พ่อผมมีเมียน้อย ผมจำความได้ก็รู้เรื่องนี้แล้ว ตอนเด็กๆจะมีหลายคนเป็นชู้ แต่มีตัวจริงเต็งหนึ่งอยู่ (ที่ไม่ใช่แม่ผม)
ผมเห็นแม่ต้องร้องไห้ โหยหวน กรีดร้อง ฟูมฟาย ทำลายข้าวของเพราะการกระทำของพ่อหลายครั้ง
ผมยังอนุบาล ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อให้นั่งฟังการทะเลาะกันของพ่อแม่ แม่ให้ผมเป็นเครื่องมือทำให้พ่อเสียใจ
แต่เท่าที่เห็น ผมไม่เห็นว่าจะมีใครเสียใจและได้รับผลกระทบจากมันมากเท่าตัวผมเอง
ผมโตมา เป็นพวกติดเพื่อน หาทางเร่ร่อนไม่ยอมกลับบ้าน เพราะแม่ผมไม่เคยตัดพ่อขาด
แม่ต้องทำธุรกิจกับพ่อ ตลกมากที่ตอนกลางวันเจอกัน ตอนกลางคืนแยกย้าย พ่อกลับบ้านเมียน้อย
แม่กลับบ้านมาอยู๋กับผม ทุกวันก็มีแต่ปัญหามาระบาย มาบ่น มาพาล จนผมไม่อยากกลับบ้าน
ผมยังมีพี่ชายอีกคนที่อายุห่างกันมาก และพี่ชายได้อยู่กับแม่ในช่วงเวลาที่พ่อชั่วร้ายที่สุดก่อนผมเกิด
(ช่วงเวลาของการนอกใจ ซึ่งด้วยนิสัยของแม่ผม ที่พอสติขาดแล้ว จะระบายใส่ได้ทุกคนยันลูกเล็ก)
ผมไม่รู้ว่าพี่เจออะไรมาบ้างก่อนผมเกิด แต่พี่ผมโตมาเป็นคนเนิร์ดๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นแม่จะเซ้นซิทีฟมาก
และพี่เคยต่อยกับพ่อหลายรอบแล้ว คือพี่จะปกป้องแม่แบบโคตรๆ ทำให้พูดจาไม่เข้าหูพ่อ ก็มีเรื่องต่อยกัน
พี่ผมปกติจะเนิร์ดๆนิ่งๆ บวชครบ ผมคุยไม่รู้เรื่อง เพราะผมออกแนวเกเรๆ ไม่ยอมกลับบ้าน สักเต็มตัว กินเหล้า ติดเพื่อน เรียนกลางๆ
แต่ตอนนี้นี่ ผมแทบไม่ไปไหนกับเพื่อนฝูง ขี้เกียจเดินทาง รถติด ใกล้ๆค่อยไปเจอกัน มีกิจการเล็กๆของตัวเอง
ห้าปีก่อน พี่ชายผมเหมือนมีสุขภาพทางจิต คิดว่าตัวเองป่วย (บางทีอาจจะป่วยจริงๆก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่า เขาคิดไปเองมากกว่า)
ทำให้ทำงานประจำไม่ได้ พักรักษาตัว หาหมอ เปลี่ยนหมอ ตระเวนหาหมอยาตามต่างจงหวัดบ่อยๆ
แต่กลับไม่รักษาตัว ไม่ดูแลอาหารการกิน ไม่กินเหล้า แต่กินของมัน ของทอด มาม่า นอนดึก ไม่ออกกำลังกาย
ต่อมาเนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ พี่จึงไปช่วยธุรกิจพ่อ พอเป็นกิจการตัวเองมันก็พอจะพักเมื่ออยากพักได้
แต่นั่นกลับทำให้ทะเลาะกับพ่อประจำเพราะพ่อเป็นคนพาลอะครับ ยิ่งพี่ไม่ถูกกับพ่อละต้องทำงานด้วยกันยิ่งทะเลาะกัน
พี่ผมกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ทะเลาะกับพ่อ(จนต่อยกัน) วีนกับแม่ กับผม หลายสิ่งอย่าง
