คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อนุโมทนา
ครั้งหนึ่งตอนผมจะบวช ก็หาอ่านเหมือนกันครับ
ข้อความที่ได้มาผมคัดลอกจากเวปทั้งสิ้น
บทท่องคำขานนาค
(คำบาลี-แปล)
คำวันทาสีมา , คำวันทาพระประธาน
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ข้าพระพุทธเจ้าขอวโรกาส กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
ข้าพระพุทธเจ้าสร้างบุญอะไรไว้ ขอพระองค์ผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
พระองค์ทรงบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงประทานแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
ข้าพระพุทธเจ้า ขออนุโมทนาบุญ.
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
(กราบ ๑ ครั้ง ประนมมือ กล่าวว่า)
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง,
ข้าพระพุทธเจ้าขอวโรกาส ที่ได้พลั้งพลาดด้วย กาย วาจา ใจ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
( กราบ ๑ ครั้ง แล้วยืนขึ้น ประนมมือ กล่าวว่า)
วันทามิ ภันเต,
ข้าพระพุทธเจ้า กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
ข้าพระพุทธเจ้าสร้างบุญอะไรไว้ ขอพระองค์ผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
พระองค์ทรงบำเพ็ญบุญอะไร พึงประทานแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
ข้าพระพุทธเจ้า ขออนุโมทนาบุญ
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กราบ ๓ ครั้ง)
คำขอบรรพชา
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ขอโอกาส กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ,
กระผม ขออนุโมทนาบุญ,
อุกาสะ การุญญัง กัตวา,
ขอโอกาส ขอท่านโปรดอนุเคราะห์,
ปัพพัชชัง เทถะ เม ภันเต
ให้การบรรพชา แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
อะหัง ภันเต , ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ท่านขอรับ กระผมขอบรรพชา
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต , ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ท่านขอรับ กระผมขอบรรพชา แม้ครั้งที่สอง
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต , ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ท่านขอรับ กระผมขอบรรพชา แม้ครั้งที่สาม
( สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ,
นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ , อิมัง กาสาวัง คะเหตวา,
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาทายะ. )
ขอท่านโปรดอนุเคราะห์ รับผ้ากาสาวะนี้ ให้กระผมบวช
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดออกจากทุกข์ทั้งปวงเถิด ขอรับ
(กล่าว ๓ หน)
( สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ,
นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ , เอตัง กาสาวัง ทัตวา,
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาทายะ. )
ขอท่านโปรดอนุเคราะห์ ให้ผ้ากาสาวะนั้น ให้กระผมบวช
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดออกจากทุกข์ทั้งปวงเถิด ขอรับ
(กล่าว ๓ หน)
มูลกัมมัฏฐาน
เกสา, โลมา, นะขา, ทันตา, ตะโจ, (อนุโลม)
ผม,ขน,เล็บ,ฟัน,หนัง (ตามลำดับ)
ตะโจ, ทันตา, นะขา, โลมา, เกสา. (ปฏิโลม)
หนัง,ฟัน,เล็บ,ขน,ผม (ทวนลำดับ)
คำขอสรณคมน์ และศีล
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ขอโอกาส กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ,
อุกาสะ การุญญัง กัตวา
ขอโอกาส ขอท่านโปรดอนุเคราะห์,
ติสะระเณนะ สะหะ สีลานิ เทถะ เม ภันเต
ให้สรณคมน์ และศีล แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ,
กระผมขอสรณคมน์ และศีล ขอรับ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ,
กระผมขอสรณคมน์ และศีล แม้ครั้งที่สอง ขอรับ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ.
