม ซึ่งในการประชุมผู้ถือหุ้น จะมีช่วงของการตอบคำถามซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสอบถามได้ตามต้องการ ซึ่งในคำถามต่างๆบางครั้งอาจฟังดูเป็นคำถามง่ายๆ แต่คุณเชื่อเถอะว่าในบางครั้ง ก็อาจมีผู้ถือหุ้นรอฟังคำตอบของคำถามนั้นเช่นเดียวกับคุณ
อย่าอายที่จะถาม เพราะการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นเพียงเวทีเดียวสำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อยจะได้สอบถามข้อมูลจากผู้บริหาร หรือกรรมการบริษัทโดยตรง
วาระการประชุมเป็นสิ่งที่มีข้อมูลสำคัญ
วาระการประชุมก็เป็นอีกสิ่งที่ควรอ่าน เพราะในแต่ละครั้งของการประชุม โดยทั่วไปการประชุมสามัญมักจะมีการประชุมเพื่อชี้แจงข้อมูลสรุปในรอบปีที่ผ่านมา รวมถึงการพิจารณาอนุมัติงบการเงิน , หรือแม้กระทั่งการพิจารณาจ่ายเงินปันผลด้วย ซึ่งแต่ละวาระก็ล้วนมีความสำคัญ ในแต่ละวาระเราสามารถสอบถามหรือต้องการการชี้แจงเพิ่มเติมจากผู้บริหารได้ด้วย บางวาระเช่นการจ่ายเงินปันผล เราอาจขอพูดเชิงเรียกร้องได้ด้วยว่าอยากให้บริษัทช่วยพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้เยอะๆหน่อยในปีถัดไปก็ได้ ผมก็เคยเจออยู่บ่อยครั้งที่ผู้ถือหุ้นเรียกร้องให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลให้สูงขึ้น คณะกรรมการมักจะเก็บข้อมูลไปพิจารณา
ซึ่งอาจจะทำตามข้อเรียกร้องหรือไม่ทำก็ได้
นอกจากนี้อาจมีสาระสำคัญในการประชุมต่างๆที่อาจอยู่ในวาระของการประชุมด้วย สำหรับบางบริษัทอาจมีวาระของเรื่องการเทคโอเวอร์, การซื้อกิจการ, การควบรวมกิจการ อะไรต่างๆในวาระของการประชุมด้วย ข้อนี้สำคัญหากบริษัทมีการประชุมในประเด็นดังกล่าว
อย่าลืมทำการบ้าน ในการดูข้อมูลว่าบริษัทที่ซื้อ หรือรับโอน หรืออะไรก็แล้วแต่คือบริษัทอะไร มีข้อมูลเป็นมาเป็นไปอย่างไร มีส่วนได้เสียกับกรรมการบริษัทหรือไม่ และมีประโยชน์ต่อบริษัทหรือไม่ ส่วนนี้เองก็มีความสำคัญที่เราเองควรไปประชุมด้วยการมีความรู้ไปก่อนล่วงหน้า และอาจมีข้อสงสัยจะได้ซักถาม
ข้อมูลต่างๆที่สำคัญในหนังสือบอกกล่าวหรือรายงานสรุปอาจเป็นหนึ่งในคำถามที่ควรถาม
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายได้, กำไร หรือขาดทุน หรือหนี้สินอะไรต่างๆที่เกิดขึ้นกับบริษัท ส่วนนี้หากมีข้อไหนที่เราเกิดความสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมภาพรวมปีที่แล้วบริษัทก็ดูดี และอุตสาหกรรมก็ดูดี เศรษฐกิจไทยก็เติบโต แต่ทำไมบริษัทถึงได้รายได้น้อย มีกำไรน้อย หรือขาดทุน ตรงนี้เองหากเรามีความรู้และเตรียมคำถามไปได้ดี ก็อาจทำให้กรรมการหรือผู้บริหารบริษัท หงายเงิบ กับคำถามของเราได้ บ่อยครั้งที่ผมเห็นมีผู้ถือหุ้นเตรียมความพร้อมไปเป็นอย่างดี สามารถถามคำถามจี้จุดผู้บริหารได้ ซึ่งตรงส่วนนี้ผมมองว่ามันวัดสกิล และความสามารถ ความรู้ของผู้บริหารได้ด้วย
