"แกก็รู้ว่าถ้าแกอยู่ข้างนอกแกก็จะโดนพวกนักเลงนั่นทำร้าย ที่ชั้นทำไปก็เพราะว่าอยากช่วยแกต่างหากเล่า"
"แต่นี่มันเรื่องใหญ่นะ มันคือการกักขังเหนี่ยวกันเลยทีเดียว"
"ชั้นรู้ๆ แต่ชั้นคงไม่ให้แกอยู่ที่นั่นไปตลอดหรอกน่า"
ไวพจแทบจะอดกลั้นอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ แต่เขาก็ไม่รู้จะไปคาดคั้นอะไรกับพี่ชาย จึงได้แต่เพียงแสดงสีหน้าไม่พอใจเท่านั้น
"เอาน่าๆ เดี๋ยวชั้นจะช่วยเหลือแกเรื่องเงินก็ได้ ถือว่าหายกันนะ โอเคมั้ย"
ไวพจทำท่าทางไม่ยอมรับข้อเสนอ ตอนนี้เขาไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแล้ว พี่ชายของเขาเห็นดังนั้นจึงทำท่าจะปล่อยให้เรื่องมันค่อยๆเงียบไป
"เอ่อ เดี๋ยวชั้นจะมีการประชุมผู้บริหาร แกนั่งเล่นในนี้ไปก่อนก็ได้นะ"
เมื่อพูดเสร็จ เจ้าของเสียงก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ไวพจอยู่สงบสติอารมณ์ในห้องคนเดียว ไวพจนั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟาสักพักเพื่อให้อารมณ์เย็นลง เขานึกถึงอดีตที่ถูกพี่ชายกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เด็ก ไวพจไม่เคยเอาคืนพี่ของเขาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไวพจคิดว่าครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โดนพี่ชายเล่นแรงๆอีกครั้ง
ไวพจลุกจากโซฟากำลังจะกลับบ้าน แต่ในสันดานเขาที่ติดพนันบอลงอมแงมก็ขอแค่ให้ได้รู้ราคาแทงบอลก็ยังดี ไวพจเดินไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของพี่ชายที่เปิดค้างไว้อยู่เพื่อจะเปิดเว็บไซต์พนันบอลเพื่อดูราคา สายตาของเขาไล่ดูไอคอนบนหน้าจอเพื่อเปิดโปรแกรมเว็บบร๊าวเซอร์ เขาเห็นไฟล์เอกสารหลายสิบไฟล์วางอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไวพจรู้สึกรำคาญที่เขามองหาไอคอนที่ต้องการไม่พบ แต่เขาก็ไปสะดุดกับไฟล์ๆหนึ่งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ไวพจเกิดความคิดขึ้นในหัวจนทำให้มีรอยยิ้มที่มุมปาก
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง พี่ชายของไวพจเดินกลับมายังห้องทำงานของเขา เมื่อเปิดประตูเขาเห็นไวพจยังนั่งเล่นอยู่บนโซฟาตัวเดิม
"อ้าว! ยังไม่กลับเหรอ?"
"ยังพี่ ผมว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็ผ่านไปแล้ว ผมก็ไม่ติดใจอะไรอีก และเราสองคนก็ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันเท่าไหร่ ผมเลยคิดว่าคืนนี้เราน่าจะไปออกเที่ยวยามราตรีกันหน่อยดีมั้ย"
"ก็ได้ ตามใจแกแล้วกัน งั้น 2 ทุ่มคืนนี้เจอกันที่ร้านเดอะฮิลล์ พรุ่งนี้วันหยุดเราไปเมากันให้เต็มที่เลย"
พี่ชายของไวพจหัวเราะชอบใจ
เวลา 2 ทุ่มตรงที่ร้านเดอะฮิลล์ ไวพจมารอก่อนหน้านี้แล้ว เวลาผ่านไปสัก 10 นาทีพี่ชายของเขาก็โผล่มา
"สั่งอะไรไปหรือยัง"
"ก็นิดหน่อยแล้ว รอพี่มาสั่งเพิ่ม"
"น้อง! สั่งอาหารหน่อย เอาบรั่นดรี 12 ปีมาด้วยหนึ่งขวด"
ทั้งสองนั่งกินดื่มกัน ในบรรยากาศที่สนุกสนานมีดนตรีคลอ เมื่อเริ่มดื่ม ไวพจพยายามที่จะไม่ดื่มเหล้า เขาแค่จิบๆเท่านั้นเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เพราะเขากลัวว่าความเมาจะทำให้แผนการที่ไวพจเตรียมไว้นั้นล้มเหลวเสียก่อน
"ไอ่น้อง แกรู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ชั้นประสบความสำเร็จในเรื่องการทำธุรกิจ"
ฝ่ายพี่ชายที่เริ่มเมาแล้วพยายามเปิดประเด็นเพื่อพูดข่มน้องชาย
"อะไร"
"คนที่จะประสบความสำเร็จร่ำรวยจากธุรกิจได้นั้น สิ่งแรกเลยที่เขาต้องมีก็คือ..."
