สักวา เด็กฝรั่ง สั่งอาหาร ด้วยต้องการ ทานไอติม ยิ้มหวานๆ
ตัดสินใจ ได้แต่จ้อง มองอยู่นาน บ๋อยรำคาญ อยากทานไร ให้สั่งมา
ไอศกรีม ซันเดย์นั้น มันเท่าไหร่ บ๋อยตอบไป 50 เซ็นต์ เห็นมั้ยหนา
เด็กใช้มือ ล้วงกระเป๋า เอาเงินมา แล้วบอกว่า ไม่น่าพอ ขอเปลี่ยนใจ
เด็กถามใหม่ ไอศกรีม ธรรมดา ไม่ซันเดย์ แล้วล่ะหนา หาจ่ายไหว
บ๋อยบอกว่า 35 เซ็นต์ ไม่เห็นไง? เด็กสั่งไป ขอไอติม ธรรมดา
มานั่งฟิน กินที่โต๊ะ โอ๊ะ ! อร่อย ! แล้วเรียกบ๋อย มาเช็คบิล หลังกินหนา
35 เซ็นต์ เห็นบิลออก บอกราคา เด็กวางเงิน บนโต๊ะมา แล้วลาไป
บ๋อยเดินไป ไล่เก็บตังค์ ค่าไอติม กลับเอิบอิ่ม ยิ้มออกมา น้ำตาไหล
50 เซ็นต์ เห็นแล้วทึ่ง ต้องอึ้งไป 15 เซ็นต์ เป็นทิปให้ ซึ้งใจจัง
เงินจำกัด จัดการได้ ไม่น่าเชื่อ วางแผนดี ควรมีเหลือ เผื่อไว้มั่ง
“รับ ”น้อยลง “ให้ ”มากขึ้น ชื่นใจจัง ใช้สตังค์ มีสติ มิอับจน
บรรดาเม่า เรานั้นมี เงินจำกัด ถึงประหยัด อัตคัด ดูขัดสน
วางแผนดี มีเหลือใช้ ได้ทุกคน ตัดของตน เพื่อคนอื่น อาจชื่นใจ
สังคมเรา เห็นแก่ตัว จนมัวหมอง อยากให้มอง คนอื่นนิด จิตแจ่มใส
“รับ ”น้อยลง คงไม่เห็น จะเป็นไร ปันน้ำใจ มา “ให้ ” กัน สุขสันต์เอย



เผอิญไปอ่านเจอเรื่องนี้ในเน็ตครับ สะกิดใจอะไรบางอย่าง เลยแปลมาเล่าสู่กันฟังครับ
เราอาจมีวงเงินในหน้าตักจำกัดครับ แต่ถ้าเราบริหารจัดการเงินจำนวนนั้นได้ดี เราก็จะมีความสุขครับ
บางครั้ง อาจต้องยอมตัดของเราสักนิดนึง ลดความสุขของเราสักนิดนึง
แล้วแบ่งปันไปให้คนอื่นบ้าง เหมือนเป็นการซื้อใจคนอื่น มันก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยู่เหมือนกันนะครับ
ลองคิดดูสิครับ ครั้งหลังๆ ถ้าเด็กคนนี้ไปกินไอติมร้านนี้แล้วเจอพนักงานคนเดิมอีก
เขาก็คงตักไอติมให้เยอะๆ หรือให้ของแถม หรืออะไรต่อมิอะไรที่เขาอาจหยิบยื่นให้ได้เพื่อสนองคืนน้ำใจที่ได้รับมา
มูลค่าอาจจะมากมายกว่าค่าทิป 15 เซ็นต์ที่เด็กน้อยให้ไปก็ได้

ขอให้สุขใจกับการให้นะครับ ให้จ้าวไปเยอะๆ เดี๋ยวก็ได้กลับมาเอง โชคดีทุกท่านนะครับ
<[^_^]> สักวา เด็กฝรั่ง สั่งอาหาร.....ด้วยต้องการ ทานไอติม ยิ้มหวานๆ
ตัดสินใจ ได้แต่จ้อง มองอยู่นาน บ๋อยรำคาญ อยากทานไร ให้สั่งมา
ไอศกรีม ซันเดย์นั้น มันเท่าไหร่ บ๋อยตอบไป 50 เซ็นต์ เห็นมั้ยหนา
เด็กใช้มือ ล้วงกระเป๋า เอาเงินมา แล้วบอกว่า ไม่น่าพอ ขอเปลี่ยนใจ
เด็กถามใหม่ ไอศกรีม ธรรมดา ไม่ซันเดย์ แล้วล่ะหนา หาจ่ายไหว
บ๋อยบอกว่า 35 เซ็นต์ ไม่เห็นไง? เด็กสั่งไป ขอไอติม ธรรมดา
มานั่งฟิน กินที่โต๊ะ โอ๊ะ ! อร่อย ! แล้วเรียกบ๋อย มาเช็คบิล หลังกินหนา
35 เซ็นต์ เห็นบิลออก บอกราคา เด็กวางเงิน บนโต๊ะมา แล้วลาไป
บ๋อยเดินไป ไล่เก็บตังค์ ค่าไอติม กลับเอิบอิ่ม ยิ้มออกมา น้ำตาไหล
50 เซ็นต์ เห็นแล้วทึ่ง ต้องอึ้งไป 15 เซ็นต์ เป็นทิปให้ ซึ้งใจจัง
เงินจำกัด จัดการได้ ไม่น่าเชื่อ วางแผนดี ควรมีเหลือ เผื่อไว้มั่ง
“รับ ”น้อยลง “ให้ ”มากขึ้น ชื่นใจจัง ใช้สตังค์ มีสติ มิอับจน
บรรดาเม่า เรานั้นมี เงินจำกัด ถึงประหยัด อัตคัด ดูขัดสน
วางแผนดี มีเหลือใช้ ได้ทุกคน ตัดของตน เพื่อคนอื่น อาจชื่นใจ
สังคมเรา เห็นแก่ตัว จนมัวหมอง อยากให้มอง คนอื่นนิด จิตแจ่มใส
“รับ ”น้อยลง คงไม่เห็น จะเป็นไร ปันน้ำใจ มา “ให้ ” กัน สุขสันต์เอย
เผอิญไปอ่านเจอเรื่องนี้ในเน็ตครับ สะกิดใจอะไรบางอย่าง เลยแปลมาเล่าสู่กันฟังครับ
เราอาจมีวงเงินในหน้าตักจำกัดครับ แต่ถ้าเราบริหารจัดการเงินจำนวนนั้นได้ดี เราก็จะมีความสุขครับ
บางครั้ง อาจต้องยอมตัดของเราสักนิดนึง ลดความสุขของเราสักนิดนึง
แล้วแบ่งปันไปให้คนอื่นบ้าง เหมือนเป็นการซื้อใจคนอื่น มันก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยู่เหมือนกันนะครับ
ลองคิดดูสิครับ ครั้งหลังๆ ถ้าเด็กคนนี้ไปกินไอติมร้านนี้แล้วเจอพนักงานคนเดิมอีก
เขาก็คงตักไอติมให้เยอะๆ หรือให้ของแถม หรืออะไรต่อมิอะไรที่เขาอาจหยิบยื่นให้ได้เพื่อสนองคืนน้ำใจที่ได้รับมา
มูลค่าอาจจะมากมายกว่าค่าทิป 15 เซ็นต์ที่เด็กน้อยให้ไปก็ได้