ไทยคม ระบุขณะนี้มี ไทยคม5,6 78.5องศาตะวันออก//ไทยคม 7 120องศาตะวันออก(ในวงโคจรเดียวกับจีนแบ่งคนละครึ่ง)ไทยคม 8 กำลังขอ

17 กุมภาพันธ์ 2557 ไทยคม ระบุขณะนี้มี ไทยคม 5 และไทยคม 6 ที่ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก ไทยคม 7 มีคิวยิงขึ้นสู่วงโคจรที่ 120 องศาตะวันออก มิ.ย.นี้ (ในวงโคจรเดียวกับจีนแบ่งคนละครึ่ง ) ไทยคม 8 กำลังขอ ICTและกสทช. ในตำแหน่ง 78.5

ประเด็นหลัก



มีไอพีสตาร์ให้บริการโทรคมนาคม อยู่ที่ตำแหน่ง 119.5 องศาตะวันออก ครอบคลุม 14 ประเทศเอเชีย-แปซิฟิก มีไทยคม 5 และไทยคม 6 ที่ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก ครอบคลุมอินโดจีนและแอฟริกา

ส่วนไทยคม 7 มีคิวยิงขึ้นสู่วงโคจรที่ 120 องศาตะวันออก มิ.ย.นี้ ครอบคลุมพื้นที่ในไทย อินโดจีน และเอเชียใต้

ขณะนี้ไทยคมได้ขออนุมัติทางกระทรวงไอซีที เพื่อขอยื่นไฟลิ่ง (แจ้งความจำนงในการใช้วงโคจรดาวเทียม) กับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) สำหรับไทยคม 8 ในตำแหน่ง 78.5

เพิ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว จากความต้องการใช้ดาวเทียมด้านบรอดแคสต์ที่มากขึ้น ทั้งช่องทีวีดาวเทียมที่เพิ่มขึ้น การเกิดขึ้นของ 36 ช่องทีวีดิจิทัล และเทรนด์การรับชมทีวี HD ที่ต้องใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมมากกว่าช่อง SD ถึง 3 เท่า ซึ่งดาวเทียมที่มีอยู่ ช่องสัญญาณในไทยเต็มหมดแล้ว

แม้กลางปีนี้จะยิงดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นแล้วและจะย้ายทราฟฟิกด้านโทรคมนาคมของไทยคม 5 และ 6 มาใช้บนไทยคม 7 แต่ก็ทำให้ช่องสัญญาณด้านบรอดแคสต์ เพิ่มขึ้นแค่ 10% ไม่พออยู่ดี


วงโคจรเป็นทรัพยากรของมนุษยชาติที่ต้องใช้งานร่วมกัน เป็นสมบัติของชาติที่ต้องรักษาไว้ แต่ตำแหน่งที่ 120 องศา จีนมีสิทธิใช้งานด้วยอยู่แล้ว การสร้างและแบ่งกันใช้ดีกว่าสร้างมาให้เหลือเกินความต้องการ



ข่าวที่เกี่ยวข้อง
15 กุมภาพันธ์ 2557 (บทความ) ไขปริศนาไทยคม 8 ไม่ต้องประมูล // ระบุโดยไทยคมมีสิทธิ์ใช้วงโคจร 4 ตำแหน่ง อีก2ไม่ได้ใช้เหตุต้องใช้งบลงทุนสูงในการสร้างสถานีรับส่งภาคพื้นดินในบริเวณกลางทะเล ( ICTเร่งขอวงโคจร 78.5 องศาตะวันออก (หรือใกล้เคียง) แข่งกับ รัสเซีย จีน อินเดีย มาเลเซีย )
http://magawn19.blogspot.com/2014/03/15-2557-8-4-2-ict-785.html












http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1395036082

______________________________________



"ไทยคม" เคลียร์ปมประมูลคลื่น เรื่องของตำแหน่งวงโคจรและใบอนุญาต


ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง กรณีธุรกิจดาวเทียม หลังจากนักวิชาการนักกฎหมายหยิบมาตรา 45 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 (กสทช.) ที่ระบุว่า การจัดสรรคลื่นความถี่ต้องใช้การ "ประมูล"

