ขออนุญาติเล่าความเป็นมาคร่าวๆก่อนนะคะ
เรากับแม่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่เด็กๆเราก็ไปอยู่ที่อื่น กลับมาอีกทีเราก็แต่งงานมีครอบครัว
แม่เลิกกับพ่อตั้งแต่เราเกิดใหม่ๆ แล้วแม่ก็อยู่คนเดียวมาตลอด
ตั้งแต่เราแต่งงานเราก็ชวนเค้ามาอยู่ด้วย บ้านหลังใหญ่โตเราก็อยู่กับสามีแค่สองคน แต่แม่ไม่ยอมมา
แม่เรายังอายุไม่เยอะมาก ยังทำงานอยู่ แต่เราก็ให้เงินเค้าทุกเดือน ไม่มากมายอะไร เดือนละ 1 หมื่นบาท
นอกจากเงินเดือน ปีที่แล้วเค้าขอเงินไปลงทุนทำอะไรซักอย่าง เราก็ให้ไป 1 แสนบาท
ให้ตอนนั้นคือให้หมดตัว ไม่มีเงินเก็บเหลือเลยเพราะเราก็พึ่งทำงานประจำได้ไม่นาน
ส่วนตอนนี้เราออกจากงานมาตั้งแต่เดือนมกรา เพราะท้องแล้วมีอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง สามีกลัวว่าจะแท้งเลยออกมาอยู่บ้าน
โดยที่สามีให้เงินมาหนึ่งก้อนเพื่อทำธุรกิจ และทำเรื่องกู้ห้องแถวให้
ตอนนี้เริ่มมีการผลิตสินค้าแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มขาย โดยเรามีหุ้นส่วน 1 คน เป็นญาติฝั่งแม่เรานี่แหละ ตกลงกันไว้ว่าจะแบ่งกำไร 50-50
กิจการนี้เราเริ่มทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่คิดงานออกแบบ ซื้อของ ส่งของ จ้างผลิต ช่วยกับหุ้นส่วน
ปัจจุบันแม่ทำงานบริษัทได้เงินเดือนประมาณ 40,000 บาท กิน-อยู่คนเดียว บริษัทให้ที่พัก ให้รถ ให้ค่าน้ำมัน แต่แม่เราก็บอกว่าเงินไม่พอ
แม่เราบอกว่าจะเข้ามาช่วยทำงานด้วย เพราะแม่อยากมีเงิน ไม่อยากทำงานบริษัท โดยให้เราแบ่งส่วนของเราให้เค้า 20%
ปัญหาคือ
เรารู้สึกอึดอัดที่แม่ทำอย่างนี้ แม่บอกจะเข้ามาช่วยทำงาน แต่แม่ไม่เคยมาช่วยอะไรเลย ทุกครั้งที่มาก็จะมานั่งกินข้าว ดูทีวี นอนเล่น 2-3 ชม. แล้วก็กลับ หุ้นส่วนเราเกรงใจแม่เรามากๆเพราะเป็นญาติผู้ใหญ่ เวลาแม่มาเค้าก็ประเคนทุกอย่างให้สารพัด แม่เราก็ชอบใช้เค้าเหมือนคนใช้ บีบแตรรถให้เค้ามาเอาของลงบ้าง สั่งให้เค้าตักข้าวให้บ้าง เรามองว่าแม่ควรจะทำอะไรแบบนี้เองได้ ไม่ควรไปใช้เค้า เพราะเค้าเองก็ต้องทำงาน
แม่ขอแบ่งกำไร 20% แต่ไม่ทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับกิจการ เรารู้สึกน้ำท่วมปากมากๆเพราะจะปฏิเสธไม่ให้เงิน ก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่จะให้เค้าแบ่งเงินไปก็รู้สึกแย่มาก เพราะสามีเราเป็นคนลงทุน
แม่ชอบซื้อของที่ไม่จำเป็นเอามาไว้ที่ร้าน เช่น เค้าเตอร์บาร์ เลปท็อป ปริ้นเตอร์ เราบอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟังว่าเราไม่ได้ใช้ เอามาก็เกะกะ ถ้าเราจะใช้คอม ใช้อินเตอรืเน็ท เราใช้ที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่ แม่อยากติดอินเตอร์เน็ทที่ร้านด้วย แล้วหักเงินของร้านไปซื้อของพวกนี้ ทั้งๆที่เรามองว่าร้านพึ่งเปิดใหม่เราควรจะประหยัดให้มากที่สุด เงินที่เอามาลงทุนก็ไม่ใช่เงินเรา
ส่วนในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับกิจการ..
