คุณจำได้มั้ย สมัยคุณเป็นนักเรียน แปดโมงเช้า ออดดัง....กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ
(แอดๆๆๆ , ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ฯลฯ แล้วแต่โรงเรียนคุณจะสรรค์สร้างนะ 5555)
เราก็จะได้เคารพธงชาติตอน 8.00 โมงตรง สวดมนต์ ร้องเพลงสถาบัน เสร็จแล้วก็รับข่าวสารจากระดับชั้น แล้วก็ขึ้นห้องไปเรียนตามอัธยาศัย....!!
ยังจำกันได้มั้ยเนี่ย?? บางคนที่จบไปนานแล้วก็ลองๆนึกย้อนกันหน่อยว่าช่วงนั้น คุณทำมันทุกวัน เป็นกิจวัตรประจำวันเป็นนิสัยจนไม่ต้องนึกไม่ต้องใช้สมองสั่งการร่างกายคุณหรือปากคุณก็สามารถขยับได้แบบ Automatic เนอะๆๆ!!
แล้วมาดูพฤติกรรมยามเช้าของ ซาลารี่แมนคนญี่ปุ่นบ้าง
ปกติคนญี่ปุ่นเราจะมากันเช้าครับ คนที่ีมีอายุหน่อยก็จะมากันเร็วหน่อย
(ไม่รู้ว่า Motivation จากความรับผิดชอบภายในจิตใต้สำนึก หรือว่า
อยู่ที่ทำงานแล้วสบายใจกว่าอยู่บ้านเจอหน้าเมีย ก็ไม่รู้ 555)
คนอายุเยอะก็จะมากันเร็วหน่อย แต่เด็กรุ่นใหม่ๆ ก็จะแบ่งกันเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. คนมาเร็วพอๆกับเจ้านาย .. คนกลุ่มนี้คือ จริงๆอาจจะอยากมาช้าก็ได้ แต่ด้วยวัฒนธรรมองค์กร หรือบรรยากาศมันบังคับเลยต้องทำแบบนั้น ผมว่าที่ญี่ปุ่นคนกลุ่มนี้มีไม่น้อยนะครับ..มาเช้ามาทำอะไรเอ่ย
ก็อ่านหนังสือพิมพ์(เอาสาระ) เพื่อไปใช้ในการทำงานบ้าง, อ่านหนังสือเรียนรู้งาน อ่านข้อมูลงานบ้าง, เช็คอีเมลล์บ้าง เป็นต้น แต่คนที่มาเร็วเพราะให้ความสำคัญกับการทำงานและอยากเจริญก้าวหน้ารวดเร็วก็มีไม่น้อยนะครับ
2. คนมาตอนเกือบออด หรือก่อนสัญญาณเริ่มงาน ... เรียกได้ว่า ขอใช้เวลายามเช้าให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวลางานเป็นเวลางาน เริ่มตรง เลิกก็(อยาก)ตรง คนกลุ่มนี้มักจะเป็นพนักงานที่ยังหนุ่มๆ(สาวๆ) ที่ไม่อยากโดนบังคับเหมือนข้อ 1 เริ่มเป็นกิ้งก่าที่ปรับตัวได้แล้ว (แต่อาจโดนประเมินจากรุ่นพี่ก็เป็นได้ เพราะแน่นอนครับ ข้อ 1 ย่อมดีกว่า ข้อ 2 ในด้านภาพลักษณ์และความรับผิดชอบ
3. มาสาย!! ข้อนี้คุณจะโดนแบนจากรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงานได้ เพราะความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยเฉพาะต่อส่วนรวมเป็นเรื่องสำคัญในสายตาของคนญี่ปุ่น ผมรู้สึกว่า คนญี่ปุ่นจะเข้มงวดต่อความรับผิดชอบเอาเสียมาก ถ้าคุณรู้ว่าคุณจะมาสาย ผมแนะนำให้เปลี่ยนโหมดเป็น.. เป็นไข้หนัก มาไม่ได้แล้วรีบโทรบอกเจ้านายครับ !! ไม่ได้มาจากประสบการณ์ตรงนะ แต่เคยเห็นคนทำ 555555
เอาเป็นว่า คุณก็เลือกเอาละกันว่าจะเป็นข้อไหน ... ส่วนตัวผมลองมาทั้งข้อ 1 และข้อ 2
คุณจะเป็นข้อไหนก็ได้ แต่ผมแนะนำว่าทางที่ดีคุณมาก่อนเวลาเริ่มงานสัก 15-30 นาทีกำลังเหมาะสมครับ จะได้มาเตรียมใจทำงานอย่างเต็มที่ และได้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
และหลีกเลี่ยงการเป็นข้อ 3 ถ้าไม่อยากโดนตราหน้าว่า "ไม่รับผิดชอบ"
มาๆ กลับเข้าเรื่อง วันนี้ขอนำเสนอ พฤติกรรมยามเช้าของ JapanSaryman
ในหัวข้อว่า "ราจิโอ ไทโซ หรือ Ra-Ji-O Tai-sou"
"ราจิโอ" มาจากภาษาอังกฤษว่า Radio
ส่วน "ไทโซ" แปลว่า Exercise รวมกันหมายความว่า
"การขยับแข้งขยับขาออกกำลังกายตามจังหวะเพลงในวิทยุ"
เพื่อนๆเคยมีประสบการณ์แบบนี้ยามเช้ามั้ยครับ??