ในบางครั้งหากผู้บริหารตอบคำถามให้เรารู้สึกเคลียร์ และคลายความกังวลได้ หรือมีการตอบรายละเอียดที่น่าสนใจให้ผู้ถือหุ้นทราบได้ อย่างน้อยที่สุดเราก็วางใจได้ว่าบริษัทอยู่ในการบริหารของคนที่รู้จริง ไม่ใช่แต่เพียงแค่บริษัทหลอกหาเงินเอากับนักลงทุนให้เพิ่มทุนแล้วเพิ่มทุนเล่า
บางครั้งเราอาจได้ไอเดียใหม่ๆ หรือความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมจากการประชุมผู้ถือหุ้น
สำหรับข้อนี้ผมเองก็มีประสบการณ์ส่วนตัวหลายอย่างที่ได้รับจากการประชุมผู้ถือหุ้น (ร่วมกับรายย่อย) แม้ว่าในบางครั้งในฐานะผู้ลงทุนสถาบัน สามารถร่วมประชุมในส่วนของ Analyst Meeting ที่เจาะลึกประเด็นคำถามกับผู้บริหารได้ แต่อย่างไรก็ดีนั่นอาจเป็นการประชุมเพื่อวิเคราะห์เชิงลึก ในขณะที่การประชุมบางอย่างที่ร่วมกับผู้ลงทุนรายย่อย อาจได้ข้อมูลในภาพกว้างด้วย
ยกตัวอย่างเมื่อ 2-3 ปีกว่า การประชุมกับบริษัทไทยคม ช่วงคุณศุภจีขึ้นมาเป็น CEO ใหม่ๆ ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยรู้จักคุณศุภจีเท่าไหร่ เมื่อมีผู้ถือหุ้นเริ่มยิงคำถาม คุณศุภจีเก็บคำถามและตอบได้อย่างเคลียร์งดงามมาก รวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆอีกเป็นจำนวนมากที่คุณศุภจีให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงคุณศุภจีเข้าถึงผู้ถือหุ้นและรับฟังความเห็นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วยตัวเองทั้งก่อนและหลังประชุม นับตั้งแต่นั้นผมเองก็เชื่อมั่นว่าไทยคมน่าจะพลิกฟื้นได้เรื่อยๆ (ซึ่งก่อนหน้านั้นผลประกอบการขาดทุนน่ากลัวมาก) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็เห็นบริษัทกลับมาพลิกฟื้นมีกำไรมากขึ้น และกลับมาเติบโตตามลำดับ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าบางไอเดีย สามารถหาได้แค่การประชุมร่วมกับรายย่อยจริงๆ เพราะเราจะได้ข้อมูลในภาพที่กว้างกว่าและมีรายละเอียดที่หลากหลายกว่า
บางบริษัทขนาดใหญ่หรืออุตสาหกรรมเงินทุนอาจมีส่วนให้เราเดาสภาพเศรษฐกิจได้
อย่างเช่นกลุ่มธนาคารอย่างในภาพด้านล่างมาจากรายละเอียดสรุปของธนาคารไทยพาณิชย์ เราเองอาจเริ่มมองภาพเศรษฐกิจไทยในภาพใหญ่ๆได้จากข้อมูลของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงินด้วย เพราะถือว่าเป็นต้นน้ำของระบบวงจรธุรกิจ เช่นเมื่อดูข้อมูลเมือปี 55 กับปี 56 การเติบโตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เป็นไปอย่างเบาบางมาก ซึ่งนั่นอาจเดาได้ว่าบริษัทใหญ่ๆเริ่มชะลอการลงทุนหรือไม่?