แม่เป็นคนฟุ่มเฟื่อยมาก เดินไปตรงไหนก็เปิดไฟทิ้งไว้ เวลาซื้อของก็ชอบซื้อเยอะๆ ของกินทานไม่หมดก็เก็บไว้จนเน่าแล้วทิ้ง ของใช้หลายอย่างมีแล้วก็ซื้ออีกจนเกินความจำเป็น มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้หมดทุกเดือนไม่เคยมีเงินเหลือเก็บ เป็นหนี้บัตรเครดิตต้องผ่อนชำระตลอดเวลา
เรารู้สึกว่าเค้าต่อต้านชีวิตความเป็นอยู่ของเรากับสามี เค้าไม่เคยเชื่อว่าชีวิตแต่งงานเราจะดี จุดหลักๆคือเค้าชอบเปรียบเทียบชีวิตเค้ากับชีวิตเรา ครอบครัวแม่ล้มเหลวตั้งแต่เราเกิดใหม่ๆ แม่เรายกปืนยิงพ่อตอนทะเลาะกันแต่โชคดีที่ไม่มีกระสุน ตอนหลังพ่อเราก็ไปแต่งงานกับคนอื่น ตอนแม่ท้องเราเค้าไม่เคยบอกญาติคนไหนเลยเพราะอับอายที่เค้าไม่ได้แต่งงาน
แม่ชอบโทษดวงชะตาที่ชีวิตเค้าไม่ประสบความสำเร็จ ทำอะไรทุกอย่างจะต้องพึ่งหมอดู พึ่งดวง พึ่งหวย โดยเรามองว่าเค้าเองก็ไม่เคยขนขวายอยากทำชีวิตให้ดีขึ้น รอโชคอย่างเดียว เรารู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งที่ได้ยินเค้าพูดเรื่องดวง เรื่องโชคชะตา
--------------------------------------------------------
คำถามคือ..
1. เรารู้สึกว่าแม่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้เราได้ ในทุกๆด้าน ทั้งกาย-ใจ เรารู้สึกว่าเค้านำความทุกข์มาให้เรา เราบาปมั้ยที่เรารู้สึกอึดอัดใจ ไม่สบายใจทุกครั้งที่เราอยู่กับเค้า
2. เราจะบอกแม่ยังไงถ้าเราไม่ต้องการแบ่งกำไรของร้านให้เค้า แม่เองก็ไม่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อะไรที่เค้ารู้สึกไม่ถนัดหรือไม่เคยทำ เค้าก็จะไม่ทำ จะให้เค้าช่วยทำอะไรเราก็กลัวว่าจะไม่สำเร็จและเป็นผลเสียกับกิจการ
3. เราจะบอกเค้ายังไงให้เค้าลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และไม่เอาเงินลงทุนของกิจการไปใช้ซื้อของฟุ่มเฟือย
4. เงินที่เราเคยให้แม่ไป 1 แสนบาท เราพอรู้คร่าวๆว่าแม่เอาเงินไปให้คนอื่นลงทุนอีกทีนึงโดยที่ตัวเองไม่รู้รายละเอียดของกิจการ และไม่เคยไปดูว่ากิจการเป็นอย่างไร เชื่อใจให้คนรู้จักทำหมด.. คนรู้จักคนนี้เคยล้มละลายและเคยหนีคดีเพ่งจากเจ้าหนี้อยู่ 10 ปี เราจะบอกแม่ยังไงว่าอย่าไปเชื่อใจเค้ามากเกินไป แม่มองว่าเค้าวิเศษมากและจะนำเงินทองมาให้ แต่เราไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงปักใจเชื่อขนาดนั้น พูดแล้วแม่ก็โกรธ หาว่าไปขัดขวางทางทำรายได้
5. เราควรจะเตือนแม่ยังไงให้เค้าประหยัดมากกว่านี้ ถ้าเค้าเลิกทำงานบริษัทจริงๆ เราไม่สามารถให้เค้าได้มากเท่าที่เค้าใช้อยู่ปัจจุบันแน่นอน
6. เรารู้สึกอึดอัดมากที่อะไรๆแม่ก็โทษดวงชะตา เราอยากให้เค้าพยายามทำอะไรมากกว่านี้ แต่ไม่รู้จะทำยังไง
ทำไมแม่ถึงไม่รู้จักพอ
เรากับแม่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่เด็กๆเราก็ไปอยู่ที่อื่น กลับมาอีกทีเราก็แต่งงานมีครอบครัว