บริษัทไทยจ๋าๆ อาจจะไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่บางคนอาจจะเคยเห็นจากภาพยนตร์เรื่อง
"ATM เออรัก..เออเร่อ" ที่มีเจ้าของกิจการเป็นคนญี่ปุ่น และนำการออกกำลังกายยามเช้านี้มาใช้ในออฟฟิตทุกๆเช้า สำหรับผมมันเป็นบรรยากาศที่น่ารักมากๆเลยครับ
เพราะอย่างน้อย ทุกคนก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน..
ใครนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ก็ไปติดตามกันได้ในลิ้งนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=xS92XkVKM0Q
ทุกเช้าบริษัทญี่ปุ่นจะใช้เวลาหลังออดซักประมาณไม่เกิน 5 นาที ในการ "ออกกำลังกายยามเช้า"ร่วมกัน
การออกกำลังกายยามเช้านี้ เปรียบเหมือนเป็นการบิดขี้เกียจตอนเช้า (อย่างดูดี)
การออกกำลังกายแบบ "ราจิโอ ไทโซ" นี้จะเน้นการยืดเส้นกล้ามเนื้อส่วนต่างๆภายในร่างกาย โดยจะเน้นยืดส่วนที่ต้องใช้บ่อยๆในการทำงาน เช่น คนที่อยู่ออฟฟิตนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ก็ต้องเน้นการออกกำลังที่ส่วน กล้ามเนื้อหัวไหล่ แขน ฝ่ามือ เป็นต้น.. !!
แรกๆ เด็กไทยที่เข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่นอย่างผม แล้วเป็นหนึ่งเดียวในบริษัทด้วยดิ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรู้วิธีการมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ปัญหาคือมหาลัยญี่ปุ่นที่ผมเรียนไม่เคยสอนวิธีการนะ วันแรกที่เข้าไปในบริษัทเลยต้องจัดหนัก "ลอก ลอก และลอก" คนข้างหน้า ให้เนียนที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำผิดจังหวะนิดนึงก็อายคนข้างหลัง 5555
ดูตอนแรกก็ฮาดีครับ เพราะไม่เคยทำด้วย และเห็นคนที่มีอายุแล้วหลายสิบทำอะไรพร้อมๆกันแล้วมันแปลกตา!!!5555
บางทีในออฟฟิตนี่ คนหลายสิบคนทำพร้อมกันว่าแปลกแล้ว พอมีโอกาสไปโรงงานตอนเช้า เห็นคนนับร้อยทำพร้อมกันนี่รู้สึก "ทึ่ง" + "Amazing Japan"
ประเทศญี่ปุ่น และ JapanSalaryman ทั้งหลายช่ั่งมีระเบียบอะไรเช่นนี้!!
หรือนี่จะเป็นเคล็ดลับอายุยืนของชาวญี่ปุ่น!!!??
ปล.ใครมีอำนาจในการออกคำสั่งให้บริษัททำ Rajio Taisou ก็ลองบรรจุลงไปในบริษัทคุณนะครับ
นอกจากสุขภาพที่ดีแล้ว คุณจะได้สร้างความสามัคคีในองค์กร!!!