หรืออีกข้อมูลเช่นหนี้สงสัยจะสูญ หรือหนี้เสียต่างๆ เช่นทำไมธนาคารไทยพาณิชย์มีการสำรองเพิ่มขึ้นกว่า 3.3 พันล้านบาท หรือกว่า 45% จากปีก่อน นั่นกำลังแสดงนัยทางปัญหาการเงิน หรือปัญหาเศรษฐกิจอะไรในประเทศไทยเราหรือไม่? ตรงนี้เองเราก็ควรทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อสอบถามปัญหาและรับฟังแนวโน้มทางเศรษฐกิจจากผู้บริหารผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเป็นอย่างดี
ขอบคุณครับ เริ่มเทศกาลประชุมแล้วขอให้มีความสุขกับการประชุมผู้ถือหุ้นครับ
Venezier Meeting ::: ไปประชุมผู้ถือหุ้นกันเถอะ !!!
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า การไปประชุมผู้ถือหุ้น ก็เป็นหนึ่งในสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราพึงมี และพึงจะได้รับในความเสมอภาคของการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เช่นเดียวกันผู้ถือหุ้นอื่นๆที่มิได้มีส่วนได้เสียในการเป็นผู้บริหารหรือกรรมการบริษัท หนึ่งในนั้นคือสิทธิที่เราจะได้ใช้ในการออกเสียงเพื่อลงคะแนนในวาระต่างๆ แม้ว่าในบางกรณีแล้ว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มักจะเป็นผู้ควบคุมเสียงข้างมากอยู่แล้ว
ภาพการประชุมผู้ถือหุ้น AIS บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในปี 2555 หวังว่าการประชุม AIS วันพุธนี้ (26 มี.ค.) คงไม่มีดราม่าการเมือง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์กำลังอยู่ในจังหวะอันร้อนระอุ
ในบางบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวนมากหลายราย หรือผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากที่มีสิทธิ์ออกเสียงมากในระดับหนึ่ง หากเรามีคำพูดที่มีน้ำหนักพอและน่าเชื่อถือต่อหลักฐานต่างๆ ก็อาจมีความสามารถในการสร้างประเด็นให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นเห็นคล้อยกับเราและออกเสียงไม่สนับสนุนการกระทำการบางอย่างของบริษัทได้
แต่อย่างไรก็ดี อย่างน้อยที่สุด การเป็นผู้ถือหุ้นและไปประชุมผู้ถือหุ้น ก็จะได้สิทธิ์ในการพบเจอผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ รวมถึงการสอบถามข้อซักถามต่างๆของบริษัทจากกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทได้ ซึ่งส่วนนี้ผมมองว่ามีความสำคัญมาก และอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญ แม้เราจะเป็นผู้ถือหุ้นเพียงน้อยนิดที่ไม่อาจไปกำหนดนโยบายบริษัทได้ แต่อย่างน้อยที่สุดสิทธิ์ที่เราจะซักถามในประเด็นที่มีประโยชน์ เราก็ย่อมมีเช่นกัน
ภาพการประชุมผู้ถือหุ้น CENTEL ประจำปี 2555 บุคคลด้านหน้าสวมหมวกคือคุณวันชัย จิราธิวัฒน์ เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของคุณวันชัย ก่อนจะเสียชีวิตลงในอีก 5 เดือนถัดมา ... ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้ทักทายพูดคุยกับคุณวันชัย
การประชุมจำเป็นต้องไปเอง?
การประชุมหากเราไปได้ด้วยตัวเองก็ดี เพราะในบางการประชุมก็มีสาระสำคัญที่ต้องซึมซับหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางประเด็นที่เราอาจจะเข้าใจดีอยู่แล้ว และต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งการส่งตัวแทนไปประชุมผู้ถือหุ้นอาจให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกับเราได้ แต่แน่นอนว่าหากเราไม่สามารถไปประชุมเองได้ เราก็อาจมอบอำนาจ ส่งตัวแทนไปแทนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นญาติ พี่น้อง พ่อแม่ เพื่อนก็ได้
หรือถ้าเราไม่อยากส่งตัวแทนใครไปเลย แต่อยากออกเสียงในวาระการประชุม ก็สามารถลงคะแนนโดยการมอบอำนาจให้กรรมการ หรือกรรมการอิสระลงคะแนนแทนเราได้ หรือแม้กระทั่งให้เป็นผู้รับมอบอำนาจ แต่เราเป็นผู้ลงคะแนนในบางวาระด้วยตนเองก็ย่อมทำได้
ก่อนจะไปต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?