แม่เลิกกับพ่อตั้งแต่เราเกิดใหม่ๆ แล้วแม่ก็อยู่คนเดียวมาตลอด
ตั้งแต่เราแต่งงานเราก็ชวนเค้ามาอยู่ด้วย บ้านหลังใหญ่โตเราก็อยู่กับสามีแค่สองคน แต่แม่ไม่ยอมมา
แม่เรายังอายุไม่เยอะมาก ยังทำงานอยู่ แต่เราก็ให้เงินเค้าทุกเดือน ไม่มากมายอะไร เดือนละ 1 หมื่นบาท
นอกจากเงินเดือน ปีที่แล้วเค้าขอเงินไปลงทุนทำอะไรซักอย่าง เราก็ให้ไป 1 แสนบาท
ให้ตอนนั้นคือให้หมดตัว ไม่มีเงินเก็บเหลือเลยเพราะเราก็พึ่งทำงานประจำได้ไม่นาน
ส่วนตอนนี้เราออกจากงานมาตั้งแต่เดือนมกรา เพราะท้องแล้วมีอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง สามีกลัวว่าจะแท้งเลยออกมาอยู่บ้าน
โดยที่สามีให้เงินมาหนึ่งก้อนเพื่อทำธุรกิจ และทำเรื่องกู้ห้องแถวให้
ตอนนี้เริ่มมีการผลิตสินค้าแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มขาย โดยเรามีหุ้นส่วน 1 คน เป็นญาติฝั่งแม่เรานี่แหละ ตกลงกันไว้ว่าจะแบ่งกำไร 50-50
กิจการนี้เราเริ่มทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่คิดงานออกแบบ ซื้อของ ส่งของ จ้างผลิต ช่วยกับหุ้นส่วน
ปัจจุบันแม่ทำงานบริษัทได้เงินเดือนประมาณ 40,000 บาท กิน-อยู่คนเดียว บริษัทให้ที่พัก ให้รถ ให้ค่าน้ำมัน แต่แม่เราก็บอกว่าเงินไม่พอ
แม่เราบอกว่าจะเข้ามาช่วยทำงานด้วย เพราะแม่อยากมีเงิน ไม่อยากทำงานบริษัท โดยให้เราแบ่งส่วนของเราให้เค้า 20%
ปัญหาคือ
เรารู้สึกอึดอัดที่แม่ทำอย่างนี้ แม่บอกจะเข้ามาช่วยทำงาน แต่แม่ไม่เคยมาช่วยอะไรเลย ทุกครั้งที่มาก็จะมานั่งกินข้าว ดูทีวี นอนเล่น 2-3 ชม. แล้วก็กลับ หุ้นส่วนเราเกรงใจแม่เรามากๆเพราะเป็นญาติผู้ใหญ่ เวลาแม่มาเค้าก็ประเคนทุกอย่างให้สารพัด แม่เราก็ชอบใช้เค้าเหมือนคนใช้ บีบแตรรถให้เค้ามาเอาของลงบ้าง สั่งให้เค้าตักข้าวให้บ้าง เรามองว่าแม่ควรจะทำอะไรแบบนี้เองได้ ไม่ควรไปใช้เค้า เพราะเค้าเองก็ต้องทำงาน
แม่ขอแบ่งกำไร 20% แต่ไม่ทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับกิจการ เรารู้สึกน้ำท่วมปากมากๆเพราะจะปฏิเสธไม่ให้เงิน ก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่จะให้เค้าแบ่งเงินไปก็รู้สึกแย่มาก เพราะสามีเราเป็นคนลงทุน
แม่ชอบซื้อของที่ไม่จำเป็นเอามาไว้ที่ร้าน เช่น เค้าเตอร์บาร์ เลปท็อป ปริ้นเตอร์ เราบอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟังว่าเราไม่ได้ใช้ เอามาก็เกะกะ ถ้าเราจะใช้คอม ใช้อินเตอรืเน็ท เราใช้ที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่ แม่อยากติดอินเตอร์เน็ทที่ร้านด้วย แล้วหักเงินของร้านไปซื้อของพวกนี้ ทั้งๆที่เรามองว่าร้านพึ่งเปิดใหม่เราควรจะประหยัดให้มากที่สุด เงินที่เอามาลงทุนก็ไม่ใช่เงินเรา
ส่วนในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับกิจการ..