"ความรู้เหรอ"
ไวพจลองตอบเพราะพี่ชายเว้นวรรคคำพูดให้
"ไม่ใช่ สิ่งแรกที่ต้องมีคือความเหี้ยม เราต้องมีความเหี้ยมพอที่จะฟันกำไรจากลูกค้าให้ได้มากที่สุด ดูอย่างโรงแรมของชั้นสิ เงินที่ลงทุนประดับประดาโรงแรมให้ดูสวยหรู ก็เพื่อจะดูดเงินจากบรรดาคนที่เข้ามาพักให้ได้มากที่สุด แล้วแกล่ะ ออฟฟิศวางระบบคอมพิวเตอร์ ถึงลูกค้าแกจะเยอะขนาดไหน แต่กำไรที่ได้ต่อครั้งมันน้อย ทำให้แกไม่รวยสักทีน่ะสิ"
ฝ่ายพี่ชายเริ่มเมาแล้ว น้ำเสียงเริ่มดังและฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ไวพจก็สามารถจับใจความได้
"แล้วความรู้ล่ะ ไม่สำคัญเหรอ"
"เฮ้ย... ความรู้น่ะทำให้คนเป็นทาส ดูอย่างแกสิ จบโทมาแต่ก็ทำได้แค่ออฟฟิศระบบคอมพิวเตอร์ ได้งานมาทีแกก็ต้องออกไปจัดการเองตลอด ไม่มีลูกน้องเป็นของตัวเอง ขอแค่มีเงินเราก็สามารถไปจ้างคนที่มีความรู้มาทำงานให้เราได้ ไอ่พวกที่จบสูงๆเนี่ย มันไม่ค่อยกล้าที่จะออกไปทำอะไรของตัวเองหรอก หวังมีเงินเดือนประจำสูงๆก็พอแล้ว"
"อืมมม แต่ผมก็มีความสุขกับออฟฟิศของผมแล้ว แม้มันจะไม่ใหญ่และทำกำไรให้ไม่มาก"
พี่ชายของไวพจกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว ก่อนที่จะพูด
"นี่แกจะบอกว่าพอเพียงกับชีวิตสมถะของแก เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว... สุดท้ายแล้วคนก็จะไขว่คว้าอำนาจ บารมีกันทั้งนั้น ซึ่งมันก็ต้องใช้เงิน"
"แต่จุดมุ่งหวังของคนเราก็ไม่เหมือนกันนะพี่..."
"แล้วแกเคยเห็นใครมั้ยที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง แม้จะเคยเห็นมาบ้าง แต่แท้จริงแล้วคนเหล่านั้นแค่ไม่มีโอกาสที่จะไขว่คว้าสิ่งเหล่านั้นได้ ขอแค่ให้ลู่ทางแก่คนเหล่านั้นสิ รับรองมูมมามทุกราย"
"ก็อาจจะเป็นแบบพี่ว่า"
ไวพจรู้ว่าแนวของพี่ชายก็เป็นแบบนี้ เขาเลยเลิกที่จะโต้เถียงใดๆปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปพร้อมกับปริมาณเหล้าในขวดที่ลดลงเรื่อยๆ และในที่สุดพี่ชายของไวพจก็เมาเต็มที่
ทั้งสองกลับบ้านโดยที่ไวพจอาสาที่จะขับรถไปส่งพี่ชายที่บ้าน ขับไปได้ไม่นานฝ่ายพี่ชายก็เผลอหลับไปโดยไม่ได้สติ
.....
....
...
..
.
พี่ชายของไวพจค่อยๆลืมตา เขาเห็นห้องพักสุดหรูซึ่งไม่คุ้นเคยมาก่อน พลางคิดในใจว่าเมื่อคืนเขาคงเมามาก ไวพจเลยมาเปิดโรงแรมที่ไหนสักแห่งให้นอน พี่ชายของไวพจพยายามลุกจากเตียงเพื่อไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อคลุม แต่เขาหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พี่ชายของไวพจเริ่มหัวเสีย กระเป๋าเงินก็หาไม่เจอ เขารีบออกจากห้องเพื่อลงไปหาพนักงานที่อยู่ชั้นล่าง เมื่อเขาออกมาจากห้องก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆว่าเคยมาสถานที่แห่งนี้
พี่ชายของไวพจจำได้ทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างว่า แท้จริงแล้วโรงแรมแห่งนี้คือโรงแรมของเขาเอง ที่จะรับฝากดูแลคนชรา เขาหัวเราะดังลั่นและบ่นในลำคอว่า 'อำกันแรงจังนะ'
"เอ่อ... คุณครับผมขอใช้โทรศัพท์หน่อยได้มั้ยครับ"
พี่ชายของไวพจเดินไปที่ห้องสำนักงานเพื่อขอใช้โทรศัพท์จากพนักงานหญิงชรา เธอชี้นิ้วไปที่เครื่องโทรศัพท์ในห้องสำนักงาน
พี่ชายของไวพจกดเบอร์โทรศัพท์เข้าหมายเลขตัวเอง เพราะเขาคิดว่าน้องชายคงเก็บโทรศัพท์ของเขาไว้ให้ แบะเป็นไปตามนั้นเมื่อไวพจน์รับสาย
"นี่แก รีบมารับชั้นออกจากโรงแรมเร็วๆ"
"อะไรกันพี่ชาย อยู่ที่นั่นก็สุขสบายดีนี่ไม่เห็นต้องรีบออกมาเลย"
เสียงปลายสายตอบกลับ ทำให้อารมณ์ของพี่ชายเริ่มขุ่น