แต่ทำไมในร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการอนุญาต และเงื่อนไขการประกอบกิจการโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมสื่อสาร พ.ศ. ...จึงกำหนดให้ประมูลเฉพาะผู้ให้บริการอัพลิงก์ดาวน์ลิงก์ แต่ผู้ให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียม เช่น "ไทยคม" ไม่เข้าข่าย

"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสคุยกับ "เอกชัย ภัคดุรงค์" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานกิจการองค์กร บมจ.ไทยคม ดังนี้



- ปัจจุบันมีดาวเทียมกี่ดวง

มีไอพีสตาร์ให้บริการโทรคมนาคม อยู่ที่ตำแหน่ง 119.5 องศาตะวันออก ครอบคลุม 14 ประเทศเอเชีย-แปซิฟิก มีไทยคม 5 และไทยคม 6 ที่ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก ครอบคลุมอินโดจีนและแอฟริกา

ส่วนไทยคม 7 มีคิวยิงขึ้นสู่วงโคจรที่ 120 องศาตะวันออก มิ.ย.นี้ ครอบคลุมพื้นที่ในไทย อินโดจีน และเอเชียใต้

ขณะนี้ไทยคมได้ขออนุมัติทางกระทรวงไอซีที เพื่อขอยื่นไฟลิ่ง (แจ้งความจำนงในการใช้วงโคจรดาวเทียม) กับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) สำหรับไทยคม 8 ในตำแหน่ง 78.5

เพิ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว จากความต้องการใช้ดาวเทียมด้านบรอดแคสต์ที่มากขึ้น ทั้งช่องทีวีดาวเทียมที่เพิ่มขึ้น การเกิดขึ้นของ 36 ช่องทีวีดิจิทัล และเทรนด์การรับชมทีวี HD ที่ต้องใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมมากกว่าช่อง SD ถึง 3 เท่า ซึ่งดาวเทียมที่มีอยู่ ช่องสัญญาณในไทยเต็มหมดแล้ว

แม้กลางปีนี้จะยิงดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นแล้วและจะย้ายทราฟฟิกด้านโทรคมนาคมของไทยคม 5 และ 6 มาใช้บนไทยคม 7 แต่ก็ทำให้ช่องสัญญาณด้านบรอดแคสต์ เพิ่มขึ้นแค่ 10% ไม่พออยู่ดี

จึงยื่นขอไฟลิ่งไทยคม 8 ในตำแหน่ง 78.5 องศาเพิ่ม ทำเป็นดาวเทียมบรอดแคสต์ แต่อีกราว 2 ปี ถึงให้บริการได้

- ต้องยื่นขอไฟลิ่งใหม่

การยื่นไฟลิ่งกับ ITU คือ 1 ไฟลิ่งต่อ 1 ดาวเทียม แม้ไทยได้สิทธิในตำแหน่ง 78.5 มาแล้ว แต่ถ้าจะยิงดวงใหม่เพิ่มก็ต้องยื่นใหม่ ซึ่งกระทรวงไอซีทีให้ส่งไฟลิ่งไปแล้ว แม้บริษัทจะยังไม่ได้ใบอนุญาตระกอบกิจการสำหรับไทยคม 8 จาก กสทช. แต่ปัญหาของไทยคม 8 ตอนนี้คือ กสทช. ยังไม่ได้ให้ใบอนุญาต กลายเป็นว่ายังไม่ได้รับรองสถานะในการประสานวงโคจร กระบวนการไฟลิ่งเลยชะงัก

ที่กังวลคือ ในตำแหน่งนี้ มีหลายประเทศยื่นไฟลิ่งด้วย ที่น่ากลัวคือจีน รัสเซีย อินเดีย มาเลเซีย ถ้าไทยยังช้ายิ่งเสียเปรียบ

ถ้าไม่ได้รับใบอนุญาตภายในเดือน 2 เดือนนี้ โอกาสที่ประเทศอื่นจะแซงก็มีสูง

ถ้าไทยไม่ได้สิทธิยิงดาวเทียมใหม่ในตำแหน่งนี้ ผลกระทบจะเกิดเป็นลูกโซ่ ทั้งการขาดแคลนช่องสัญญาณดาวเทียม ผู้ประกอบการทีวีต้องไปใช้ดาวเทียมของต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้มีการกำกับดูแลจากรัฐ ไม่มีไลเซนส์ ไม่ได้เสียภาษีให้รัฐ