แม่ผมเองก็ไม่ใช่คนมีสตินัก เพราะยังตัดขาดกับพ่อไม่ได้ พอเจอกันก็มีอารมณ์ กระฟัดกระเฟียด ฉุนเฉียว
กลับมาบ้าน บางครั้งระบายกันดีๆ บอกผมว่ามีเรื่อง ผมก็รับฟังได้ แต่ส่วนมากจะกลับมาพาลใส่เลย ผมดูก็รู้ว่ามีเรื่องมา ผมก็ไม่ขอฟัง
พอเดินหนีบ่อยเข้า แม่ก็เอาไปบอกคนอื่นๆ ว่าผมนี่หนีปัญหา ไม่ยอมรับฟังปัญหาในบ้าน คือ ผมก็นอย จะรับฟังทำไมวะ
ในเมื่อ กี่ปีๆแล้ว ที่แม่มาพาล มากระฟัดกระเฟียดใส่ พอผมอินตาม แทบอยากไปต่อยพ่อ กระทืบไอ้ลูกเมียน้อย (แต่ไม่ได้ทำสักที)
สุดท้ายแม่ก็หายเอง แบบว่า โกรธง่าย โกรธแรง จนผมกับพี่อินตามประจำ แต่แม่ก็หายเอง เป็นงี้มาตลอด
จนผมว่าผมไม่ยยุ่ง ไม่อินด้วยดีกว่า ผมไม่ฟัง เห็นแม่ก็หายเองได้นี่หว่า ละตูจะไปอินตามทำไม
มันอาจเหมือนหนีปัญหา แต่ผมว่า พ่อกับแม่เป็นเหมือนคู่กรรม(คู่เวร)ไปแล้ว
เราไม่ยุ่ง เค้าก็อยู่งี้ เรายุ่งก็แก้ไรไม่ได้ ละจะยุ่งมัยวะ คือ ผมก็พยามเบี่ยงเบนให้แม่ไม่หมกมุ่นกับปัญหา
ชวนแม่เอนเตอเทน พาไปดูหนัง กินข้าว เที่ยว ตอนเรียนผมมีแฟนเยอะ ตอนนี้ไม่มีใครเลย ดูแลแม่ที่ป่วยเป็นซึมเศร้าก็เหนื่อยละ
ชีวิตคู่ที่ล้มเหลวของพ่อกับแม่ ทำให้ผมไม่กล้าจะมีชีวิตคู่อีก ตอนเรียนคบเยอะ(ทีละคน) แต่ตอนนี้เหมือนใจมันเหนื่อย
ไม่มีใครเข้ามา ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาใคร อยู่มันยังงี้แหละ
เวลาแม่กับพี่มีเรื่องกับพ่อ หรือ มีเรื่องกันเอง ผมจะถูกเรียกไปเป็นคนกลาง เพราะเหมือนมีสติสุด (เค้าแต่งตั้งผม ผมไม่ได้อยากยุ่งเลย)
ผมจะคอยแยกการทะเลาะ คอยบอกให้ค่อยๆคุยกัน คิดแง่บวก ให้อภัยกัน ถ้าให้อภัยไม่ได้ก็ปล่อยเลยไป
ถ้าโมโหจัดๆก็เดินหนีออกมา อย่าใช้อารมณ์ประชด-ดันกัน ผมเกลียดการประชด
แต่กลายเป็นผมถูกแม่กับพี่แขวะว่า
ผมน่ะสบายใจ มองโลกบวกเพราะไม่ต้องใกล้ชิดพ่อ ขณะที่แม่กับพี้ตองเจอพ่อประจำเลยคิดลบ ได้รับอิทธิพลลบๆตลอด
คือแรกๆ ในสายตาผม สมัยก่อน พี่ผมเก่งกว่า ดีกว่าผม นิ่งกว่า เป็นผู้ใหญ่มาก ผมเหมือนลูกคนเล็กที่ไม่เอาไหนเลย
แต่หลังๆตั้งแต่พี่ป่วย ละไปช่วยกิจการของพ่อ มันทำให้พี่ผมเปลี่ยนไป กลายเป็นคนโมโหร้าย อดทนต่ำ มีตีฝีปากประจำ)
ผมรู้ว่ามันคงเปลี่ยนไปเนื่องจากต้องใกล้กับพ่อ แต่ยังไงอะ ก็ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีวิตใช่ปะ ทำงานประจำก็บอกว่าทำไม่ไหว
เลยไปทำกิจการบ้านเพื่อกินกงสี แต่ก็แลกมาด้วยการทะเลาะกับพ่อประจำ มันก็คือสิ่งที่มันตัดสินใจและเข้าแลกเอง