กระผมขอสรณคมน์ และศีล แม้ครั้งที่สาม ขอรับ
พระอาจารย์ กล่าวคำนมัสการพระรัตนตรัย ให้นาคธรรมทายาทกล่าวตาม ดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส
ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง
(กล่าว 3 หน)
พระอาจารย์ กล่าวว่า ยะมะหัง วะทามิ ตัง วะเทหิ "เธอ จงกล่าวตามเรา"
ให้นาคธรรมทายาท กล่าวรับว่า อามะ ภันเต " ขอรับ กระผม"
จากนั้นพระอาจารย์จะให้สรณคมน์ และศีล ให้นาคธรรมทายาทกล่าวตามทีประโยค ดังนี้
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สอง
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สอง
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สอง
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สาม
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สาม
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉาม
กระผม ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สาม
พระอาจารย์ กล่าวว่า ติสะระณะคะมะนัง นิฎฐิตัง "ไตรสรณคมน์ จบแล้ว"
ให้สามเณรธรรมทายาท กล่าวรับว่า อามะ ภันเต "ขอรับ กระผม"
เมื่อรับไตรสรณคมน์จบถือได้ว่านาคธรรมทายาทได้เป็นสามเณรโดยสมบูรณ์
แต่สามเณรต้องรักษาศีล๑๐ ดังนั้นพระอาจารย์จะกล่าวนำให้สมาทานศีล ทีละตอน
ให้สามเณรกล่าวตาม ดังนี้
ศีล ๑๐
๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ฆ่าสัตว์
๒. อะทินนาทานา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้
๓. อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ประพฤติ ไม่ประเสริฐ ( เสพเมถุน )
๔. มุสาวาทา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ พูดเท็จ
๕. สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี,
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ดื่มน้ำเมาคือสุรา และเมรัย
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๖. วิกาละโภชะนา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ บริโภคอาหาในเวลาวิกาล
๗. นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนา เวระมะณี,
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ฟ้อนรำขับร้องประโคม
และดูการละเล่น
๘. มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ
วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ
ทัดทรงดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้
๙. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี,
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบทงดเว้นจากการนอนบนที่นอนสูงที่นอนใหญ่
๑๐. ชาตะรูปะ ระชะตะ ปะฏิคคะหะณา เวระมะณี,
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการรับทอง และเงิน
พระอาจารย์ กล่าวนำว่า อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ.
(กระผม ขอสมาทานสิกขาบท ๑๐ นี้ )
ให้สามเณรธรรมทายาท กล่าวตาม ดังนี้
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ. (กล่าว ๓ หน)
กระผมขอสมาทานสิกขาบท ๑๐ นี้
(กราบ ๓ ครั้ง แล้วยืนขึ้น ประนมมือ กล่าวว่า)
วันทามิ ภันเต,
กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ.
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กราบ ๓ครั้ง)
คำขอนิสสัย
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ขอโอกาส กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ,
อุกาสะ การุญญัง กัตวา
ขอโอกาส ขอท่านโปรดอนุเคราะห์,
นิสฺสะยัง เทถะ เม ภันเต,
ให้นิสสัย แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
กระผม ขอนิสสัย ขอรับ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
กระผม ขอนิสสัย แม้ครั้งที่สอง ขอรับ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
กระผม ขอนิสสัย แม้ครั้งที่สาม ขอรับ
อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ.
ขอท่านเป็นอุปัชฌาย์ ของกระผมเถิด ขอรับ
(กล่าว ๓ หน)
พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า สามเณรกล่าวรับว่า
ปะฏิรูปัง สาธุ ภันเต
สมควร ดีละ ขอรับ
โอปายิกัง สาธุ ภันเต
ชอบแก่อุบาย ดีละ ขอรับ
ปาสาทิเกนะ สัมปาเทถะ สาธุ ภันเต
จงยังความปฏิบัติให้ถึงพร้อมด้วยอาการ-
อันน่าเลื่อมใส ดีละ ขอรับ
จากนั้น ให้สามเณรกล่าวต่อไปว่า
อัชชะตัคเคทานิ เถโร, มัยหัง ภาโร, อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร.