ในมุมผู้ประกอบการ ผู้บริโภคต้องยุ่งยากในการหมุนจานดาวเทียมไปในทิศทางใหม่เพื่อรับสัญญาณ

- กทค.ไม่ฟันธงเพราะวงโคจรอยู่ใต้สัมปทาน

เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน ไฟลิ่งแต่ละครั้งเป็นของดาวเทียมแต่ละดวง ตำแหน่ง 78.5 ไม่ใช่สิทธิของไทยเท่านั้น ใครเข้ามาส่งก็ได้ ใน 1 ตำแหน่งวงโคจรมีดาวเทียมได้หลายดวง สูงสุดเท่าที่เคยเห็นคือ 6 ดวงในตำแหน่งเดียวกัน

เท่าที่ทราบ กระทรวงไอซีทีทำหนังสือชี้แจงไปที่ กทค. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม) แล้วว่า ตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.กสทช.ไม่สามารถให้สัมปทานใหม่ได้อีกแล้ว การกำกับดูแลต่าง ๆ ไปอยู่ในระบบใบอนุญาตภายใต้กำกับ กสทช.แล้ว

ย้อนไปสมัยแรกที่มีสัมปทานดาวเทียม ปี 2534 ไทยคมได้สิทธิในการเป็นผู้ประกอบกิจการ ณ เวลานั้น รัฐบาลไทยยื่นขอไฟลิ่งไป 4 วงโคจร และตลอด 20 ปีที่ไทยคมได้ยื่นขอไฟลิ่งเพิ่มอีก 24 ตำแหน่ง ตอนนี้ไทยมีสิทธิทั้งหมด 6 ตำแหน่ง มีที่ใช้ได้จริงแค่ 78.5 องศา 119.5 องศา 120 องศา ที่เหลือคือ 50.5 องศาตะวันออก 126 และ 142 องศาตะวันออก 2 ตำแหน่งหลังอยู่ในตำแหน่งที่หมดโอกาสใช้อะไรได้ ส่วน 50.5 องศาได้ลากดาวเทียมมารักษาสิทธิไว้แล้ว แต่ถ้าจะใช้งานได้จริง ต้องเจรจาประสานงานกับดาวเทียมข้างเคียงให้สำเร็จก่อน

ฉะนั้นถ้าพูดในภาพรวมแล้ว วงโคจรดาวเทียมของประเทศที่เคยมีในระบบสัมปทานไม่ได้มีอยู่แล้ว และประเทศได้เปลี่ยนจากระบบสัมปทานสู่ระบบใบอนุญาตแล้ว

- กฎหมายระบุจัดสรรด้วยการประมูล

กิจการดาวเทียมไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาประมูลได้ โดยเฉพาะส่วนที่อยู่บนอวกาศ เพราะ ITU เป็นผู้ดูแลอยู่และเป็นสิ่งที่ต้องแสวงหาเพื่อจะได้มาใช้ ไม่ใช่มีอยู่แล้วเหมือนคลื่นความถี่ในประเทศที่จัดสรรด้วยการประมูลได้ และรัฐธรรมนูญของไทย และ พ.ร.บ.กสทช. คือผู้กำหนดให้ต้องประมูล ซึ่งไม่ควรใช้กับคลื่นหรือวงโคจรที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับของไทย

- ITU กำหนดคลื่นความถี่ที่ใช้กับดาวเทียม

ในการยื่นขอไฟลิ่งกับ ITU ต้องทำในนามตัวแทนประเทศ อย่างไทยคือกระทรวงไอซีที แต่คนที่จะรู้ดีว่าตลาดไหนมีดีมานด์ ต้องการอะไรคือโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการ ซึ่งต้องนำข้อมูลไปออกแบบดาวเทียมให้มีสเป็กรองรับความต้องการของตลาด แล้วให้รัฐบาลเป็นคนยื่นไฟลิ่งให้ คลื่นความถี่มาพร้อมวงโคจรดาวเทียมที่ยื่นไฟลิ่งไป โดยย่านคลื่นที่จะใช้เพื่อไม่ให้ดาวเทียมกวนกันเกิดจากการประสานงานที่โอเปอเรเตอร์จะคุยกันแล้วส่งให้รัฐบาลของตัวเองเป็นผู้รับรองให้กลายเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ

- รัฐเป็นคนระบุว่าจะให้ใช้คลื่นไหน

แต่คลื่นที่ใช้สำหรับควบคุมและบริหารดาวเทียม กสทช.ตีความว่าไม่ใช่คลื่นความถี่ที่ใช้เพี่อการประกอบกิจการ เพราะใช้ส่งคำสั่งสื่อสารภายในระบบเท่านั้น

ไม่ได้เป็นการใช้คลื่นส่งทราฟฟิกหรือมีเดียที่เป็นการให้บริการทั่วไปจึงไม่ต้องจัดสรรด้วยการประมูล ถือเป็นคลื่นวิทยุคมนาคมที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และถ้าต้องประมูลจริง ๆ ก็ถามว่าใครจะมาประมูลคลื่นแข่ง ในเมื่อเป็นคลื่นที่ใช้สำหรับดาวเทียมของเราเท่านั้น

ส่วนการใช้คลื่นสำหรับอัพลิงก์ดาวน์ลิงก์ของสถานีดาวเทียมภาคพื้นดิน เป็นการใช้คลื่นในประเทศ จึงเลี่ยงจะประมูลไม่ได้ แม้ทุกเจ้าจะแชร์ใช้คลื่นร่วมกันได้ และให้สิทธิขาดในคลื่นกับใครไม่ได้ก็ตาม จึงต้องออกแบบให้เป็นการประมูลสิทธิในการใช้คลื่น เหมือนจัดประมูลทีวีดิจิทัล ที่ไม่ใช่ประมูลคลื่นความถี่ แต่เป็นการประมูลสิทธิในการได้ช่อง

- จัดประมูลสิทธิในการเป็นผู้ให้บริการ

จะประมูลก็ต่อเมื่อเป็นคลื่นความถี่ แต่บนสเปซ ผมไม่ได้เห็นด้วยว่าเป็นคลื่นอย่างเดียว มีสารพัดที่ต้องนำไปรวมกันเพื่อยื่นเป็นเอกสารไฟลิ่ง ทั้งสเป็กดาวเทียมฯลฯ ที่ได้มาด้วยการเจรจาเพื่อให้ได้สิทธิมา ซึ่งยื่นไปจะได้หรือไม่ยังไม่รู้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว ส่วนสถานีภาคพื้นดินนั้นเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าจะมาบอกให้ต้องประมูลทั้งสเปซและเอิร์น ก็ตายกันพอดี

ถ้าจะประมูลเพื่อให้เปิดเสรี กิจการดาวเทียมก็เปิดเสรีอยู่แล้วด้วยระบบใบอนุญาต กสทช.ต้องให้ใบอนุญาตกับทุกรายที่มีคุณสมบัติครบ หรือหากต้องการให้เกิดการแข่งขัน ตอนนี้ดาวเทียมต่างประเทศเข้ามาให้บริการในไทยอยู่แล้ว สัญญาณดาวเทียมข้ามพรมแดนได้ ไม่มีใครสามารถผูกขาดได้

- วงโคจรเป็นสมบัติชาติแต่ไทยคม 7 แบ่งครึ่งกับจีน

วงโคจรเป็นทรัพยากรของมนุษยชาติที่ต้องใช้งานร่วมกัน เป็นสมบัติของชาติที่ต้องรักษาไว้ แต่ตำแหน่งที่ 120 องศา จีนมีสิทธิใช้งานด้วยอยู่แล้ว การสร้างและแบ่งกันใช้ดีกว่าสร้างมาให้เหลือเกินความต้องการ

การสร้างดาวเทียมร่วมกันทำให้จีนช่วยลากดาวเทียมมารักษาสิทธิวงโคจรไว้ให้ด้วย

- ไทยคมมีเจ้าของเป็นสิงคโปร์

ยืนยันว่าเราเป็นบริษัทไทย เทมาเส็กถือหุ้นในชินคอร์ป 40% ชินคอร์ปมาถือหุ้นในไทยคม 40% เมื่อคำนวณแล้วเท่ากับสิงคโปร์มีหุ้นในเราแค่ 16% เข้าใจว่าคงต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับสาธารณะต่อไปอีกนาน พอ ๆ กับประเด็นการเมืองที่มักโดนโยงเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องทำใจแม้จะอึดอัดอยู่บ้าง


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1395036082
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่