ผมยอมรับว่า การต้องอยู่ใกล้กับคนอย่างพ่อ คนที่โทษ พาล ปากเสีย ด่าหยาบคายต่ำใต้สะดือตลอด มันต้องเครียดแน่
แม่เองแต่เดิมเจอพ่อก็สติแตกอยู่ละ มีพี่ที่เข้าสู่ด้านมืดอีกคน แม่ก็ยิ่งแย่หนัก
บางครั้งแม่มาควงผม ละก้บอกว่า อยู๋กับผมนี่สบายใจนะ เพราะผมคอยกระตุ้นให้แม่คิดบวก
แต่บางทีพอเค้ามีเรื่องกัน ผมถูกแม่และพี่ชายแขวะว่า สบายใจเฉิบ ไม่ต้องใกล้กับคนอย่างพ่อ ถึงได้คิดบวกได้
ผมก็บอกว่า จริงๆพวกแม่กับพี่จะถอยออกมาจากคนอย่างพ่อก็ได้นะ แต่ก็เลือกจะแย่งผุ้ชายคนนี้ไว้กันเองใช่ปะล่ะ
(แม่เคยบอกว่า กุไม่รักเค้าแล้ว แต่ที่ยังปล่อยไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยนังนั่นก็ขึ้นเป็นเมียหนึ่ง กุไม่ยอม)
สุดท้ายทั้งสองคนก็หาเหตุผลเพื่อเอาชนะ ทำสงครามแย่งขี้กันแท้ๆ
ละแม่ผมก็ชอบสปอยพี่ชาย แต่ก่อนสำหรับผมพี่ชายคืออะไรที่พึ่งพาได้ ผมกะใช้สกิลลูกคนเล็ก เอาแต่ใจ เที่ยวเตร่หน่อย
แต่พอเป็นแบบนี้ ผมก็ต้องรีบเป็นผู้ใหญ่เพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปรากฏ แม่ผมเห็นพี่บอกพี่ป่วย แม่ก็เอาใจ
ทำกับข้าวให้ คอยซักถามเรื่องอาหารการกิน เข้านอน อาหารเสริม แต่ก็ถูกพี่ชายเหวี่ยงว่าเซ้าซี้ทำไม ละก็ไม่กินสิ่งที่แม่ทำให้
เอาแต่ใจมากๆ ขี้เหวี่ยงมากๆ จนไม่มีใครอยากคุย อยากเข้าใกล้ ผมเคยบอก ไปหาหมอจิตมั้ย (ผมก็ไป) เค้าก็โวยวาย ไม่ไป
ผมก็ว่าแม่ว่าทำให้มันทำไม โตสามสิบจะสี่สิบแล้วนะ ยังต้องคอยมาดูแล มันต้องดูแลแม่ปะวะ
แม่ก็บอกว่า ไม่เป็นไร แม่ทำให้ได้ก็อยากทำให้ จะทำจนกว่าจะทำไม่ไหว ตอนนี้ยังไหวก็อยากทำให้
ละแม่ก็ชอบคร่ำครวญถึงวันที่อยู่กับพี่สองคน(ผมยังไม่เกิด) ขณะที่ถูกพ่อทอดทิ้ง
แล้วบอกว่า ผมไม่เข้าใจหรอกว่า สิ่งที่พี่กับแม่เจอมันเป็นแผลใจแค่ไหน ผมคิดบวกได้เพราะเกิดมาก็มีทุกอย่าง แถมไม่ต้องทำงานกับพ่อ
ผมเกลียดคำนี้เหลือเกิน แม่ชอบคิดว่าตัวเองทุกข์ที่สุดในโลก พี่ทุกข์เป็นลำดับสอง ส่วนผมก็น้อยสุด
ผมเคยบอกแม่ว่า ละสิ่งที่ผมได้รับล่ะ ตอนเด็กๆผมถูกปลุกขึ้นมาเพื่อรับรู้เรื่องแย่ๆของพ่อแต่เด็ก นี่ผมไม่มีบาดแผลเหรอ
แม่ก็บอก แม่โดนพ่อทำร้าย(จิตใจ)มา ละถามผมว่า ทำไมไม่เห็นใจแม่ ผมก็บอกว่า ผมเห็นใจแม่
แต่ที่แม่ปลุกเด็กอนุบาลมานั่งฟังผู้ใหญ่ทะเลาะกันเรื่องเมียน้อยมันไม่ถูกต้องอยู่ดีนะ ผมก็โดนแม่มองด้วยสายตาแบบ...