แม่เป็นคนฟุ่มเฟื่อยมาก เดินไปตรงไหนก็เปิดไฟทิ้งไว้ เวลาซื้อของก็ชอบซื้อเยอะๆ ของกินทานไม่หมดก็เก็บไว้จนเน่าแล้วทิ้ง ของใช้หลายอย่างมีแล้วก็ซื้ออีกจนเกินความจำเป็น มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้หมดทุกเดือนไม่เคยมีเงินเหลือเก็บ เป็นหนี้บัตรเครดิตต้องผ่อนชำระตลอดเวลา
เรารู้สึกว่าเค้าต่อต้านชีวิตความเป็นอยู่ของเรากับสามี เค้าไม่เคยเชื่อว่าชีวิตแต่งงานเราจะดี จุดหลักๆคือเค้าชอบเปรียบเทียบชีวิตเค้ากับชีวิตเรา ครอบครัวแม่ล้มเหลวตั้งแต่เราเกิดใหม่ๆ แม่เรายกปืนยิงพ่อตอนทะเลาะกันแต่โชคดีที่ไม่มีกระสุน ตอนหลังพ่อเราก็ไปแต่งงานกับคนอื่น ตอนแม่ท้องเราเค้าไม่เคยบอกญาติคนไหนเลยเพราะอับอายที่เค้าไม่ได้แต่งงาน
แม่ชอบโทษดวงชะตาที่ชีวิตเค้าไม่ประสบความสำเร็จ ทำอะไรทุกอย่างจะต้องพึ่งหมอดู พึ่งดวง พึ่งหวย โดยเรามองว่าเค้าเองก็ไม่เคยขนขวายอยากทำชีวิตให้ดีขึ้น รอโชคอย่างเดียว เรารู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งที่ได้ยินเค้าพูดเรื่องดวง เรื่องโชคชะตา
--------------------------------------------------------
คำถามคือ..
1. เรารู้สึกว่าแม่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้เราได้ ในทุกๆด้าน ทั้งกาย-ใจ เรารู้สึกว่าเค้านำความทุกข์มาให้เรา เราบาปมั้ยที่เรารู้สึกอึดอัดใจ ไม่สบายใจทุกครั้งที่เราอยู่กับเค้า
2. เราจะบอกแม่ยังไงถ้าเราไม่ต้องการแบ่งกำไรของร้านให้เค้า แม่เองก็ไม่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อะไรที่เค้ารู้สึกไม่ถนัดหรือไม่เคยทำ เค้าก็จะไม่ทำ จะให้เค้าช่วยทำอะไรเราก็กลัวว่าจะไม่สำเร็จและเป็นผลเสียกับกิจการ
3. เราจะบอกเค้ายังไงให้เค้าลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และไม่เอาเงินลงทุนของกิจการไปใช้ซื้อของฟุ่มเฟือย
4. เงินที่เราเคยให้แม่ไป 1 แสนบาท เราพอรู้คร่าวๆว่าแม่เอาเงินไปให้คนอื่นลงทุนอีกทีนึงโดยที่ตัวเองไม่รู้รายละเอียดของกิจการ และไม่เคยไปดูว่ากิจการเป็นอย่างไร เชื่อใจให้คนรู้จักทำหมด.. คนรู้จักคนนี้เคยล้มละลายและเคยหนีคดีเพ่งจากเจ้าหนี้อยู่ 10 ปี เราจะบอกแม่ยังไงว่าอย่าไปเชื่อใจเค้ามากเกินไป แม่มองว่าเค้าวิเศษมากและจะนำเงินทองมาให้ แต่เราไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงปักใจเชื่อขนาดนั้น พูดแล้วแม่ก็โกรธ หาว่าไปขัดขวางทางทำรายได้
5. เราควรจะเตือนแม่ยังไงให้เค้าประหยัดมากกว่านี้ ถ้าเค้าเลิกทำงานบริษัทจริงๆ เราไม่สามารถให้เค้าได้มากเท่าที่เค้าใช้อยู่ปัจจุบันแน่นอน
6. เรารู้สึกอึดอัดมากที่อะไรๆแม่ก็โทษดวงชะตา เราอยากให้เค้าพยายามทำอะไรมากกว่านี้ แต่ไม่รู้จะทำยังไง