เราเป็นคนนึงที่มียานพาหนะ รถคันแรกเป็นรถจักรยานยนต์
เราทำถูกกฎระเบียบจราจรเสมอ ทั้งสวมหมวก เปิดไฟหน้า เปิดไฟเลี้ยว ซ้าย ขวา ขับขี่เลนรถจักรยานยนต์
ประกอบกับเป็นคนที่ขี้ตกใจ
หลายๆ ครั้งที่เราทำถูกกฎจราจร เราขี่รถในเลนที่ถูกต้อง
แต่ๆๆๆๆ รถยนต์ รถเมล์ รถบัส รถตู้ รถอะไรก็ได้ที่ล้อมันมีมากกว่าตู ชอบบีบแตรใส่
เราดูกระจกด้านข้างเสมอว่ามีรถอะไรตามมา ขับเร็วมั้ย หรือจะเลี้ยวซ้ายเพื่อจอดหรือเปล่า

รถพวกนั้นเห็นเราเป็นอะไรนะ ทั้งๆที่เราก็เห็นนะว่าขับตามหลังมา เราทำใจเตรียมไว้แล้วล่ะ พอใกล้รถเราเท่านั้นแหละ
รถเราเกือบจะล้ม เพราะความตกใจ สะดุ้ง ที่มาบีบแตรใส่โสตประสาทในระยะประชิด ขนาดว่าเตรียมใจแล้วนะ
บีบหา...... หรอคะ

เราก็เออ นึกว่าคุณพี่เค้าจะจอดข้างหน้า ก็เปล่าค่ะ ขับตรงในเส้นทางปกติ
เห้ยยยยย เราก็ขี่ของเราดีๆ ไม่ได้ขับส่ายไปมา ไม่ได้คิดจะไปเลนอื่น แล้วคุณพี่บีบหา.... ทำไม
แต่ในใจเราไม่ได้ด่าเค้าแบบนั้นหรอกค่ะ หวังว่าคุณคงรู้
และเป็นบ่อยมาก เราไม่ได้ขับช้าเป็นเต่าด้วย ขับชิลเรื่อยๆ ก็ 50 ขับเร็วๆ ก็ 80-100 ซึ่งรักษากฎเสมอ
ไม่มีอะไรค่ะ แค่เล่าให้ฟัง
ล่าสุด 5 ธันวา เราขับเลนจักรยานยนต์ค่ะ คงเป็นกรรมของเรา หลังจากไปจุดเทียนชัยถวายพระพร
ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ รถบัสคันขนาดกลางขับมายังไงไม่ทราบได้ ไม่บีบแตรด้วย (แน่ะ จะว่าเราด่าคนบีบแตร พอเค้าไม่บีบแตรก็ว่าอีก เออ..นะ)
มาเกี่ยวรถจักรยานยนต์ที่เราขับแบบชิลมากๆ (ชิลเรื่อยๆ กับชิลมากๆ ต่างกันนะคะ)
ล้มลงหัวฟาดพื้น ดีที่เราใส่หมวกกันน็อค ลงไปนอนวัดพื้นถนนอยู่หน้าปั๊ม ปตท. เห็นรถกลิ้งไปตามสายตา
ตั้งสติ ลุกขึ้นนั่งทันทีค่ะ สิ่งแรกที่ทำคือ ปิดกระโปรงค่ะ กระโปรงเปิดอ้าซ่าเลยค่ะ เีรานั่งในท่าพับเพียบแบบกุลสตรี
มึน งง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลเมืองดีเข้ามาช่วยกันค่ะ ส่วนคนขับ ก็ขับต่อไปปกติ เราไม่รู้ว่าเค้าหนี หรือเค้าอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำเราล้ม
ขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัยด้วยค่ะ เค้าไปส่งเราที่โรงพยาบาล และรอรับกลับมาส่งที่หอพัก รถเราเค้าก็ขี่กลับมาให้ด้วย
เราไม่เป็นอะไรมากค่ะ หัวเข่าถลอกใหญ่ๆ ทั้งสองข้าง แผลที่เท้านิดหน่อย หัวไหล่อีกข้าง มือเขียวช้ำ
ผ่านไปประมาณ 4 วัน เราพึ่งบอกคนที่บ้านค่ะ ไม่อยากให้เค้าเป็นห่วง โดนสวดเลยค่ะ ว่าไม่ยอมบอกใคร
หลังจากนั้นเราก็ต้องไปล้างแผลที่คลีนิคทุกวันด้วยเงินตัวเอง เซ็งง่ะ เบิกไม่ได้สักบาทเลยค่ะ ใช้ประกันของธนาคาร
เราล้างแผลเองไม่ได้ค่ะ เพราะเราอยู่คนเดียว อยู่ต่างจังหวัด ไกลบ้านมากๆ