"อย่ามาล้อเล่นกันน่า รีบมาเลยนะ"
"ก็ได้ครับ งั้นไว้รอผมเสร็จธุระกับลูกค้าผมก่อน แล้วจะรีบไปรีบพี่ทันทีเลย"
"อืมดี งั้นเอาธุระแกให้เสร็จก่อนก็ได้ ชั้นจะได้พักผ่อนที่นี่ ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้อยู่สถานที่สงบๆแบบนี้มานานมากแล้ว แล้วแกจะมารับชั้นกี่โมง ขอไม่เกินเย็นนี้นะ"
"คงจะไม่ทัน เพราะผมกำลังขึ้นเครื่องบินไปคุมไซท์งานที่ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็อีก 3 เดือน พี่ก็อยู่พักผ่อนที่นั่นยาวไปเลยละกันนะเห็นถามหาที่สงบๆอยู่ไม่ใช่รึ"
ไวพจพูดเสร็จเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
"นี่แก! ไม่เป็นไรเดี๋ยวชั้นเรียกแท็กซี่มารับก็ได้"
"โธ่ๆ พี่คิดว่าโรงแรมนั้นจะเหมือนกับโรงแรมทั่วไปหรือ ที่จะเข้าออกได้ตลอดเวลา เมื่อวานตอนที่พี่ออกไปประชุมและปล่อยให้ผมอยู่ที่ห้องคนเดียว ผมแอบไปเปิดคอมและเห็นแบบฟอร์มสำหรับส่งคนเข้าไปอยู่ในนั้น ผมกรอกรายละเอียดของพี่แบบปลอมๆ พร้อมติดรูปของพี่ไป และผมก็แอบปลอมลายเซ็นของพี่ลงไปด้วย ผมยื่นเอกสารนี้ตอนเอาพี่ไปส่งเมื่อคืน พอเจ้าหน้าที่เห็นเอกสารก็เชื่อสนิทว่าพี่คือคนชราที่ถูกส่งมาโดยญาติๆเหมือนคนอื่น"
พี่ชายของไวพจได้ยินดังนั้นก็เริ่มโวยวายเสียงดัง
"เชอะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็จำหน้าชั้นได้"
"ไม่มีทางหรอก เจ้าหน้าที่หญิงชราคนนั้นบอกว่าเจ้าของโรงแรมไม่เคยโผล่หัวไปที่นั่นเลย ไม่มีใครที่นั่นจำหน้าของพี่ได้อย่างแน่นอน"
"ถ้าอย่างนั้นชั้นจะโทรเรียกหุ้นส่วนของโรงแรมนี้มายืนยันตัวตนของชั้น"
"คง
จะทำแบบนั้นไม่ได้ครับ"
"ทำไมล่ะ!!"
"ผมเขียนลงในหมายเหตุของใบส่งตัวระบุว่า จะอนุญาตให้แขกใช้โทรศัพท์ได้ครั้งเดียวเท่านั้น และหลังจากนั้นให้คอยดูแลห้ามให้ใช้โทรศัพท์เด็ดขาด ตอนนี้คงมีเจ้าหน้าที่หนุ่มร่างใหญ่ผิวขาวผมยาวมายืนคลุมพี่อยู่ข้างหลังก็ได้ เพราะเขาคนนั้นเข้มงวดมากกับกฎระเบียบ อ้อ... ผมขอเตือนพี่ก่อนนะว่าอย่าทำให้พ่อหนุ่มนั่นโกรธเชียวล่ะ"
เสียงหัวเราะปลายสายดังขึ้น พี่ชายของไวพจหันหลังไปดูข้างหลังของเขา และเขาถึงกับตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มผิวขาวร่างใหญ่ ผมยาวหวีผมเรียบแปล้ยืนเฝ้าดูเขาอยู่
"อ้อ... ถ้าพี่ไม่อยากอยู่ที่นั่นนาน มีทางเดียวคือเมื่อวางโทรศัพท์แล้วให้พี่รีบวิ่งหนีออกจากโรงแรมไปเลย เหมือนกับที่ผมทำนี่ไงถึงออกไปเจอพี่เมื่อวานได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอวางสายก่อนนะ โชคดีนะพี่"
"ดะๆ เดี๋ยวๆ ..."
เสียงปลายสายวางไปแล้ว พี่ชายของไวพจคิดได้ถึงประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากไวพจ เขาค่อยๆเดินออกจากห้องสำนักงาน เมื่อเดินออกมาถึงหน้าอาคาร เขารีบวิ่งหนีออกไปทางเดินแคบๆที่มีสิ่งกีดขวางเต็มไปหมด และอีกไม่กี่ก้าวเขาก็จะสามารถวิ่งออกสู่ถนนใหญ่ได้ แต่ทันใดนั้น ชายร่างใหญ่ในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยก็โผล่ออกมาขวางประตูทางออก
พี่ชายของไวพจถูกล็อคแขนโดยเจ้าของมือนุ่มร่างใหญ่ผิวขาว ในที่สุดเขาก็ถูกลากตัวมานั่งที่โต๊ะของพนักงานชรา ใบหน้าที่แลดูเคร่งเครียดและจริงจังของหญิงชราหมกมุ่นอยู่กับกองเอกสาร และเธอก็เงยหน้าขึ้นมาดูคนที่เพิ่งพยายามจะหลบหนี
"คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นใคร"
หญิงชราและเจ้าหน้าที่หนุ่มร่างใหญ่มองหน้ากัน เหมือนคุ้นๆว่าจะเคยมีใครเล่นมุกนี้ไปแล้ว
"คุณเป็นใครคะ?"