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พระเถระย่อมเป็นภาระของกระผม,
แม้กระผมย่อมเป็นภาระของพระเถระ.
(กล่าว ๓ หน)
(กราบ ๓ ครั้ง แล้วยืนขึ้น ประนมมือ กล่าวว่า)
วันทามิ ภันเต,
กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ.
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กราบ ๓ ครั้ง)
บทให้พร
อนุโมทนารัมภคาถา
ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาคร ให้บริบูรณ์ได้ ฉันใด
ทานที่ท่านอุทิศให้แล้ว แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จ ประโยชน์ แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น
ขออิฏฐิผล ที่ท่านปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยเร็วพลัน
ขอความดำริทั้งปวง จงเต็มที่ เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี ฯ
สามัญญานุโมทนาคาถา
ความ
ทั้งปวง จงบำราศไป โรคทั้งปวง (ของท่าน) จงหายไป
อันตรายอย่ามีแก่ท่าน ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน
ความ
ทั้งปวง จงบำราศไป โรคทั้งปวง (ของท่าน) จงหายไป
อันตรายอย่ามีแก่ท่าน ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน
ความ
ทั้งปวง จงบำราศไป โรคทั้งปวง (ของท่าน) จงหายไป
อันตรายอย่ามีแก่ท่าน ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน
ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้
มีปกติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญเป็นนิตย์
โภชนทานานุโมทนาคาถา
ผู้มีอายุปัญญา ให้อายุ ให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ปฏิภาณ
ผู้มีปัญญาให้ความสุข ท่านย่อมประสพสุข
บุคคลให้อายุ พละ วรรณะ สุขะ และปฏิภาณ
บังเกิดในที่ใดๆ ย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ดังนี้แลฯ
มงคลจักรวาฬน้อย
ด้วยอานุภาพของพระรัตนตรัย ด้วยเดชของพระรัตนตรัย
ทุกข์ โรคภัย และเวรทั้งปวง ความโศก ศัตรู และอุปัทวะทั้งหลาย
ทั้งอันตรายทั้งหลายเป็นเอนก จงพินาศไป
ความมีชำนะ ความสำเร็จ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง
สิริ อายุ และวรรณะ โภคะ ความเจริญ และความเป็นผู้มียศ
และอายุยืน ๑๐๐ ปี และความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่ จงมีแก่ท่าน
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธเจ้า ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ด้วยอำนาจแห่งพระธรรม ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ครั้งหนึ่งตอนผมจะบวช ก็หาอ่านเหมือนกันครับ
ข้อความที่ได้มาผมคัดลอกจากเวปทั้งสิ้น
บทท่องคำขานนาค
(คำบาลี-แปล)
คำวันทาสีมา , คำวันทาพระประธาน
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ข้าพระพุทธเจ้าขอวโรกาส กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
ข้าพระพุทธเจ้าสร้างบุญอะไรไว้ ขอพระองค์ผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
พระองค์ทรงบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงประทานแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
ข้าพระพุทธเจ้า ขออนุโมทนาบุญ.