แกช่างใจดำ ไม่เห็นใจชั้น จังหวะนี้ ตอนแรกที่พี่กับแม่ทะเลาะกัน ผมถูกเรียกมาเป็นคนกลาง ไปๆมาๆ กลายเป็นผมมีปากเสียงกับแม่
ส่วนพี่ก็ก้าวเข้ามาโอบอุ้มแม่ไว้ว่า ไม่เป็นไรนะแม่ เราเจอมาด้วยกันเจ็บมาด้วยกัน ผมเงิบบบ เงิบจริงๆ
อยากจะเปิดเพลง because of you ประกอบ
ผมบอกตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย ว่าจะไม่เอาตัวไปยุ่งกับความประสาทแดรกกับคนพวกนี้อีกแล้ว
ผมอยากจะไปสักคำว่า "อย่าเ-ือก" บนตัว ในจุดที่เห็นชัดๆ จะได้เตือนตัวเองว่า ก้าวเข้าไปทีไร สุดท้ายเขาดีกัน เราอะเจ็บเอง
ถ้าผมปฏิเสธจะเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยแต่แรก ผมอาจโดนแม่ด่าว่าใจดำ หนีปัญหา ไม่รับรู้เรื่องที่บ้าน
แต่ยังดีกว่า นี่ทะเลาะกันแต่ห้าทุ่มถึงหกโมงเช้า จบลงที่ เค้าเห็นใจกัน เค้าเข้าใจกัน ส่วนแผลของผมไม่เยอะ ไม่ใหญ่ (ทำไมกุรุสึกหัวเน่าวะ)
ผมอยากบอกทุกคนที่คิดว่า การนอกใจเป็นเรืองธรรมดา การมีเมีย มีผัวหลายคนไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งมันธรรมดา
มีแฟนละคุยกับคนที่แอดเข้ามา แบบคุยไปเรื่อยๆ เป็นเรืองธรรมดา เพราะมันไม่ธรรมดา
มันมีเอฟเฟกต์ต่อเนื่องไปเรือ่ยๆ ผมไม่เคยนอกใจใคร (เคยโดนคนนอกใจ) แต่ผมเกลียดการนอกใจมาก
ผมไม่กล้ามีชีวิตคู่ มีบาดแผลในชีวิต พี่ผม แม่ผม เราต้องมาเป็นยังงี้ส่วนนึงผมโยนความผิดให้คำว่า "กรรมของกรูเอง"
อีกส่วนคือโยนให้คนที่นอกใจ คือ พ่อผมเอง ป่านนี้ เค้าไม่เคยรับรู้ในวันคืนที่เราแม่ลูกต้องทะเลาะกัน ร้องไห้ นอนดึก
เรามีปัญหาก็ต้องผ่านกันไปเอง มีความสุขก็เสพกันเอง มีแผลก็รักษากันเอง ขณะที่คนต้นเรื่องนอนกกเมียน้อย
และสอนลูกเมียน้อยทำการบ้านอยู่ (แต่จะว่าไป พวกคนที่นอกใจคนอื่นคงไม่มาอ่านกระทู้แบบนี้หรอกสินะ)
ขอโทษนะคับที่ กระทู้ยาวไปหน่อย ผมอัดอั้นมาก
อัดอั้นครับ ขอระบายหน่อยจากคนที่ได้รับผลกระทบจากการนอกใจ
ผมเห็นแม่ต้องร้องไห้ โหยหวน กรีดร้อง ฟูมฟาย ทำลายข้าวของเพราะการกระทำของพ่อหลายครั้ง
ผมยังอนุบาล ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อให้นั่งฟังการทะเลาะกันของพ่อแม่ แม่ให้ผมเป็นเครื่องมือทำให้พ่อเสียใจ
แต่เท่าที่เห็น ผมไม่เห็นว่าจะมีใครเสียใจและได้รับผลกระทบจากมันมากเท่าตัวผมเอง