หญิงชราถาม
"ผมเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้"
เสียงหัวเราะจากทั้งหญิงชราและเจ้าหน้าที่หนุ่มดังลั่นเนิ่นนาน เขาทั้งสองคงคิดว่าไม่น่าจะมีแขกคนไหนกล้าเล่นมุกนี้
"เอาอีกแล้วๆ ครั้งแล้วก็เพิ่งจะมีคนมาแอบอ้างว่าเป็นน้องชายของเจ้าของโรงแรม มาคราวนี้คุณเล่นมาบอกว่าเป็นเจ้าของโรงแรม"
หญิงชราพูดทั้งๆที่ยังมีเสียงหัวเราะเจือปนอยู่ พี่ชายของไวพจแสดงสีหน้าไม่ถูก
"แต่จริงๆนะ ผมถูกน้องชายแกล้งเอามาอยู่ที่นี่ตอนผมหลับ ไม่เชื่อเดี๋ยวเอาบัตรให้ดู"
พี่ชายของไวพจความหากระเป๋าเงิน แต่เขาก็นึกได้ว่ากระเป๋าก็หายไปแล้วเช่นกัน
"กระเป๋าไม่อยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวผมลองเซ็นชื่อให้ดูละกัน แล้วลองเอาไปเทียบกันกับเอกสาร"
พี่ชายของไวพจรีบเอื้อมมือไปหยิบปากกาบนโต๊ะ แต่เขารีบร้อนไปจนทำให้กล่องใส่ปากกาที่มีเครื่องเขียนอยู่ในนั้นเต็มกล่องหล่นกระจายลงบนพื้น และเหตุการณ์นี้ทำให้มือนุ่มจากร่างใหญ่เข้ามาล็อคแขนทั้งสองข้างของพี่ชายไวพจไว้
"เลิกเล่นตลกได้แล้วค่ะ โทษของคนที่พยายามจะหลบหนีคือถูกกักบริเวณไว้ในห้องพักเป็นเวลา 3 วัน และต่อไปถ้ามีใครมาแอบอ้างเป็นคนนู้นคนนี้อีก ก็จะมีบทลงโทษด้วย"
พนักงานหญิงชราพูดจบก็ก้มหน้าลงเพื่อจัดการกับกองเอกสาร ในขณะที่เจ้าหน้าที่หนุ่มกำลังลากพี่ชายของไวพจขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน
"ชั้นไล่แกออก! แกด้วย คอยดูเถอะจะไล่ออกให้หมดเลย ปล่อย... ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้"
พนักงานหญิงชราเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เหมือนจะฉุนขาดกับคำพูดที่เพิ่งจะได้ยิน
"กักบริเวณเพิ่มอีก 4 วันเป็น 1 อาทิตย์เลย"
เสียงร้องโวยวายจากพี่ชายของไวพจยังดังต่อเนื่อง จนเขาถูกลากตัวขึ้นลิฟท์ไป
...
ที่คฤหาสน์หรูหลังหนึ่ง ห้องรับแขกกว้างขวางและถูกประดับไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราราคาแพง ทั้งห้องอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะของคน 2 คน คนหนึ่งคือไวพจ และอีกคนหนึ่งคือป้าวิมลซึ่งเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังโตหลังนี้
"ทำแบบนี้มันไม่หนักไปหน่อยเหรอ นั่นพี่ชายเธอนะ"
ป้าวิมลพูดด้วยหัวเราะไปด้วย ไวพจก็ยังหัวเราะไม่หายเหมือนกัน เมื่อเขายังนึกถึงน้ำเสียงของพี่ชายในการคุยโทรศัพท์ครั้งล่าสุดนั้น
"ก็ให้พี่ชายของผมได้รู้ซะบ้าง ว่าลูกค้าของเขานั้นจะรู้สึกอย่างไรกัน"
เสียงหัวเราะจากทั้ง 2 ดังลั่นอีกครั้ง สักพักทั้งคู่ก็ค่อยสงบจากการหัวเราะ
"ผมคงปล่อยพี่ชายผมไว้ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก็จะไปรับเร็วๆนี้ แล้วลูกชายป้าเป็นอย่างไรบ้างครับ ป้าได้ต่อว่าอะไรมั้ย?"