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
(กราบ ๑ ครั้ง ประนมมือ กล่าวว่า)
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง,
ข้าพระพุทธเจ้าขอวโรกาส ที่ได้พลั้งพลาดด้วย กาย วาจา ใจ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
( กราบ ๑ ครั้ง แล้วยืนขึ้น ประนมมือ กล่าวว่า)
วันทามิ ภันเต,
ข้าพระพุทธเจ้า กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
ข้าพระพุทธเจ้าสร้างบุญอะไรไว้ ขอพระองค์ผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
พระองค์ทรงบำเพ็ญบุญอะไร พึงประทานแก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
ข้าพระพุทธเจ้า ขออนุโมทนาบุญ
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กราบ ๓ ครั้ง)
คำขอบรรพชา
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ขอโอกาส กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ,
กระผม ขออนุโมทนาบุญ,
อุกาสะ การุญญัง กัตวา,
ขอโอกาส ขอท่านโปรดอนุเคราะห์,
ปัพพัชชัง เทถะ เม ภันเต
ให้การบรรพชา แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
อะหัง ภันเต , ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ท่านขอรับ กระผมขอบรรพชา
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต , ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ท่านขอรับ กระผมขอบรรพชา แม้ครั้งที่สอง
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต , ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ท่านขอรับ กระผมขอบรรพชา แม้ครั้งที่สาม
( สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ,
นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ , อิมัง กาสาวัง คะเหตวา,
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาทายะ. )
ขอท่านโปรดอนุเคราะห์ รับผ้ากาสาวะนี้ ให้กระผมบวช
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดออกจากทุกข์ทั้งปวงเถิด ขอรับ
(กล่าว ๓ หน)
( สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ,
นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ , เอตัง กาสาวัง ทัตวา,
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต , อะนุกัมปัง อุปาทายะ. )
ขอท่านโปรดอนุเคราะห์ ให้ผ้ากาสาวะนั้น ให้กระผมบวช
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดออกจากทุกข์ทั้งปวงเถิด ขอรับ
(กล่าว ๓ หน)
มูลกัมมัฏฐาน
เกสา, โลมา, นะขา, ทันตา, ตะโจ, (อนุโลม)
ผม,ขน,เล็บ,ฟัน,หนัง (ตามลำดับ)
ตะโจ, ทันตา, นะขา, โลมา, เกสา. (ปฏิโลม)
หนัง,ฟัน,เล็บ,ขน,ผม (ทวนลำดับ)
คำขอสรณคมน์ และศีล
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ขอโอกาส กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ,
อุกาสะ การุญญัง กัตวา
ขอโอกาส ขอท่านโปรดอนุเคราะห์,
ติสะระเณนะ สะหะ สีลานิ เทถะ เม ภันเต
ให้สรณคมน์ และศีล แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ,
กระผมขอสรณคมน์ และศีล ขอรับ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ,
กระผมขอสรณคมน์ และศีล แม้ครั้งที่สอง ขอรับ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ.
กระผมขอสรณคมน์ และศีล แม้ครั้งที่สาม ขอรับ
พระอาจารย์ กล่าวคำนมัสการพระรัตนตรัย ให้นาคธรรมทายาทกล่าวตาม ดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส
ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง
(กล่าว 3 หน)
พระอาจารย์ กล่าวว่า ยะมะหัง วะทามิ ตัง วะเทหิ "เธอ จงกล่าวตามเรา"
ให้นาคธรรมทายาท กล่าวรับว่า อามะ ภันเต " ขอรับ กระผม"
จากนั้นพระอาจารย์จะให้สรณคมน์ และศีล ให้นาคธรรมทายาทกล่าวตามทีประโยค ดังนี้
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สอง
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สอง
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สอง
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สาม
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
กระผม ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สาม
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉาม
กระผม ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แม้ครั้งที่สาม
พระอาจารย์ กล่าวว่า ติสะระณะคะมะนัง นิฎฐิตัง "ไตรสรณคมน์ จบแล้ว"
ให้สามเณรธรรมทายาท กล่าวรับว่า อามะ ภันเต "ขอรับ กระผม"
เมื่อรับไตรสรณคมน์จบถือได้ว่านาคธรรมทายาทได้เป็นสามเณรโดยสมบูรณ์
แต่สามเณรต้องรักษาศีล๑๐ ดังนั้นพระอาจารย์จะกล่าวนำให้สมาทานศีล ทีละตอน
ให้สามเณรกล่าวตาม ดังนี้
ศีล ๑๐
๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ฆ่าสัตว์
๒. อะทินนาทานา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้
๓. อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ประพฤติ ไม่ประเสริฐ ( เสพเมถุน )
๔. มุสาวาทา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ พูดเท็จ
๕. สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี,
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ดื่มน้ำเมาคือสุรา และเมรัย
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๖. วิกาละโภชะนา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ บริโภคอาหาในเวลาวิกาล
๗. นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนา เวระมะณี,
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ ฟ้อนรำขับร้องประโคม
และดูการละเล่น
๘. มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ
วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการ
ทัดทรงดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้
๙. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี,
สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
กระผม ขอสมาทานสิกขาบทงดเว้นจากการนอนบนที่นอนสูงที่นอนใหญ่
๑๐. ชาตะรูปะ ระชะตะ ปะฏิคคะหะณา เวระมะณี,
กระผม ขอสมาทานสิกขาบท งดเว้นจากการรับทอง และเงิน
พระอาจารย์ กล่าวนำว่า อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ.