ผมโตมา เป็นพวกติดเพื่อน หาทางเร่ร่อนไม่ยอมกลับบ้าน เพราะแม่ผมไม่เคยตัดพ่อขาด
แม่ต้องทำธุรกิจกับพ่อ ตลกมากที่ตอนกลางวันเจอกัน ตอนกลางคืนแยกย้าย พ่อกลับบ้านเมียน้อย
แม่กลับบ้านมาอยู๋กับผม ทุกวันก็มีแต่ปัญหามาระบาย มาบ่น มาพาล จนผมไม่อยากกลับบ้าน
ผมยังมีพี่ชายอีกคนที่อายุห่างกันมาก และพี่ชายได้อยู่กับแม่ในช่วงเวลาที่พ่อชั่วร้ายที่สุดก่อนผมเกิด
(ช่วงเวลาของการนอกใจ ซึ่งด้วยนิสัยของแม่ผม ที่พอสติขาดแล้ว จะระบายใส่ได้ทุกคนยันลูกเล็ก)
ผมไม่รู้ว่าพี่เจออะไรมาบ้างก่อนผมเกิด แต่พี่ผมโตมาเป็นคนเนิร์ดๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นแม่จะเซ้นซิทีฟมาก
และพี่เคยต่อยกับพ่อหลายรอบแล้ว คือพี่จะปกป้องแม่แบบโคตรๆ ทำให้พูดจาไม่เข้าหูพ่อ ก็มีเรื่องต่อยกัน
พี่ผมปกติจะเนิร์ดๆนิ่งๆ บวชครบ ผมคุยไม่รู้เรื่อง เพราะผมออกแนวเกเรๆ ไม่ยอมกลับบ้าน สักเต็มตัว กินเหล้า ติดเพื่อน เรียนกลางๆ
แต่ตอนนี้นี่ ผมแทบไม่ไปไหนกับเพื่อนฝูง ขี้เกียจเดินทาง รถติด ใกล้ๆค่อยไปเจอกัน มีกิจการเล็กๆของตัวเอง
ห้าปีก่อน พี่ชายผมเหมือนมีสุขภาพทางจิต คิดว่าตัวเองป่วย (บางทีอาจจะป่วยจริงๆก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่า เขาคิดไปเองมากกว่า)
ทำให้ทำงานประจำไม่ได้ พักรักษาตัว หาหมอ เปลี่ยนหมอ ตระเวนหาหมอยาตามต่างจงหวัดบ่อยๆ
แต่กลับไม่รักษาตัว ไม่ดูแลอาหารการกิน ไม่กินเหล้า แต่กินของมัน ของทอด มาม่า นอนดึก ไม่ออกกำลังกาย
ต่อมาเนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ พี่จึงไปช่วยธุรกิจพ่อ พอเป็นกิจการตัวเองมันก็พอจะพักเมื่ออยากพักได้
แต่นั่นกลับทำให้ทะเลาะกับพ่อประจำเพราะพ่อเป็นคนพาลอะครับ ยิ่งพี่ไม่ถูกกับพ่อละต้องทำงานด้วยกันยิ่งทะเลาะกัน
พี่ผมกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ทะเลาะกับพ่อ(จนต่อยกัน) วีนกับแม่ กับผม หลายสิ่งอย่าง
แม่ผมเองก็ไม่ใช่คนมีสตินัก เพราะยังตัดขาดกับพ่อไม่ได้ พอเจอกันก็มีอารมณ์ กระฟัดกระเฟียด ฉุนเฉียว
กลับมาบ้าน บางครั้งระบายกันดีๆ บอกผมว่ามีเรื่อง ผมก็รับฟังได้ แต่ส่วนมากจะกลับมาพาลใส่เลย ผมดูก็รู้ว่ามีเรื่องมา ผมก็ไม่ขอฟัง