อันดับแรกคือ ... รับจดหมาย ... เอกสารการประชุมผู้ถือหุ้นต่างๆจะมีส่งให้เรามาทางจดหมาย ในช่องทางการลงทะเบียน จากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ในจดหมายก็มักจะประกอบด้วยแบบลงทะเบียน (หรือแบบแสดงจำนวนหุ้น) ซึ่งเป็นเอกสารต้องใช้ในวันประชุมผู้ถือหุ้น รวมถึงเอกสารที่จะระบุถึงข้อมูลการประชุมผู้ถือหุ้น ในวาระต่างๆว่าจะมีการประชุมวาระอะไรบ้าง นอกจากนี้อาจมีหนังสือรายงานประจำปีแบบรูปเล่ม หรืออาจจะเป็นในรูปแบบ CD-Rom ก็ได้
หนังสือบอกกล่าวการประชุม?
โดยทั่วไปบริษัทจะส่งเอกสารเกี่ยวกับวาระการประชุมมาให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งเนื้อหามักจะเกี่ยวกับจำนวนหุ้นที่เรามี วันเวลาและสถานที่การประชุม รวมถึงวาระการประชุมต่างๆ โดยทั่วไปแล้วบริษัทจดทะเบียนจะมีการเรียกประชุมประจำปีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการประชุมสามัญปีละ 1 ครั้ง แต่ในขณะเดียวกันบางบริษัทอาจมีข้อมูล หรือประเด็นสำคัญที่อาจต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นแบบ วิสามัญ ได้ด้วย เช่นกรณีการขายกิจการ, การฟ้องร้องดำเนินคดี, การขายสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ และเรื่องอื่นๆที่เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนได้ด้วย ซึ่งการประชุมแบบวิสามัญก็จะจัดขึ้นตามโอกาส หรือวาระต่างๆของบริษัทที่จะกำหนดขึ้น (แต่ยังไงในแต่ละปีอย่างน้อยต้องมีประชุมสามัญประจำปีแหละ)
เอกสารต่างๆที่บริษัทส่งมาให้ โดยเฉพาะเอกสารลงทะเบียน และทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งจะบอกว่าเรามีจำนวนหุ้นเท่าไหร่ และสถานที่การประชุมอะไร เอกสารนั้นเป็นเอกสารจำเป็นสำหรับการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อความรวดเร็วโปรดเตรียมเอกสารการลงทะเบียนการประชุม และ บัตรประชาชน มาในวันประชุมด้วย แต่หากบัตรประชาชนหาย สามารถใช้เอกสารราชการอื่นได้ เช่น Passport หรือใบขับขี่ก็ได้ ส่วนเอกสารลงทะเบียนการประชุม หากเราลืมเอามาจริงๆก็สามารถให้เจ้าหน้าที่หาข้อมูลจากบัตรประชาชนเราได้ เพื่อเข้าร่วมประชุม
รายงานประจำปีเป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรอ่าน และไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
หนังสือรายงานประจำปีจะเป็นตัวสรุปที่สำคัญในข้อมูลต่างๆของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ดำเนินการผ่านมาแล้ว ผลประกอบการที่ผ่านมา ความคืบหน้าของโครงการต่างๆ หรือเป็นตัวที่จะบอกว่าอาจมีข้อมูลหรือความจำเป็นบางอย่างที่บริษัทอาจกระทำ หรือแม้กระทั่งโครงการต่างๆในอนาคตของบริษัทด้วย