(กระผม ขอสมาทานสิกขาบท ๑๐ นี้ )
ให้สามเณรธรรมทายาท กล่าวตาม ดังนี้
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ. (กล่าว ๓ หน)
กระผมขอสมาทานสิกขาบท ๑๐ นี้
(กราบ ๓ ครั้ง แล้วยืนขึ้น ประนมมือ กล่าวว่า)
วันทามิ ภันเต,
กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ.
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กราบ ๓ครั้ง)
คำขอนิสสัย
อุกาสะ วันทามิ ภันเต,
ขอโอกาส กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ,
อุกาสะ การุญญัง กัตวา
ขอโอกาส ขอท่านโปรดอนุเคราะห์,
นิสฺสะยัง เทถะ เม ภันเต,
ให้นิสสัย แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า)
อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
กระผม ขอนิสสัย ขอรับ
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
กระผม ขอนิสสัย แม้ครั้งที่สอง ขอรับ
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
กระผม ขอนิสสัย แม้ครั้งที่สาม ขอรับ
อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ.
ขอท่านเป็นอุปัชฌาย์ ของกระผมเถิด ขอรับ
(กล่าว ๓ หน)
พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า สามเณรกล่าวรับว่า
ปะฏิรูปัง สาธุ ภันเต
สมควร ดีละ ขอรับ
โอปายิกัง สาธุ ภันเต
ชอบแก่อุบาย ดีละ ขอรับ
ปาสาทิเกนะ สัมปาเทถะ สาธุ ภันเต
จงยังความปฏิบัติให้ถึงพร้อมด้วยอาการ-
อันน่าเลื่อมใส ดีละ ขอรับ
จากนั้น ให้สามเณรกล่าวต่อไปว่า
อัชชะตัคเคทานิ เถโร, มัยหัง ภาโร, อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร.
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พระเถระย่อมเป็นภาระของกระผม,
แม้กระผมย่อมเป็นภาระของพระเถระ.
(กล่าว ๓ หน)
(กราบ ๓ ครั้ง แล้วยืนขึ้น ประนมมือ กล่าวว่า)
วันทามิ ภันเต,
กระผมขอกราบไหว้ท่าน ขอรับ,
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
ขอท่านได้โปรดอดโทษทั้งปวง แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
กระผมสร้างบุญอะไรไว้ ขอท่านผู้เป็นนายพึงอนุโมทนา,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง,
ท่านบำเพ็ญบุญอะไรไว้ พึงให้แก่กระผมด้วยเถิด ขอรับ,
สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
กระผม ขออนุโมทนาบุญ.