"อ๋อ... ไม่หรอก ลูกชายป้าเริ่มระแคะระคายอยู่แล้วว่านั่นมันคือแผนจากคู่แข่งทางธุรกิจ เขาก็ตั้งใจว่าจะไปรับป้าออกมา แต่ก็ช้าไปแล้วที่ป้าออกมาก่อน และลูกชายป้าก็ขอโทษป้าแล้วล่ะ จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ นั่นมันลูกชายป้า"
โรงแรมอลวล (ตอนจบ) *อัพเรื่องไม่ครบครับ อัพต่อ
"แต่นี่มันเรื่องใหญ่นะ มันคือการกักขังเหนี่ยวกันเลยทีเดียว"
"ชั้นรู้ๆ แต่ชั้นคงไม่ให้แกอยู่ที่นั่นไปตลอดหรอกน่า"
ไวพจแทบจะอดกลั้นอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ แต่เขาก็ไม่รู้จะไปคาดคั้นอะไรกับพี่ชาย จึงได้แต่เพียงแสดงสีหน้าไม่พอใจเท่านั้น
"เอาน่าๆ เดี๋ยวชั้นจะช่วยเหลือแกเรื่องเงินก็ได้ ถือว่าหายกันนะ โอเคมั้ย"
ไวพจทำท่าทางไม่ยอมรับข้อเสนอ ตอนนี้เขาไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแล้ว พี่ชายของเขาเห็นดังนั้นจึงทำท่าจะปล่อยให้เรื่องมันค่อยๆเงียบไป
"เอ่อ เดี๋ยวชั้นจะมีการประชุมผู้บริหาร แกนั่งเล่นในนี้ไปก่อนก็ได้นะ"
เมื่อพูดเสร็จ เจ้าของเสียงก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ไวพจอยู่สงบสติอารมณ์ในห้องคนเดียว ไวพจนั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟาสักพักเพื่อให้อารมณ์เย็นลง เขานึกถึงอดีตที่ถูกพี่ชายกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เด็ก ไวพจไม่เคยเอาคืนพี่ของเขาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไวพจคิดว่าครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โดนพี่ชายเล่นแรงๆอีกครั้ง
ไวพจลุกจากโซฟากำลังจะกลับบ้าน แต่ในสันดานเขาที่ติดพนันบอลงอมแงมก็ขอแค่ให้ได้รู้ราคาแทงบอลก็ยังดี ไวพจเดินไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของพี่ชายที่เปิดค้างไว้อยู่เพื่อจะเปิดเว็บไซต์พนันบอลเพื่อดูราคา สายตาของเขาไล่ดูไอคอนบนหน้าจอเพื่อเปิดโปรแกรมเว็บบร๊าวเซอร์ เขาเห็นไฟล์เอกสารหลายสิบไฟล์วางอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไวพจรู้สึกรำคาญที่เขามองหาไอคอนที่ต้องการไม่พบ แต่เขาก็ไปสะดุดกับไฟล์ๆหนึ่งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ไวพจเกิดความคิดขึ้นในหัวจนทำให้มีรอยยิ้มที่มุมปาก
เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง พี่ชายของไวพจเดินกลับมายังห้องทำงานของเขา เมื่อเปิดประตูเขาเห็นไวพจยังนั่งเล่นอยู่บนโซฟาตัวเดิม
"อ้าว! ยังไม่กลับเหรอ?"
"ยังพี่ ผมว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็ผ่านไปแล้ว ผมก็ไม่ติดใจอะไรอีก และเราสองคนก็ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันเท่าไหร่ ผมเลยคิดว่าคืนนี้เราน่าจะไปออกเที่ยวยามราตรีกันหน่อยดีมั้ย"
"ก็ได้ ตามใจแกแล้วกัน งั้น 2 ทุ่มคืนนี้เจอกันที่ร้านเดอะฮิลล์ พรุ่งนี้วันหยุดเราไปเมากันให้เต็มที่เลย"
พี่ชายของไวพจหัวเราะชอบใจ
เวลา 2 ทุ่มตรงที่ร้านเดอะฮิลล์ ไวพจมารอก่อนหน้านี้แล้ว เวลาผ่านไปสัก 10 นาทีพี่ชายของเขาก็โผล่มา
"สั่งอะไรไปหรือยัง"
"ก็นิดหน่อยแล้ว รอพี่มาสั่งเพิ่ม"
"น้อง! สั่งอาหารหน่อย เอาบรั่นดรี 12 ปีมาด้วยหนึ่งขวด"
ทั้งสองนั่งกินดื่มกัน ในบรรยากาศที่สนุกสนานมีดนตรีคลอ เมื่อเริ่มดื่ม ไวพจพยายามที่จะไม่ดื่มเหล้า เขาแค่จิบๆเท่านั้นเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เพราะเขากลัวว่าความเมาจะทำให้แผนการที่ไวพจเตรียมไว้นั้นล้มเหลวเสียก่อน
"ไอ่น้อง แกรู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ชั้นประสบความสำเร็จในเรื่องการทำธุรกิจ"
ฝ่ายพี่ชายที่เริ่มเมาแล้วพยายามเปิดประเด็นเพื่อพูดข่มน้องชาย
"อะไร"
"คนที่จะประสบความสำเร็จร่ำรวยจากธุรกิจได้นั้น สิ่งแรกเลยที่เขาต้องมีก็คือ..."