Japan Salaryman
สำรวจ "พฤติกรรม JapanSalaryman" ยามเช้า!!
(แอดๆๆๆ , ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ฯลฯ แล้วแต่โรงเรียนคุณจะสรรค์สร้างนะ 5555)
เราก็จะได้เคารพธงชาติตอน 8.00 โมงตรง สวดมนต์ ร้องเพลงสถาบัน เสร็จแล้วก็รับข่าวสารจากระดับชั้น แล้วก็ขึ้นห้องไปเรียนตามอัธยาศัย....!!
ยังจำกันได้มั้ยเนี่ย?? บางคนที่จบไปนานแล้วก็ลองๆนึกย้อนกันหน่อยว่าช่วงนั้น คุณทำมันทุกวัน เป็นกิจวัตรประจำวันเป็นนิสัยจนไม่ต้องนึกไม่ต้องใช้สมองสั่งการร่างกายคุณหรือปากคุณก็สามารถขยับได้แบบ Automatic เนอะๆๆ!!
แล้วมาดูพฤติกรรมยามเช้าของ ซาลารี่แมนคนญี่ปุ่นบ้าง
ปกติคนญี่ปุ่นเราจะมากันเช้าครับ คนที่ีมีอายุหน่อยก็จะมากันเร็วหน่อย
(ไม่รู้ว่า Motivation จากความรับผิดชอบภายในจิตใต้สำนึก หรือว่า
อยู่ที่ทำงานแล้วสบายใจกว่าอยู่บ้านเจอหน้าเมีย ก็ไม่รู้ 555)
คนอายุเยอะก็จะมากันเร็วหน่อย แต่เด็กรุ่นใหม่ๆ ก็จะแบ่งกันเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. คนมาเร็วพอๆกับเจ้านาย .. คนกลุ่มนี้คือ จริงๆอาจจะอยากมาช้าก็ได้ แต่ด้วยวัฒนธรรมองค์กร หรือบรรยากาศมันบังคับเลยต้องทำแบบนั้น ผมว่าที่ญี่ปุ่นคนกลุ่มนี้มีไม่น้อยนะครับ..มาเช้ามาทำอะไรเอ่ย
ก็อ่านหนังสือพิมพ์(เอาสาระ) เพื่อไปใช้ในการทำงานบ้าง, อ่านหนังสือเรียนรู้งาน อ่านข้อมูลงานบ้าง, เช็คอีเมลล์บ้าง เป็นต้น แต่คนที่มาเร็วเพราะให้ความสำคัญกับการทำงานและอยากเจริญก้าวหน้ารวดเร็วก็มีไม่น้อยนะครับ
2. คนมาตอนเกือบออด หรือก่อนสัญญาณเริ่มงาน ... เรียกได้ว่า ขอใช้เวลายามเช้าให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวลางานเป็นเวลางาน เริ่มตรง เลิกก็(อยาก)ตรง คนกลุ่มนี้มักจะเป็นพนักงานที่ยังหนุ่มๆ(สาวๆ) ที่ไม่อยากโดนบังคับเหมือนข้อ 1 เริ่มเป็นกิ้งก่าที่ปรับตัวได้แล้ว (แต่อาจโดนประเมินจากรุ่นพี่ก็เป็นได้ เพราะแน่นอนครับ ข้อ 1 ย่อมดีกว่า ข้อ 2 ในด้านภาพลักษณ์และความรับผิดชอบ
3. มาสาย!! ข้อนี้คุณจะโดนแบนจากรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงานได้ เพราะความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยเฉพาะต่อส่วนรวมเป็นเรื่องสำคัญในสายตาของคนญี่ปุ่น ผมรู้สึกว่า คนญี่ปุ่นจะเข้มงวดต่อความรับผิดชอบเอาเสียมาก ถ้าคุณรู้ว่าคุณจะมาสาย ผมแนะนำให้เปลี่ยนโหมดเป็น.. เป็นไข้หนัก มาไม่ได้แล้วรีบโทรบอกเจ้านายครับ !! ไม่ได้มาจากประสบการณ์ตรงนะ แต่เคยเห็นคนทำ 555555
เอาเป็นว่า คุณก็เลือกเอาละกันว่าจะเป็นข้อไหน ... ส่วนตัวผมลองมาทั้งข้อ 1 และข้อ 2
คุณจะเป็นข้อไหนก็ได้ แต่ผมแนะนำว่าทางที่ดีคุณมาก่อนเวลาเริ่มงานสัก 15-30 นาทีกำลังเหมาะสมครับ จะได้มาเตรียมใจทำงานอย่างเต็มที่ และได้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
และหลีกเลี่ยงการเป็นข้อ 3 ถ้าไม่อยากโดนตราหน้าว่า "ไม่รับผิดชอบ"
มาๆ กลับเข้าเรื่อง วันนี้ขอนำเสนอ พฤติกรรมยามเช้าของ JapanSaryman
ในหัวข้อว่า "ราจิโอ ไทโซ หรือ Ra-Ji-O Tai-sou"
"ราจิโอ" มาจากภาษาอังกฤษว่า Radio
ส่วน "ไทโซ" แปลว่า Exercise รวมกันหมายความว่า
"การขยับแข้งขยับขาออกกำลังกายตามจังหวะเพลงในวิทยุ"
เพื่อนๆเคยมีประสบการณ์แบบนี้ยามเช้ามั้ยครับ??