(นั่งคุกเข่า ประนมมือ กราบ ๓ ครั้ง)
บทให้พร
อนุโมทนารัมภคาถา
ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาคร ให้บริบูรณ์ได้ ฉันใด
ทานที่ท่านอุทิศให้แล้ว แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จ ประโยชน์ แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วได้ ฉันนั้น
ขออิฏฐิผล ที่ท่านปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยเร็วพลัน
ขอความดำริทั้งปวง จงเต็มที่ เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสวควรยินดี ฯ
สามัญญานุโมทนาคาถา
ความ

อันตรายอย่ามีแก่ท่าน ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน
ความ

อันตรายอย่ามีแก่ท่าน ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน
ความ

อันตรายอย่ามีแก่ท่าน ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืน
ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้
มีปกติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญเป็นนิตย์
โภชนทานานุโมทนาคาถา
ผู้มีอายุปัญญา ให้อายุ ให้กำลัง ให้วรรณะ ให้ปฏิภาณ
ผู้มีปัญญาให้ความสุข ท่านย่อมประสพสุข
บุคคลให้อายุ พละ วรรณะ สุขะ และปฏิภาณ
บังเกิดในที่ใดๆ ย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ดังนี้แลฯ
มงคลจักรวาฬน้อย
ด้วยอานุภาพของพระรัตนตรัย ด้วยเดชของพระรัตนตรัย
ทุกข์ โรคภัย และเวรทั้งปวง ความโศก ศัตรู และอุปัทวะทั้งหลาย
ทั้งอันตรายทั้งหลายเป็นเอนก จงพินาศไป
ความมีชำนะ ความสำเร็จ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง
สิริ อายุ และวรรณะ โภคะ ความเจริญ และความเป็นผู้มียศ
และอายุยืน ๑๐๐ ปี และความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่ จงมีแก่ท่าน
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธเจ้า ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ด้วยอำนาจแห่งพระธรรม ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
แสดงความคิดเห็น
แปล การบรรพชา อุปสมบท แบบอุกาสะ
อุกาสะ วันทามิ ภันเต, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง, สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ. ( นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า )
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต ( กราบ 1 ครั้ง ประนมมือ กล่าวว่า )
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
( กราบ 1 ครั้ง ยืนขึ้นประนมมือ กล่าวว่า )
วันทามิ ภันเต, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง, สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ.
( นั่งคุกเข่า ประนมมือ กราบ 3 ครั้ง )
2. คำขอบรรพชา
อุกาสะ วันทามิ ภันเต, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต,
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง,
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง, สาธุ สาธุ อนุโมทามิ,
อุกาสะ การุญญัง กัตวา, ปัพพัชชัง เทถะ เม ภันเต.
( นั่งคุกเข่า ประนมมือ กล่าวว่า )
อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ.
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ.
( สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ,
นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ, อิมัง กาสาวัง คะเหตวา,
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะ. ) กล่าว 3 จบ
( สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ,นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ, เอตัง กาสาวัง ทัตวา,
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะ. ) กล่าว 3 จบ
3. มูลกัมมัฏฐาน
เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ (อนุโลม)
ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา (ปฏิโลม)
4. คำขอสรณคมน์และศีล
อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ.
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ.
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิ.
พระอาจารย์กล่าวคำนมัสการพระรัตนตรัย ให้นาคกล่าวตาม
( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ )
กล่าว 3 จบ
พระอาจารย์กล่าวว่า “ยะมะหัง วะทามิตัง วะเทหิ”
ให้นาครับว่า “อามะ ภันเต”
จากนั้น พระอาจารย์ จะให้ สรณคมน์ และศีล
ให้นาคกล่าวตามดังนี้
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง
คัจฉามิ, ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง
คัจฉามิ, ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ.
พระอาจารย์กล่าวว่า “ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง”
ให้นำครับว่า “อามะ ภันเต”
พระอาจารย์จะกล่าวนำศีล 10 ให้กล่าวตามทีละบท
1. ปาณาติปาตา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
2. อะทินนาทานา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
3. อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
4. มุสาวาทา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
5. สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี,สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
6. วิกาละโภชะนา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
7. นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนา เวระมะณี,สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
8. มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
9. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี,สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
10. ชาตะรูปะ ระชะตะ ปะฏิคคะหะณา เวระมะณี,สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
( อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ )
กล่าว 3 จบ แล้วกราบ 3 ครั้ง
5. คำขอนิสัย
อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิ.
( อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ ) กล่าว 3 จบ
พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า สามเณรกล่าวรับว่า
ปะฏิรูปัง สาธุ ภันเต
โอปายิกัง สาธุ ภันเต
ปาสาทิเกนะ สัมปาเทถะ สาธุ ภันเต
เมื่อกล่าวรับจบ ให้สามเณรกล่าวต่อไปว่า
( อัชชะตัคเคทานิ เถโร, มัยหัง ภาโร, อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร )
กล่าว 3 จบ แล้วกราบ 3 ครั้ง'
6. คำบอกบริขาร
พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า สามเณรกล่าวรับว่า
อะยันเต ปัตโต อามะ ภันเต
อะยัง สังฆาฏิ อามะ ภันเต
อะยัง อุตตะราสังโฆ อามะ ภันเต
อะยัง อันตะระวาสะโก อามะ ภันเต
7. คำถามอันตรายิกธรรม
พระคู่สวดถาม สามเณรตอบ
กุฏฐัง นัตถิ ภันเต
คัณโฑ นัตถิ ภันเต
กิลาโส นัตถิ ภันเต
โสโส นัตถิ ภันเต
อะปะมาโร นัตถิ ภันเต
มะนุสโสสิ๊ อามะ ภันเต
ปุริโสสิ๊ อามะ ภันเต
ภุชสิ โสสิ๊ อามะ ภันเต
อะนะโณสิ๊ อามะ ภันเต
นะสิ๊ราชะภะโฏ อามะ ภันเต
อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ อามะ ภันเต
ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊ อามะ ภันเต
ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง อามะ ภันเต
กินนาโมสิ อะหัง ภันเต ...(1)...นามะ
โก นามะ เต อุปัชฌาโย อุปัชฌาโย เม ภันเต
อายัสมา....(2)....นามะ
(1) บอกฉายาของตนเอง (2) บอกฉายาของพระอุปัชฌาย์
8. คำขออุปสมบท
สังฆัมภันเต, อุปะสัมปะทัง ยาจามิ,
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ, อะนุกัมปัง อุปาทายะ.
ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง, อุปะสัมปะทัง ยาจามิ,
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ, อะนุกัมปัง อุปาทายะ.
ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง, อุปะสัมปะทัง ยาจามิ,
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ, อะนุกัมปัง อุปาทายะ.
9. คำขอขมา
อุกาสะ, ดังข้าพเจ้าทั้งหลายจะขอวโรกาส,
กราบลาพ่อแม่ญาติพี่น้อง, ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย,
เพื่อบรรพชาอุปสมบท ณ บัดนี้,
ตลอดระยะเวลา, ที่ต่างต้องเวียนว่ายตายเกิด,
ถือกำเนิดในวัฏฏสงสาร, หากข้าพเจ้าทั้งหลาย,
ได้ประพฤติผิดพลาดล่วงเกิน, ต่อท่านทั้งหลาย,
ในที่ต่อหน้าก็ดี, ในที่ลับหลังก็ดี,
ทั้งมีเจตนาก็ดี, ทั้งไม่มีเจตนาก็ดี,
ที่ระลึกได้ก็ดี, ที่ระลึกไม่ได้ก็ดี,
นับตั้งแต่ร้อยชาติพันชาติ, หมื่นชาติแสนชาติก็ดี,
ทั้งในปัจจุบันชาติก็ดี, ขอท่านทั้งหลาย,
โปรดอโหสิกรรม, งดความผิดทั้งหลายเหล่านั้น,
ให้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ผู้จะบรรพชาอุปสมบทในบัดนี้,
เพื่อความบริสุทธิ์, เพื่อความบริบูรณ์,
เพื่อความอยู่เป็นสุขในพรหมจรรย์, และเพื่อประโยชน์,
แก่การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย,
ในปัจจุบันชาตินี้ เทอญ ฯ