"ความรู้เหรอ"
ไวพจลองตอบเพราะพี่ชายเว้นวรรคคำพูดให้
"ไม่ใช่ สิ่งแรกที่ต้องมีคือความเหี้ยม เราต้องมีความเหี้ยมพอที่จะฟันกำไรจากลูกค้าให้ได้มากที่สุด ดูอย่างโรงแรมของชั้นสิ เงินที่ลงทุนประดับประดาโรงแรมให้ดูสวยหรู ก็เพื่อจะดูดเงินจากบรรดาคนที่เข้ามาพักให้ได้มากที่สุด แล้วแกล่ะ ออฟฟิศวางระบบคอมพิวเตอร์ ถึงลูกค้าแกจะเยอะขนาดไหน แต่กำไรที่ได้ต่อครั้งมันน้อย ทำให้แกไม่รวยสักทีน่ะสิ"
ฝ่ายพี่ชายเริ่มเมาแล้ว น้ำเสียงเริ่มดังและฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ไวพจก็สามารถจับใจความได้
"แล้วความรู้ล่ะ ไม่สำคัญเหรอ"
"เฮ้ย... ความรู้น่ะทำให้คนเป็นทาส ดูอย่างแกสิ จบโทมาแต่ก็ทำได้แค่ออฟฟิศระบบคอมพิวเตอร์ ได้งานมาทีแกก็ต้องออกไปจัดการเองตลอด ไม่มีลูกน้องเป็นของตัวเอง ขอแค่มีเงินเราก็สามารถไปจ้างคนที่มีความรู้มาทำงานให้เราได้ ไอ่พวกที่จบสูงๆเนี่ย มันไม่ค่อยกล้าที่จะออกไปทำอะไรของตัวเองหรอก หวังมีเงินเดือนประจำสูงๆก็พอแล้ว"
"อืมมม แต่ผมก็มีความสุขกับออฟฟิศของผมแล้ว แม้มันจะไม่ใหญ่และทำกำไรให้ไม่มาก"
พี่ชายของไวพจกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว ก่อนที่จะพูด
"นี่แกจะบอกว่าพอเพียงกับชีวิตสมถะของแก เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว... สุดท้ายแล้วคนก็จะไขว่คว้าอำนาจ บารมีกันทั้งนั้น ซึ่งมันก็ต้องใช้เงิน"
"แต่จุดมุ่งหวังของคนเราก็ไม่เหมือนกันนะพี่..."
"แล้วแกเคยเห็นใครมั้ยที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง แม้จะเคยเห็นมาบ้าง แต่แท้จริงแล้วคนเหล่านั้นแค่ไม่มีโอกาสที่จะไขว่คว้าสิ่งเหล่านั้นได้ ขอแค่ให้ลู่ทางแก่คนเหล่านั้นสิ รับรองมูมมามทุกราย"
"ก็อาจจะเป็นแบบพี่ว่า"
ไวพจรู้ว่าแนวของพี่ชายก็เป็นแบบนี้ เขาเลยเลิกที่จะโต้เถียงใดๆปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปพร้อมกับปริมาณเหล้าในขวดที่ลดลงเรื่อยๆ และในที่สุดพี่ชายของไวพจก็เมาเต็มที่
ทั้งสองกลับบ้านโดยที่ไวพจอาสาที่จะขับรถไปส่งพี่ชายที่บ้าน ขับไปได้ไม่นานฝ่ายพี่ชายก็เผลอหลับไปโดยไม่ได้สติ
.....
....
...
..
.
พี่ชายของไวพจค่อยๆลืมตา เขาเห็นห้องพักสุดหรูซึ่งไม่คุ้นเคยมาก่อน พลางคิดในใจว่าเมื่อคืนเขาคงเมามาก ไวพจเลยมาเปิดโรงแรมที่ไหนสักแห่งให้นอน พี่ชายของไวพจพยายามลุกจากเตียงเพื่อไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อคลุม แต่เขาหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พี่ชายของไวพจเริ่มหัวเสีย กระเป๋าเงินก็หาไม่เจอ เขารีบออกจากห้องเพื่อลงไปหาพนักงานที่อยู่ชั้นล่าง เมื่อเขาออกมาจากห้องก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆว่าเคยมาสถานที่แห่งนี้
พี่ชายของไวพจจำได้ทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างว่า แท้จริงแล้วโรงแรมแห่งนี้คือโรงแรมของเขาเอง ที่จะรับฝากดูแลคนชรา เขาหัวเราะดังลั่นและบ่นในลำคอว่า 'อำกันแรงจังนะ'
"เอ่อ... คุณครับผมขอใช้โทรศัพท์หน่อยได้มั้ยครับ"
พี่ชายของไวพจเดินไปที่ห้องสำนักงานเพื่อขอใช้โทรศัพท์จากพนักงานหญิงชรา เธอชี้นิ้วไปที่เครื่องโทรศัพท์ในห้องสำนักงาน
พี่ชายของไวพจกดเบอร์โทรศัพท์เข้าหมายเลขตัวเอง เพราะเขาคิดว่าน้องชายคงเก็บโทรศัพท์ของเขาไว้ให้ แบะเป็นไปตามนั้นเมื่อไวพจน์รับสาย
"นี่แก รีบมารับชั้นออกจากโรงแรมเร็วๆ"
"อะไรกันพี่ชาย อยู่ที่นั่นก็สุขสบายดีนี่ไม่เห็นต้องรีบออกมาเลย"
เสียงปลายสายตอบกลับ ทำให้อารมณ์ของพี่ชายเริ่มขุ่น