บริษัทไทยจ๋าๆ อาจจะไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่บางคนอาจจะเคยเห็นจากภาพยนตร์เรื่อง
"ATM เออรัก..เออเร่อ" ที่มีเจ้าของกิจการเป็นคนญี่ปุ่น และนำการออกกำลังกายยามเช้านี้มาใช้ในออฟฟิตทุกๆเช้า สำหรับผมมันเป็นบรรยากาศที่น่ารักมากๆเลยครับ
เพราะอย่างน้อย ทุกคนก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน..
ใครนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร ก็ไปติดตามกันได้ในลิ้งนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=xS92XkVKM0Q
ทุกเช้าบริษัทญี่ปุ่นจะใช้เวลาหลังออดซักประมาณไม่เกิน 5 นาที ในการ "ออกกำลังกายยามเช้า"ร่วมกัน
การออกกำลังกายยามเช้านี้ เปรียบเหมือนเป็นการบิดขี้เกียจตอนเช้า (อย่างดูดี)
การออกกำลังกายแบบ "ราจิโอ ไทโซ" นี้จะเน้นการยืดเส้นกล้ามเนื้อส่วนต่างๆภายในร่างกาย โดยจะเน้นยืดส่วนที่ต้องใช้บ่อยๆในการทำงาน เช่น คนที่อยู่ออฟฟิตนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ก็ต้องเน้นการออกกำลังที่ส่วน กล้ามเนื้อหัวไหล่ แขน ฝ่ามือ เป็นต้น.. !!
แรกๆ เด็กไทยที่เข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่นอย่างผม แล้วเป็นหนึ่งเดียวในบริษัทด้วยดิ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะรู้วิธีการมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ปัญหาคือมหาลัยญี่ปุ่นที่ผมเรียนไม่เคยสอนวิธีการนะ วันแรกที่เข้าไปในบริษัทเลยต้องจัดหนัก "ลอก ลอก และลอก" คนข้างหน้า ให้เนียนที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำผิดจังหวะนิดนึงก็อายคนข้างหลัง 5555
ดูตอนแรกก็ฮาดีครับ เพราะไม่เคยทำด้วย และเห็นคนที่มีอายุแล้วหลายสิบทำอะไรพร้อมๆกันแล้วมันแปลกตา!!!5555
บางทีในออฟฟิตนี่ คนหลายสิบคนทำพร้อมกันว่าแปลกแล้ว พอมีโอกาสไปโรงงานตอนเช้า เห็นคนนับร้อยทำพร้อมกันนี่รู้สึก "ทึ่ง" + "Amazing Japan"
ประเทศญี่ปุ่น และ JapanSalaryman ทั้งหลายช่ั่งมีระเบียบอะไรเช่นนี้!!
หรือนี่จะเป็นเคล็ดลับอายุยืนของชาวญี่ปุ่น!!!??
ปล.ใครมีอำนาจในการออกคำสั่งให้บริษัททำ Rajio Taisou ก็ลองบรรจุลงไปในบริษัทคุณนะครับ
นอกจากสุขภาพที่ดีแล้ว คุณจะได้สร้างความสามัคคีในองค์กร!!!
Japan Salaryman