MCOT ขายกล่อง set top box ทีวีดิจิทัล MCOT HD BOX [ฐานเศรษฐกิจ 16-19 มี.ค. 57]

MCOT ขายกล่องรับสัญญาณ
วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2014 เวลา 10:35 น.     กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ    

ตลาดกล่องรับสัญญาณ Set Top Box ตื่นตัวรับเปิดทีวีดิจิตอล "อสมท"  จับมือ 2 พาร์ตเนอร์ส่ง "MCOT HD BOX " แชร์ตลาด  มั่นใจชื่อเสียงที่สั่งสมมาเรียกลูกค้าได้  ตั้งเป้า 4 ปีโกยยอดขาย 5 ล้านกล่อง  ด้าน "แพลนเนตคอม" เดินสายโรดโชว์ ตั้งบูธให้ความรู้ใน 11 จังหวัด คาดหลังระบบออนแอร์สมบูรณ์กระตุ้นคนหันซื้อกล่องเพิ่ม ขณะที่ "สามารถ" เคาะประตูดีลเลอร์จัดอบรม สาธิตระบบรับสัญญาณหน้าร้านกว่า 100 ร้าน วอนกสทช. เร่งกระจายข่าวสาร สร้างความเข้าใจด่วน
    
นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทจับมือกับพันธมิตรทั้ง  2 ราย  ได้แก่ บริษัท ครีเอเทค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท แพลนเนต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันผลิตกล่องรับสัญญาณ Set Top Box เพื่อรับชมทีวีดิจิตอล ภายใต้ชื่อคือ MCOT HD BOX  ซึ่งราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 1- 1.5 พันบาท โดยกล่องดังกล่าวจะมีจุดเด่นในด้านเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การอินเตอร์แอกทีฟ และแอพพลิเคชันเสริมที่จะเพิ่มเข้ามา  โดยกล่องรับสัญญาณนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายนนี้
  
"แผนการทำตลาดในเบื้องต้น บริษัทจะนำกล่องเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด อาทิ ห้างสรรพสินค้า และจำหน่ายผ่านทางไปรษณีย์ เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมใช้งบราว 50 ล้านบาทในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนขององค์กร (ช่อง 9)  สปอตวิทยุ รวมถึงกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งจะเสนอข่าวสารข้อมูลให้ความรู้กับประชาชนถึงการรับชมทีวีดิจิตอล และการเลือกซื้อกล่องรับสัญญาณ  ซึ่งการเลือกซื้อกล่องที่ถูกต้องมีจุดสังเกตง่ายๆคือผู้ชมจะต้องดูสติกเกอร์น้องดูดีเป็นหลัก เนื่องจากกล่องที่มีสติกเกอร์นั้นจะผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรียบร้อยแล้ว  โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมียอดขายกล่อง MCOT HD BOX 1 ล้านกล่องในปีนี้ และมียอดขายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านกล่องภายใน 4 ปี"
    
ทั้งนี้การอาศัยจุดแข็งของแบรนด์ MCOT เชื่อว่าจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นและเลือกซื้อกล่องรับสัญญาณ MCOT HD BOX ขณะที่การแข่งขันในตลาดกล่องรับสัญญาณ พบว่าในปัจจุบันมีผู้ประกอบการทั้งผลิตและนำเข้าวางจำหน่ายกว่า 20 ราย รวมไปถึงกล่องรับสัญญาณจีน ที่มีราคาถูกจะยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่ทีวีดิจิตอลเริ่มส่งสัญญาณเพิ่มมากขึ้น
    
"แม้การแข่งขันตลาดกล่องเซ็ตท็อปบ็อกซ์ ซึ่งมีผู้เล่นมากกว่า 20 รายจะรุนแรง แต่ด้วยชื่อของอสมท จะทำให้ผู้ชมเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์ MCOT และเลือกซื้อกล่องของบริษัท  อีกทั้งเชื่อว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อกล่องรับสัญญาณ เพราะคุณภาพมากกว่าราคาอย่างแน่นอน  นอกจากนี้ในช่วงกลางปีกสทช.จะแจกคูปองสำหรับนำไปใช้ซื้อกล่องรับสัญญาณหรืออื่นๆ มูลค่า 690 บาท ก็จะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกซื้อกล่องรับสัญญาณที่มีคุณภาพมากขึ้น"
    
อย่างไรก็ดี อสมท ได้เตรียมจัดทำรายงานพิเศษเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับทีวีดิจิตอลและวิธีการรับชม แก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และช่องทางนิวมีเดีย  พร้อมประชาสัมพันธ์กล่องรับสัญญาณ MCOT HD BOX  ซึ่งเป็นอีก 1 วิธีที่ง่ายที่สุดในการรับสัญญาณภาพแบบ HD โดยนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทันสมัย ผ่านเซเลบริตีฝีปากกล้าชื่อดังของเมืองไทย ซึ่งจะเริ่มออกอากาศทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ในวันที่ 15 มีนาคมนี้  แต่ล่าสุดอสมท ได้แจ้งเลื่อนการออกอากาศสกู๊ปดังกล่าวออกไป โดยให้เหตุผลว่าเกิดข้อขัดข้องบางประการทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้ทันในวันที่ 15 มีนาคมนี้
    