"อย่ามาล้อเล่นกันน่า รีบมาเลยนะ"
"ก็ได้ครับ งั้นไว้รอผมเสร็จธุระกับลูกค้าผมก่อน แล้วจะรีบไปรีบพี่ทันทีเลย"
"อืมดี งั้นเอาธุระแกให้เสร็จก่อนก็ได้ ชั้นจะได้พักผ่อนที่นี่ ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้อยู่สถานที่สงบๆแบบนี้มานานมากแล้ว แล้วแกจะมารับชั้นกี่โมง ขอไม่เกินเย็นนี้นะ"
"คงจะไม่ทัน เพราะผมกำลังขึ้นเครื่องบินไปคุมไซท์งานที่ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็อีก 3 เดือน พี่ก็อยู่พักผ่อนที่นั่นยาวไปเลยละกันนะเห็นถามหาที่สงบๆอยู่ไม่ใช่รึ"
ไวพจพูดเสร็จเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
"นี่แก! ไม่เป็นไรเดี๋ยวชั้นเรียกแท็กซี่มารับก็ได้"
"โธ่ๆ พี่คิดว่าโรงแรมนั้นจะเหมือนกับโรงแรมทั่วไปหรือ ที่จะเข้าออกได้ตลอดเวลา เมื่อวานตอนที่พี่ออกไปประชุมและปล่อยให้ผมอยู่ที่ห้องคนเดียว ผมแอบไปเปิดคอมและเห็นแบบฟอร์มสำหรับส่งคนเข้าไปอยู่ในนั้น ผมกรอกรายละเอียดของพี่แบบปลอมๆ พร้อมติดรูปของพี่ไป และผมก็แอบปลอมลายเซ็นของพี่ลงไปด้วย ผมยื่นเอกสารนี้ตอนเอาพี่ไปส่งเมื่อคืน พอเจ้าหน้าที่เห็นเอกสารก็เชื่อสนิทว่าพี่คือคนชราที่ถูกส่งมาโดยญาติๆเหมือนคนอื่น"
พี่ชายของไวพจได้ยินดังนั้นก็เริ่มโวยวายเสียงดัง
"เชอะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็จำหน้าชั้นได้"
"ไม่มีทางหรอก เจ้าหน้าที่หญิงชราคนนั้นบอกว่าเจ้าของโรงแรมไม่เคยโผล่หัวไปที่นั่นเลย ไม่มีใครที่นั่นจำหน้าของพี่ได้อย่างแน่นอน"
"ถ้าอย่างนั้นชั้นจะโทรเรียกหุ้นส่วนของโรงแรมนี้มายืนยันตัวตนของชั้น"
"คง
จะทำแบบนั้นไม่ได้ครับ"
"ทำไมล่ะ!!"
"ผมเขียนลงในหมายเหตุของใบส่งตัวระบุว่า จะอนุญาตให้แขกใช้โทรศัพท์ได้ครั้งเดียวเท่านั้น และหลังจากนั้นให้คอยดูแลห้ามให้ใช้โทรศัพท์เด็ดขาด ตอนนี้คงมีเจ้าหน้าที่หนุ่มร่างใหญ่ผิวขาวผมยาวมายืนคลุมพี่อยู่ข้างหลังก็ได้ เพราะเขาคนนั้นเข้มงวดมากกับกฎระเบียบ อ้อ... ผมขอเตือนพี่ก่อนนะว่าอย่าทำให้พ่อหนุ่มนั่นโกรธเชียวล่ะ"
เสียงหัวเราะปลายสายดังขึ้น พี่ชายของไวพจหันหลังไปดูข้างหลังของเขา และเขาถึงกับตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มผิวขาวร่างใหญ่ ผมยาวหวีผมเรียบแปล้ยืนเฝ้าดูเขาอยู่
"อ้อ... ถ้าพี่ไม่อยากอยู่ที่นั่นนาน มีทางเดียวคือเมื่อวางโทรศัพท์แล้วให้พี่รีบวิ่งหนีออกจากโรงแรมไปเลย เหมือนกับที่ผมทำนี่ไงถึงออกไปเจอพี่เมื่อวานได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอวางสายก่อนนะ โชคดีนะพี่"
"ดะๆ เดี๋ยวๆ ..."
เสียงปลายสายวางไปแล้ว พี่ชายของไวพจคิดได้ถึงประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากไวพจ เขาค่อยๆเดินออกจากห้องสำนักงาน เมื่อเดินออกมาถึงหน้าอาคาร เขารีบวิ่งหนีออกไปทางเดินแคบๆที่มีสิ่งกีดขวางเต็มไปหมด และอีกไม่กี่ก้าวเขาก็จะสามารถวิ่งออกสู่ถนนใหญ่ได้ แต่ทันใดนั้น ชายร่างใหญ่ในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยก็โผล่ออกมาขวางประตูทางออก
พี่ชายของไวพจถูกล็อคแขนโดยเจ้าของมือนุ่มร่างใหญ่ผิวขาว ในที่สุดเขาก็ถูกลากตัวมานั่งที่โต๊ะของพนักงานชรา ใบหน้าที่แลดูเคร่งเครียดและจริงจังของหญิงชราหมกมุ่นอยู่กับกองเอกสาร และเธอก็เงยหน้าขึ้นมาดูคนที่เพิ่งพยายามจะหลบหนี
"คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นใคร"
หญิงชราและเจ้าหน้าที่หนุ่มร่างใหญ่มองหน้ากัน เหมือนคุ้นๆว่าจะเคยมีใครเล่นมุกนี้ไปแล้ว
"คุณเป็นใครคะ?"