พอเดินหนีบ่อยเข้า แม่ก็เอาไปบอกคนอื่นๆ ว่าผมนี่หนีปัญหา ไม่ยอมรับฟังปัญหาในบ้าน คือ ผมก็นอย จะรับฟังทำไมวะ
ในเมื่อ กี่ปีๆแล้ว ที่แม่มาพาล มากระฟัดกระเฟียดใส่ พอผมอินตาม แทบอยากไปต่อยพ่อ กระทืบไอ้ลูกเมียน้อย (แต่ไม่ได้ทำสักที)
สุดท้ายแม่ก็หายเอง แบบว่า โกรธง่าย โกรธแรง จนผมกับพี่อินตามประจำ แต่แม่ก็หายเอง เป็นงี้มาตลอด
จนผมว่าผมไม่ยยุ่ง ไม่อินด้วยดีกว่า ผมไม่ฟัง เห็นแม่ก็หายเองได้นี่หว่า ละตูจะไปอินตามทำไม
มันอาจเหมือนหนีปัญหา แต่ผมว่า พ่อกับแม่เป็นเหมือนคู่กรรม(คู่เวร)ไปแล้ว
เราไม่ยุ่ง เค้าก็อยู่งี้ เรายุ่งก็แก้ไรไม่ได้ ละจะยุ่งมัยวะ คือ ผมก็พยามเบี่ยงเบนให้แม่ไม่หมกมุ่นกับปัญหา
ชวนแม่เอนเตอเทน พาไปดูหนัง กินข้าว เที่ยว ตอนเรียนผมมีแฟนเยอะ ตอนนี้ไม่มีใครเลย ดูแลแม่ที่ป่วยเป็นซึมเศร้าก็เหนื่อยละ
ชีวิตคู่ที่ล้มเหลวของพ่อกับแม่ ทำให้ผมไม่กล้าจะมีชีวิตคู่อีก ตอนเรียนคบเยอะ(ทีละคน) แต่ตอนนี้เหมือนใจมันเหนื่อย
ไม่มีใครเข้ามา ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาใคร อยู่มันยังงี้แหละ
เวลาแม่กับพี่มีเรื่องกับพ่อ หรือ มีเรื่องกันเอง ผมจะถูกเรียกไปเป็นคนกลาง เพราะเหมือนมีสติสุด (เค้าแต่งตั้งผม ผมไม่ได้อยากยุ่งเลย)
ผมจะคอยแยกการทะเลาะ คอยบอกให้ค่อยๆคุยกัน คิดแง่บวก ให้อภัยกัน ถ้าให้อภัยไม่ได้ก็ปล่อยเลยไป
ถ้าโมโหจัดๆก็เดินหนีออกมา อย่าใช้อารมณ์ประชด-ดันกัน ผมเกลียดการประชด
แต่กลายเป็นผมถูกแม่กับพี่แขวะว่า
ผมน่ะสบายใจ มองโลกบวกเพราะไม่ต้องใกล้ชิดพ่อ ขณะที่แม่กับพี้ตองเจอพ่อประจำเลยคิดลบ ได้รับอิทธิพลลบๆตลอด
คือแรกๆ ในสายตาผม สมัยก่อน พี่ผมเก่งกว่า ดีกว่าผม นิ่งกว่า เป็นผู้ใหญ่มาก ผมเหมือนลูกคนเล็กที่ไม่เอาไหนเลย
แต่หลังๆตั้งแต่พี่ป่วย ละไปช่วยกิจการของพ่อ มันทำให้พี่ผมเปลี่ยนไป กลายเป็นคนโมโหร้าย อดทนต่ำ มีตีฝีปากประจำ)
ผมรู้ว่ามันคงเปลี่ยนไปเนื่องจากต้องใกล้กับพ่อ แต่ยังไงอะ ก็ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีวิตใช่ปะ ทำงานประจำก็บอกว่าทำไม่ไหว
เลยไปทำกิจการบ้านเพื่อกินกงสี แต่ก็แลกมาด้วยการทะเลาะกับพ่อประจำ มันก็คือสิ่งที่มันตัดสินใจและเข้าแลกเอง
ผมยอมรับว่า การต้องอยู่ใกล้กับคนอย่างพ่อ คนที่โทษ พาล ปากเสีย ด่าหยาบคายต่ำใต้สะดือตลอด มันต้องเครียดแน่