มีญาติที่นี่ แต่ว่าเราไม่อยากรบกวนใคร และเราก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปล้างแผลเองคนเดียว ในเวลาที่พี่ๆที่ทำงานเค้าไม่ว่างกัน
เราไม่ได้เอาเรื่องคนขับรถค่ะ เราหวงรถเรามากกว่า ไม่อยากให้โดนยกไปเก็บที่โรงพัก
เล่าจบแล้วค่ะ จากไป อยู่เงียบๆ คนเดียว

ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ แต่ขอเพิ่มเติมนิด เผื่อโพสต์ข้างล่างจะไม่ได้อ่านกัน
ขอบอกไว้ก่อนว่า เราไม่ได้ขับรถใจลอยค่ะ เราดูรถที่ตามมาเสมอ แม้จะเห็นแล้ว
แต่การที่ขับมาข้างๆ ย้ำว่าข้างๆรถเรานะคะ แล้วเค้าถึงจะบีบแตร
ยิ่งเป็นแตรรถใหญ่แล้ว อยู่ระยะประชิด ไม่สะดุ้งก็แปลกแล้วค่ะ สำหรับเรานะ
เราไม่ได้บ้าจี้ถึงขนาดต้องสะดุ้งกับเสียงบีบแตรรถทุกคันบนถนนนะคะ
แต่การขับมาข้างๆ เพื่อบีบแตรใส่ เพื่ออออ
ก็เหมือนเวลามีคนมาตะโกนใส่หูคุณอ่ะค่ะ ตกใจมั้ยคะ
บางทีเรารู้สึกเหมือนแกล้งกันเลยค่ะ
ชิลเรื่อยๆ กับชิลมากๆ ของเราไม่ได้หมายความว่าขับไม่ดูรถดูรานะคะ แต่มันคือความเร็วที่เราขับ
และเราขับรถดูสถานการณ์ค่ะ ถ้าบนถนนเส้นที่รถเยอะๆ เราไม่ได้ขับชิลนะคะ
เราก็ซิ่งไม่แพ้ใคร แต่ยังเคารพกฎ และไม่ได้หมายความว่าจะขับเลนซ้ายเสมอในสถานการณ์นี้
เพราะบางทีรถใหญ่ๆมาทางซ้าย เราก็ต้องซิ่งหลบให้เค้าค่ะ
ขับเร็วเมื่อรถหลังตามมาเร็วและพยายามขับหลบเพื่อให้เค้าไปก่อนเสมอค่ะ
เล่าสู่กันฟัง จากคนที่ขี่รถจักรยานยนต์
เราทำถูกกฎระเบียบจราจรเสมอ ทั้งสวมหมวก เปิดไฟหน้า เปิดไฟเลี้ยว ซ้าย ขวา ขับขี่เลนรถจักรยานยนต์
ประกอบกับเป็นคนที่ขี้ตกใจ
หลายๆ ครั้งที่เราทำถูกกฎจราจร เราขี่รถในเลนที่ถูกต้อง
แต่ๆๆๆๆ รถยนต์ รถเมล์ รถบัส รถตู้ รถอะไรก็ได้ที่ล้อมันมีมากกว่าตู ชอบบีบแตรใส่
เราดูกระจกด้านข้างเสมอว่ามีรถอะไรตามมา ขับเร็วมั้ย หรือจะเลี้ยวซ้ายเพื่อจอดหรือเปล่า
รถพวกนั้นเห็นเราเป็นอะไรนะ ทั้งๆที่เราก็เห็นนะว่าขับตามหลังมา เราทำใจเตรียมไว้แล้วล่ะ พอใกล้รถเราเท่านั้นแหละ
รถเราเกือบจะล้ม เพราะความตกใจ สะดุ้ง ที่มาบีบแตรใส่โสตประสาทในระยะประชิด ขนาดว่าเตรียมใจแล้วนะ
บีบหา...... หรอคะ
เราก็เออ นึกว่าคุณพี่เค้าจะจอดข้างหน้า ก็เปล่าค่ะ ขับตรงในเส้นทางปกติ
เห้ยยยยย เราก็ขี่ของเราดีๆ ไม่ได้ขับส่ายไปมา ไม่ได้คิดจะไปเลนอื่น แล้วคุณพี่บีบหา.... ทำไม
แต่ในใจเราไม่ได้ด่าเค้าแบบนั้นหรอกค่ะ หวังว่าคุณคงรู้
และเป็นบ่อยมาก เราไม่ได้ขับช้าเป็นเต่าด้วย ขับชิลเรื่อยๆ ก็ 50 ขับเร็วๆ ก็ 80-100 ซึ่งรักษากฎเสมอ
ไม่มีอะไรค่ะ แค่เล่าให้ฟัง
ล่าสุด 5 ธันวา เราขับเลนจักรยานยนต์ค่ะ คงเป็นกรรมของเรา หลังจากไปจุดเทียนชัยถวายพระพร
ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ รถบัสคันขนาดกลางขับมายังไงไม่ทราบได้ ไม่บีบแตรด้วย (แน่ะ จะว่าเราด่าคนบีบแตร พอเค้าไม่บีบแตรก็ว่าอีก เออ..นะ)
มาเกี่ยวรถจักรยานยนต์ที่เราขับแบบชิลมากๆ (ชิลเรื่อยๆ กับชิลมากๆ ต่างกันนะคะ)
ล้มลงหัวฟาดพื้น ดีที่เราใส่หมวกกันน็อค ลงไปนอนวัดพื้นถนนอยู่หน้าปั๊ม ปตท. เห็นรถกลิ้งไปตามสายตา
ตั้งสติ ลุกขึ้นนั่งทันทีค่ะ สิ่งแรกที่ทำคือ ปิดกระโปรงค่ะ กระโปรงเปิดอ้าซ่าเลยค่ะ เีรานั่งในท่าพับเพียบแบบกุลสตรี
มึน งง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลเมืองดีเข้ามาช่วยกันค่ะ ส่วนคนขับ ก็ขับต่อไปปกติ เราไม่รู้ว่าเค้าหนี หรือเค้าอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำเราล้ม
ขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัยด้วยค่ะ เค้าไปส่งเราที่โรงพยาบาล และรอรับกลับมาส่งที่หอพัก รถเราเค้าก็ขี่กลับมาให้ด้วย
เราไม่เป็นอะไรมากค่ะ หัวเข่าถลอกใหญ่ๆ ทั้งสองข้าง แผลที่เท้านิดหน่อย หัวไหล่อีกข้าง มือเขียวช้ำ
ผ่านไปประมาณ 4 วัน เราพึ่งบอกคนที่บ้านค่ะ ไม่อยากให้เค้าเป็นห่วง โดนสวดเลยค่ะ ว่าไม่ยอมบอกใคร
หลังจากนั้นเราก็ต้องไปล้างแผลที่คลีนิคทุกวันด้วยเงินตัวเอง เซ็งง่ะ เบิกไม่ได้สักบาทเลยค่ะ ใช้ประกันของธนาคาร
เราล้างแผลเองไม่ได้ค่ะ เพราะเราอยู่คนเดียว อยู่ต่างจังหวัด ไกลบ้านมากๆ
มีญาติที่นี่ แต่ว่าเราไม่อยากรบกวนใคร และเราก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปล้างแผลเองคนเดียว ในเวลาที่พี่ๆที่ทำงานเค้าไม่ว่างกัน
เราไม่ได้เอาเรื่องคนขับรถค่ะ เราหวงรถเรามากกว่า ไม่อยากให้โดนยกไปเก็บที่โรงพัก
เล่าจบแล้วค่ะ จากไป อยู่เงียบๆ คนเดียว
ขอบอกไว้ก่อนว่า เราไม่ได้ขับรถใจลอยค่ะ เราดูรถที่ตามมาเสมอ แม้จะเห็นแล้ว
แต่การที่ขับมาข้างๆ ย้ำว่าข้างๆรถเรานะคะ แล้วเค้าถึงจะบีบแตร
ยิ่งเป็นแตรรถใหญ่แล้ว อยู่ระยะประชิด ไม่สะดุ้งก็แปลกแล้วค่ะ สำหรับเรานะ
เราไม่ได้บ้าจี้ถึงขนาดต้องสะดุ้งกับเสียงบีบแตรรถทุกคันบนถนนนะคะ
แต่การขับมาข้างๆ เพื่อบีบแตรใส่ เพื่ออออ
ก็เหมือนเวลามีคนมาตะโกนใส่หูคุณอ่ะค่ะ ตกใจมั้ยคะ
บางทีเรารู้สึกเหมือนแกล้งกันเลยค่ะ
ชิลเรื่อยๆ กับชิลมากๆ ของเราไม่ได้หมายความว่าขับไม่ดูรถดูรานะคะ แต่มันคือความเร็วที่เราขับ
และเราขับรถดูสถานการณ์ค่ะ ถ้าบนถนนเส้นที่รถเยอะๆ เราไม่ได้ขับชิลนะคะ
เราก็ซิ่งไม่แพ้ใคร แต่ยังเคารพกฎ และไม่ได้หมายความว่าจะขับเลนซ้ายเสมอในสถานการณ์นี้
เพราะบางทีรถใหญ่ๆมาทางซ้าย เราก็ต้องซิ่งหลบให้เค้าค่ะ
ขับเร็วเมื่อรถหลังตามมาเร็วและพยายามขับหลบเพื่อให้เค้าไปก่อนเสมอค่ะ