หญิงชราถาม
"ผมเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้"
เสียงหัวเราะจากทั้งหญิงชราและเจ้าหน้าที่หนุ่มดังลั่นเนิ่นนาน เขาทั้งสองคงคิดว่าไม่น่าจะมีแขกคนไหนกล้าเล่นมุกนี้
"เอาอีกแล้วๆ ครั้งแล้วก็เพิ่งจะมีคนมาแอบอ้างว่าเป็นน้องชายของเจ้าของโรงแรม มาคราวนี้คุณเล่นมาบอกว่าเป็นเจ้าของโรงแรม"
หญิงชราพูดทั้งๆที่ยังมีเสียงหัวเราะเจือปนอยู่ พี่ชายของไวพจแสดงสีหน้าไม่ถูก
"แต่จริงๆนะ ผมถูกน้องชายแกล้งเอามาอยู่ที่นี่ตอนผมหลับ ไม่เชื่อเดี๋ยวเอาบัตรให้ดู"
พี่ชายของไวพจความหากระเป๋าเงิน แต่เขาก็นึกได้ว่ากระเป๋าก็หายไปแล้วเช่นกัน
"กระเป๋าไม่อยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวผมลองเซ็นชื่อให้ดูละกัน แล้วลองเอาไปเทียบกันกับเอกสาร"
พี่ชายของไวพจรีบเอื้อมมือไปหยิบปากกาบนโต๊ะ แต่เขารีบร้อนไปจนทำให้กล่องใส่ปากกาที่มีเครื่องเขียนอยู่ในนั้นเต็มกล่องหล่นกระจายลงบนพื้น และเหตุการณ์นี้ทำให้มือนุ่มจากร่างใหญ่เข้ามาล็อคแขนทั้งสองข้างของพี่ชายไวพจไว้
"เลิกเล่นตลกได้แล้วค่ะ โทษของคนที่พยายามจะหลบหนีคือถูกกักบริเวณไว้ในห้องพักเป็นเวลา 3 วัน และต่อไปถ้ามีใครมาแอบอ้างเป็นคนนู้นคนนี้อีก ก็จะมีบทลงโทษด้วย"
พนักงานหญิงชราพูดจบก็ก้มหน้าลงเพื่อจัดการกับกองเอกสาร ในขณะที่เจ้าหน้าที่หนุ่มกำลังลากพี่ชายของไวพจขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน
"ชั้นไล่แกออก! แกด้วย คอยดูเถอะจะไล่ออกให้หมดเลย ปล่อย... ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้"
พนักงานหญิงชราเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เหมือนจะฉุนขาดกับคำพูดที่เพิ่งจะได้ยิน
"กักบริเวณเพิ่มอีก 4 วันเป็น 1 อาทิตย์เลย"
เสียงร้องโวยวายจากพี่ชายของไวพจยังดังต่อเนื่อง จนเขาถูกลากตัวขึ้นลิฟท์ไป
...
ที่คฤหาสน์หรูหลังหนึ่ง ห้องรับแขกกว้างขวางและถูกประดับไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราราคาแพง ทั้งห้องอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะของคน 2 คน คนหนึ่งคือไวพจ และอีกคนหนึ่งคือป้าวิมลซึ่งเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังโตหลังนี้
"ทำแบบนี้มันไม่หนักไปหน่อยเหรอ นั่นพี่ชายเธอนะ"
ป้าวิมลพูดด้วยหัวเราะไปด้วย ไวพจก็ยังหัวเราะไม่หายเหมือนกัน เมื่อเขายังนึกถึงน้ำเสียงของพี่ชายในการคุยโทรศัพท์ครั้งล่าสุดนั้น
"ก็ให้พี่ชายของผมได้รู้ซะบ้าง ว่าลูกค้าของเขานั้นจะรู้สึกอย่างไรกัน"
เสียงหัวเราะจากทั้ง 2 ดังลั่นอีกครั้ง สักพักทั้งคู่ก็ค่อยสงบจากการหัวเราะ
"ผมคงปล่อยพี่ชายผมไว้ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก็จะไปรับเร็วๆนี้ แล้วลูกชายป้าเป็นอย่างไรบ้างครับ ป้าได้ต่อว่าอะไรมั้ย?"
"อ๋อ... ไม่หรอก ลูกชายป้าเริ่มระแคะระคายอยู่แล้วว่านั่นมันคือแผนจากคู่แข่งทางธุรกิจ เขาก็ตั้งใจว่าจะไปรับป้าออกมา แต่ก็ช้าไปแล้วที่ป้าออกมาก่อน และลูกชายป้าก็ขอโทษป้าแล้วล่ะ จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ นั่นมันลูกชายป้า"