แม่เองแต่เดิมเจอพ่อก็สติแตกอยู่ละ มีพี่ที่เข้าสู่ด้านมืดอีกคน แม่ก็ยิ่งแย่หนัก
บางครั้งแม่มาควงผม ละก้บอกว่า อยู๋กับผมนี่สบายใจนะ เพราะผมคอยกระตุ้นให้แม่คิดบวก
แต่บางทีพอเค้ามีเรื่องกัน ผมถูกแม่และพี่ชายแขวะว่า สบายใจเฉิบ ไม่ต้องใกล้กับคนอย่างพ่อ ถึงได้คิดบวกได้
ผมก็บอกว่า จริงๆพวกแม่กับพี่จะถอยออกมาจากคนอย่างพ่อก็ได้นะ แต่ก็เลือกจะแย่งผุ้ชายคนนี้ไว้กันเองใช่ปะล่ะ
(แม่เคยบอกว่า กุไม่รักเค้าแล้ว แต่ที่ยังปล่อยไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยนังนั่นก็ขึ้นเป็นเมียหนึ่ง กุไม่ยอม)
สุดท้ายทั้งสองคนก็หาเหตุผลเพื่อเอาชนะ ทำสงครามแย่งขี้กันแท้ๆ
ละแม่ผมก็ชอบสปอยพี่ชาย แต่ก่อนสำหรับผมพี่ชายคืออะไรที่พึ่งพาได้ ผมกะใช้สกิลลูกคนเล็ก เอาแต่ใจ เที่ยวเตร่หน่อย
แต่พอเป็นแบบนี้ ผมก็ต้องรีบเป็นผู้ใหญ่เพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปรากฏ แม่ผมเห็นพี่บอกพี่ป่วย แม่ก็เอาใจ
ทำกับข้าวให้ คอยซักถามเรื่องอาหารการกิน เข้านอน อาหารเสริม แต่ก็ถูกพี่ชายเหวี่ยงว่าเซ้าซี้ทำไม ละก็ไม่กินสิ่งที่แม่ทำให้
เอาแต่ใจมากๆ ขี้เหวี่ยงมากๆ จนไม่มีใครอยากคุย อยากเข้าใกล้ ผมเคยบอก ไปหาหมอจิตมั้ย (ผมก็ไป) เค้าก็โวยวาย ไม่ไป
ผมก็ว่าแม่ว่าทำให้มันทำไม โตสามสิบจะสี่สิบแล้วนะ ยังต้องคอยมาดูแล มันต้องดูแลแม่ปะวะ
แม่ก็บอกว่า ไม่เป็นไร แม่ทำให้ได้ก็อยากทำให้ จะทำจนกว่าจะทำไม่ไหว ตอนนี้ยังไหวก็อยากทำให้
ละแม่ก็ชอบคร่ำครวญถึงวันที่อยู่กับพี่สองคน(ผมยังไม่เกิด) ขณะที่ถูกพ่อทอดทิ้ง
แล้วบอกว่า ผมไม่เข้าใจหรอกว่า สิ่งที่พี่กับแม่เจอมันเป็นแผลใจแค่ไหน ผมคิดบวกได้เพราะเกิดมาก็มีทุกอย่าง แถมไม่ต้องทำงานกับพ่อ
ผมเกลียดคำนี้เหลือเกิน แม่ชอบคิดว่าตัวเองทุกข์ที่สุดในโลก พี่ทุกข์เป็นลำดับสอง ส่วนผมก็น้อยสุด
ผมเคยบอกแม่ว่า ละสิ่งที่ผมได้รับล่ะ ตอนเด็กๆผมถูกปลุกขึ้นมาเพื่อรับรู้เรื่องแย่ๆของพ่อแต่เด็ก นี่ผมไม่มีบาดแผลเหรอ
แม่ก็บอก แม่โดนพ่อทำร้าย(จิตใจ)มา ละถามผมว่า ทำไมไม่เห็นใจแม่ ผมก็บอกว่า ผมเห็นใจแม่
แต่ที่แม่ปลุกเด็กอนุบาลมานั่งฟังผู้ใหญ่ทะเลาะกันเรื่องเมียน้อยมันไม่ถูกต้องอยู่ดีนะ ผมก็โดนแม่มองด้วยสายตาแบบ...