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าที่จะมีรายได้รวมประมาณ 6 พันล้านบาท มีกำไร 1.5 พันล้านบาท
    
ด้านนายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ รองเลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม และ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน)  ผู้ผลิตและจำหน่ายกล่องรับสัญญาณ "PlannetComm Digital Lifestyle" กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทวางจำหน่ายกล่องรับสัญญาณที่รับชมทีวีดิจิตอลภายใต้ชื่อ PlannetComm Digital Lifestyle รุ่น DTR-T2A เรียบร้อยแล้ว ในราคา 1.49 พันบาท โดยวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และขายโทรทัศน์ทั่วประเทศ  ซึ่งในเบื้องต้นจะวางจำหน่ายใน 11 จังหวัด อาทิ  กรุงเทพฯ และปริมณฑล , นครราชสีมา , เชียงใหม่ ,สงขลา , อุบลราชธานี   เป็นต้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กสทช.ระบุการรับ-ส่งสัญญาณทีวีดิจิตอลก่อน
    
โดยกลยุทธ์การทำตลาดบริษัทเน้นรูปแบบการโรดโชว์ใน 11 จังหวัด และตั้งบูธตามจุดต่างๆ เพื่อให้ความรู้  เกี่ยวกับการเลือกใช้กล่อง การรับชมทีวีดิจิตอลต้องทำอย่างไร เนื่องจากในปัจจุบันยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้ อีกทั้งบริษัทมองว่าหลังจากวันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไปที่จะเริ่มออกอากาศทีวีดิจิตอลทั้งหมด ในช่วงแรกการขายกล่องอาจจะยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก เนื่องจากประชาชนต้องดูความพร้อมการออกอากาศในหลายๆด้าน แต่บริษัทเชื่อว่าหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลจะเริ่มทยอยขายได้เนื่องจากช่วงนั้นระบบค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว
    
"การแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการที่ขายกล่องรับสัญญาณ  มองว่าอาจจะแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากระบบต่างๆของการรับชมยังไม่สมบูรณ์ 100%  โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งการตลาด 5% ของผู้จำหน่ายกล่องประเภทเดียวกันทั้งหมด  ส่วนตลาดกล่องเพย์ทีวี บริษัทไม่กังวลแต่อย่างใดเนื่องจากมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน  ซึ่งกลุ่มผู้ชมที่เลือกเพย์ทีวีก็จะต้องการชมคอนเทนต์พรีเมียมแต่ต้องจ่ายเงิน แต่กล่องรับสัญญาณ Set Top Box เป็นกล่องที่มีไว้เพื่อดูฟรี"  
    
ขณะที่นายทวี อุดมกิจโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายกล่องรับสัญญาณ "SAMART" กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาบริษัทวางจำหน่ายกล่องรับสัญญาณ  Set Top Box แล้ว 2 รุ่น คือ Strong  และ Strong  Proในราคา 1.35 พันบาท และ 1.45 พันบาท(ตามลำดับ) โดยกล่องของสามารถนั้นจะมีจุดเด่นในเรื่องของการรับชมภาพที่คมชัด และจับคลื่นสัญญาณอ่อนได้  รวมทั้งมีฟังก์ชันด้านมีเดียเพลเยอร์  ทำให้สามารถเชื่อมต่อเพื่อดาวน์โหลด ละคร เพลงหรือภาพยนตร์ได้   นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้ผลิตเสาอากาศมากว่า 50 ปี ทำให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้าง ดังนั้นเมื่อหันมาผลิตกล่องรับสัญญาณ ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นตามไปด้วย  
    
"เบื้องต้นบริษัทเตรียมงบการตลาดราว 10 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านจุดขายต่างๆทั่วประเทศซึ่งมีอยู่กว่า 100 ร้านค้า  ทั้งการจัดอบรมดีลเลอร์ทั่วประเทศเพื่อให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจเรื่องการรับชมทีวีดิจิตอลและสามารถถ่ายทอดให้ลูกค้าฟังได้  และการสาธิตระบบการรับสัญญาณทีวีดิจิตอลบริเวณหน้าร้านของดีลเลอร์ทั้งใน 11 จังหวัดด้วย" นายทวีกล่าวและว่า
    
อยากขอร้องให้กสทช.เร่งกระจายข่าวสาร ข้อมูล ให้ความรู้กับประชาชนอย่างทั่วถึง  เพราะหากผู้ชมส่วนมากยังไม่เข้าใจในเรื่องทีวีดิจิตอล ก็อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,931 วันที่ 16 - 19  มีนาคม พ.ศ. 2557

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่