ส่วนนี้ผู้ถือหุ้นเองควรหาข้อมูล อ่านและทำความเข้าใจอย่างรอบคอบ รวมถึงในบางประเด็นที่เราอาจสงสัยก็ควรจดเป็นหัวข้อคำถาม ซึ่งในการประชุมผู้ถือหุ้น จะมีช่วงของการตอบคำถามซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสอบถามได้ตามต้องการ ซึ่งในคำถามต่างๆบางครั้งอาจฟังดูเป็นคำถามง่ายๆ แต่คุณเชื่อเถอะว่าในบางครั้ง ก็อาจมีผู้ถือหุ้นรอฟังคำตอบของคำถามนั้นเช่นเดียวกับคุณ อย่าอายที่จะถาม เพราะการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นเพียงเวทีเดียวสำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อยจะได้สอบถามข้อมูลจากผู้บริหาร หรือกรรมการบริษัทโดยตรง
วาระการประชุมเป็นสิ่งที่มีข้อมูลสำคัญ
วาระการประชุมก็เป็นอีกสิ่งที่ควรอ่าน เพราะในแต่ละครั้งของการประชุม โดยทั่วไปการประชุมสามัญมักจะมีการประชุมเพื่อชี้แจงข้อมูลสรุปในรอบปีที่ผ่านมา รวมถึงการพิจารณาอนุมัติงบการเงิน , หรือแม้กระทั่งการพิจารณาจ่ายเงินปันผลด้วย ซึ่งแต่ละวาระก็ล้วนมีความสำคัญ ในแต่ละวาระเราสามารถสอบถามหรือต้องการการชี้แจงเพิ่มเติมจากผู้บริหารได้ด้วย บางวาระเช่นการจ่ายเงินปันผล เราอาจขอพูดเชิงเรียกร้องได้ด้วยว่าอยากให้บริษัทช่วยพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้เยอะๆหน่อยในปีถัดไปก็ได้ ผมก็เคยเจออยู่บ่อยครั้งที่ผู้ถือหุ้นเรียกร้องให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลให้สูงขึ้น คณะกรรมการมักจะเก็บข้อมูลไปพิจารณา ซึ่งอาจจะทำตามข้อเรียกร้องหรือไม่ทำก็ได้
นอกจากนี้อาจมีสาระสำคัญในการประชุมต่างๆที่อาจอยู่ในวาระของการประชุมด้วย สำหรับบางบริษัทอาจมีวาระของเรื่องการเทคโอเวอร์, การซื้อกิจการ, การควบรวมกิจการ อะไรต่างๆในวาระของการประชุมด้วย ข้อนี้สำคัญหากบริษัทมีการประชุมในประเด็นดังกล่าว อย่าลืมทำการบ้าน ในการดูข้อมูลว่าบริษัทที่ซื้อ หรือรับโอน หรืออะไรก็แล้วแต่คือบริษัทอะไร มีข้อมูลเป็นมาเป็นไปอย่างไร มีส่วนได้เสียกับกรรมการบริษัทหรือไม่ และมีประโยชน์ต่อบริษัทหรือไม่ ส่วนนี้เองก็มีความสำคัญที่เราเองควรไปประชุมด้วยการมีความรู้ไปก่อนล่วงหน้า และอาจมีข้อสงสัยจะได้ซักถาม
ข้อมูลต่างๆที่สำคัญในหนังสือบอกกล่าวหรือรายงานสรุปอาจเป็นหนึ่งในคำถามที่ควรถาม
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายได้, กำไร หรือขาดทุน หรือหนี้สินอะไรต่างๆที่เกิดขึ้นกับบริษัท ส่วนนี้หากมีข้อไหนที่เราเกิดความสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมภาพรวมปีที่แล้วบริษัทก็ดูดี และอุตสาหกรรมก็ดูดี เศรษฐกิจไทยก็เติบโต แต่ทำไมบริษัทถึงได้รายได้น้อย มีกำไรน้อย หรือขาดทุน ตรงนี้เองหากเรามีความรู้และเตรียมคำถามไปได้ดี ก็อาจทำให้กรรมการหรือผู้บริหารบริษัท หงายเงิบ กับคำถามของเราได้ บ่อยครั้งที่ผมเห็นมีผู้ถือหุ้นเตรียมความพร้อมไปเป็นอย่างดี สามารถถามคำถามจี้จุดผู้บริหารได้ ซึ่งตรงส่วนนี้ผมมองว่ามันวัดสกิล และความสามารถ ความรู้ของผู้บริหารได้ด้วย
ในบางครั้งหากผู้บริหารตอบคำถามให้เรารู้สึกเคลียร์ และคลายความกังวลได้ หรือมีการตอบรายละเอียดที่น่าสนใจให้ผู้ถือหุ้นทราบได้ อย่างน้อยที่สุดเราก็วางใจได้ว่าบริษัทอยู่ในการบริหารของคนที่รู้จริง ไม่ใช่แต่เพียงแค่บริษัทหลอกหาเงินเอากับนักลงทุนให้เพิ่มทุนแล้วเพิ่มทุนเล่า