แกช่างใจดำ ไม่เห็นใจชั้น จังหวะนี้ ตอนแรกที่พี่กับแม่ทะเลาะกัน ผมถูกเรียกมาเป็นคนกลาง ไปๆมาๆ กลายเป็นผมมีปากเสียงกับแม่
ส่วนพี่ก็ก้าวเข้ามาโอบอุ้มแม่ไว้ว่า ไม่เป็นไรนะแม่ เราเจอมาด้วยกันเจ็บมาด้วยกัน ผมเงิบบบ เงิบจริงๆ
อยากจะเปิดเพลง because of you ประกอบ
ผมบอกตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย ว่าจะไม่เอาตัวไปยุ่งกับความประสาทแดรกกับคนพวกนี้อีกแล้ว
ผมอยากจะไปสักคำว่า "อย่าเ-ือก" บนตัว ในจุดที่เห็นชัดๆ จะได้เตือนตัวเองว่า ก้าวเข้าไปทีไร สุดท้ายเขาดีกัน เราอะเจ็บเอง
ถ้าผมปฏิเสธจะเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยแต่แรก ผมอาจโดนแม่ด่าว่าใจดำ หนีปัญหา ไม่รับรู้เรื่องที่บ้าน
แต่ยังดีกว่า นี่ทะเลาะกันแต่ห้าทุ่มถึงหกโมงเช้า จบลงที่ เค้าเห็นใจกัน เค้าเข้าใจกัน ส่วนแผลของผมไม่เยอะ ไม่ใหญ่ (ทำไมกุรุสึกหัวเน่าวะ)
ผมอยากบอกทุกคนที่คิดว่า การนอกใจเป็นเรืองธรรมดา การมีเมีย มีผัวหลายคนไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งมันธรรมดา
มีแฟนละคุยกับคนที่แอดเข้ามา แบบคุยไปเรื่อยๆ เป็นเรืองธรรมดา เพราะมันไม่ธรรมดา
มันมีเอฟเฟกต์ต่อเนื่องไปเรือ่ยๆ ผมไม่เคยนอกใจใคร (เคยโดนคนนอกใจ) แต่ผมเกลียดการนอกใจมาก
ผมไม่กล้ามีชีวิตคู่ มีบาดแผลในชีวิต พี่ผม แม่ผม เราต้องมาเป็นยังงี้ส่วนนึงผมโยนความผิดให้คำว่า "กรรมของกรูเอง"
อีกส่วนคือโยนให้คนที่นอกใจ คือ พ่อผมเอง ป่านนี้ เค้าไม่เคยรับรู้ในวันคืนที่เราแม่ลูกต้องทะเลาะกัน ร้องไห้ นอนดึก
เรามีปัญหาก็ต้องผ่านกันไปเอง มีความสุขก็เสพกันเอง มีแผลก็รักษากันเอง ขณะที่คนต้นเรื่องนอนกกเมียน้อย
และสอนลูกเมียน้อยทำการบ้านอยู่ (แต่จะว่าไป พวกคนที่นอกใจคนอื่นคงไม่มาอ่านกระทู้แบบนี้หรอกสินะ)
ขอโทษนะคับที่ กระทู้ยาวไปหน่อย ผมอัดอั้นมาก