บางครั้งเราอาจได้ไอเดียใหม่ๆ หรือความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมจากการประชุมผู้ถือหุ้น
สำหรับข้อนี้ผมเองก็มีประสบการณ์ส่วนตัวหลายอย่างที่ได้รับจากการประชุมผู้ถือหุ้น (ร่วมกับรายย่อย) แม้ว่าในบางครั้งในฐานะผู้ลงทุนสถาบัน สามารถร่วมประชุมในส่วนของ Analyst Meeting ที่เจาะลึกประเด็นคำถามกับผู้บริหารได้ แต่อย่างไรก็ดีนั่นอาจเป็นการประชุมเพื่อวิเคราะห์เชิงลึก ในขณะที่การประชุมบางอย่างที่ร่วมกับผู้ลงทุนรายย่อย อาจได้ข้อมูลในภาพกว้างด้วย
ยกตัวอย่างเมื่อ 2-3 ปีกว่า การประชุมกับบริษัทไทยคม ช่วงคุณศุภจีขึ้นมาเป็น CEO ใหม่ๆ ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยรู้จักคุณศุภจีเท่าไหร่ เมื่อมีผู้ถือหุ้นเริ่มยิงคำถาม คุณศุภจีเก็บคำถามและตอบได้อย่างเคลียร์งดงามมาก รวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆอีกเป็นจำนวนมากที่คุณศุภจีให้ผู้ถือหุ้นได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงคุณศุภจีเข้าถึงผู้ถือหุ้นและรับฟังความเห็นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วยตัวเองทั้งก่อนและหลังประชุม นับตั้งแต่นั้นผมเองก็เชื่อมั่นว่าไทยคมน่าจะพลิกฟื้นได้เรื่อยๆ (ซึ่งก่อนหน้านั้นผลประกอบการขาดทุนน่ากลัวมาก) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็เห็นบริษัทกลับมาพลิกฟื้นมีกำไรมากขึ้น และกลับมาเติบโตตามลำดับ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าบางไอเดีย สามารถหาได้แค่การประชุมร่วมกับรายย่อยจริงๆ เพราะเราจะได้ข้อมูลในภาพที่กว้างกว่าและมีรายละเอียดที่หลากหลายกว่า
บางบริษัทขนาดใหญ่หรืออุตสาหกรรมเงินทุนอาจมีส่วนให้เราเดาสภาพเศรษฐกิจได้
อย่างเช่นกลุ่มธนาคารอย่างในภาพด้านล่างมาจากรายละเอียดสรุปของธนาคารไทยพาณิชย์ เราเองอาจเริ่มมองภาพเศรษฐกิจไทยในภาพใหญ่ๆได้จากข้อมูลของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงินด้วย เพราะถือว่าเป็นต้นน้ำของระบบวงจรธุรกิจ เช่นเมื่อดูข้อมูลเมือปี 55 กับปี 56 การเติบโตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เป็นไปอย่างเบาบางมาก ซึ่งนั่นอาจเดาได้ว่าบริษัทใหญ่ๆเริ่มชะลอการลงทุนหรือไม่?
หรืออีกข้อมูลเช่นหนี้สงสัยจะสูญ หรือหนี้เสียต่างๆ เช่นทำไมธนาคารไทยพาณิชย์มีการสำรองเพิ่มขึ้นกว่า 3.3 พันล้านบาท หรือกว่า 45% จากปีก่อน นั่นกำลังแสดงนัยทางปัญหาการเงิน หรือปัญหาเศรษฐกิจอะไรในประเทศไทยเราหรือไม่? ตรงนี้เองเราก็ควรทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อสอบถามปัญหาและรับฟังแนวโน้มทางเศรษฐกิจจากผู้บริหารผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเป็นอย่างดี
ขอบคุณครับ เริ่มเทศกาลประชุมแล้วขอให้มีความสุขกับการประชุมผู้ถือหุ้นครับ