ณ ช่วงเวลาหนึ่งที่ กระแสดารา ขึ้นเวทีม็อบ กำลังเป็นที่นิยม ทั้งดารารุ่นใหม่ยันรุ่นเก่า ทั้งดาวรุ่ง ดาวร่วง ดาวดับ มาประดับกันเต็มเวที
แตงโม ภัทรธิดา ซึ่งในขณะนั้น กำลังเพาะบ่มความรักของดาราข้างถนน ได้ขึ้นเวที ราชดำเนิน ของ มวลหะมาประชาชนนับหมื่นล้านคน
คำพูด ที่ต่ำกว่าเศษสวะของแตงโม ถูกพ้นออกจากปากแตงโมหลายต่อหลายคำ เรียกเสียงนกหวีดได้อย่างถล่มทลาย กลาเป็นคนดีขึ้นมาทันใด
ผ่านไปไม่นาน คู่รักคนดีศรีสยาม ก็ถือโอกาสหมั้นเสมือนแต่ง จนสุดท้ายก็มายอมรับแล้วว่าอยู่กินกันฉันผัวเมียกันแล้ว
ชีวิตครู่ เอ้ยชีวิตคู่ของทั้งสอง ก็เดินมาถึงฉากที่ต้องมีการกระทบกระทั้งตบตีจิกหัวกันตามประสาละครไทย แต่ฉากนี้คู่ต่อสู้เธว์ไม่ใช่อีปูว์เลขเด็ดซะแล้ว
แต่เป็นคนทำงาน หาเช้ากินค่ำ ที่เรียกหน้าที่นี้กันว่า Artist Relation หรือ AR หรือแปลว่า ผู้ดูแลศิลปิน เนื้อหาประมาณว่าตำหนิถึงความผิดพลาดของเธอ
กระแสเกลียดแตงโม แบนโตโน่จึงเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ฉายาหนุ่มตี๋หิดของโตโน่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แม้จะถูกถอดออกจากโฆษณา
ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะขึ้นเวที หรือเพราะมีเมียที่ชื่อแตงโม จึงโดนถอด แต่ก็ช่างเหอะ ประเด็นวันนี้ที่อยากให้สังคมเรียนรู้คือ
แตงโมเองก็มีปัญหาด้านอารมณ์ การเข้าสังคมระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ด้วยอะไรมิทราบได้ เหล่ากองเชียร์ กปปส ต่างพากันชื่นชมพฤติกรรมคำพูด
ที่ต่ำ
ของเธอ จนกลายเป็นฮีโร่ของม็อบที่กล้าถึงเช่นนั้น หลักการเดียวกัน เมื่อเธอใช้คำพูดไม่ดีกับทีมงานที่ดูแลศิลปิน กลับกลายเป็นเรื่องผิด
บางคนอาจแย้งว่า ตอนขึ้นเวที ด่าคนเลวไม่ผิด ....หึ หึ มันทำให้ผมนึกถึง วาทะกรรมหนึ่งในช่วง 6 ตุลา ที่มีพระพูดว่าฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป
แต่ในเมื่อสังคมเคยตอบสนองแตงโมว่าการด่าด้วยคำพูดแรงแรงเป็นที่น่าชื่นชม เธอก็ไม่ผิดที่จะเรียนรู้ว่าเธอสามารถทำสิ่งคล้ายๆเดิมได้
ถึงตอนนี้ผมก็คิดว่าที่แตงโมทำแบบนี้กับ Artist Relation ของโตโน่ เธอก็ผิดจริง แต่สังคมก็ควรแบ่งรับความผิดกันไปด้วย(ใครก็แล้วแต่ที่ไปส่งเสริมเธอตอนที่ขึ้นเวที)
อันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกความในใจเท่านั้นเองว่า ในเมื่อตรรกะ การตัดสินเชื่ออะไร ชื่นชอบอะไร ในไม่ได้อิงตามหลักการ แต่ยึดตามความนิยมทางสังคม มันก็ยากที่จะหวังให้สังคมมันดีขึ้นได้ อันนี้พูดไปก็เหมือนจะเป็นเรื่องของดารา และการเมือง แต่ที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดเกือบทุกวงการ ค่านิยมผิดๆ การไหลตามกระแสสังคม มันช่างคาดเดาผลของมันยากส์จริงๆนะเออ
แตงมัว รัวๆ
ณ ช่วงเวลาหนึ่งที่ กระแสดารา ขึ้นเวทีม็อบ กำลังเป็นที่นิยม ทั้งดารารุ่นใหม่ยันรุ่นเก่า ทั้งดาวรุ่ง ดาวร่วง ดาวดับ มาประดับกันเต็มเวที
แตงโม ภัทรธิดา ซึ่งในขณะนั้น กำลังเพาะบ่มความรักของดาราข้างถนน ได้ขึ้นเวที ราชดำเนิน ของ มวลหะมาประชาชนนับหมื่นล้านคน
คำพูด ที่ต่ำกว่าเศษสวะของแตงโม ถูกพ้นออกจากปากแตงโมหลายต่อหลายคำ เรียกเสียงนกหวีดได้อย่างถล่มทลาย กลาเป็นคนดีขึ้นมาทันใด
ผ่านไปไม่นาน คู่รักคนดีศรีสยาม ก็ถือโอกาสหมั้นเสมือนแต่ง จนสุดท้ายก็มายอมรับแล้วว่าอยู่กินกันฉันผัวเมียกันแล้ว
ชีวิตครู่ เอ้ยชีวิตคู่ของทั้งสอง ก็เดินมาถึงฉากที่ต้องมีการกระทบกระทั้งตบตีจิกหัวกันตามประสาละครไทย แต่ฉากนี้คู่ต่อสู้เธว์ไม่ใช่อีปูว์เลขเด็ดซะแล้ว
แต่เป็นคนทำงาน หาเช้ากินค่ำ ที่เรียกหน้าที่นี้กันว่า Artist Relation หรือ AR หรือแปลว่า ผู้ดูแลศิลปิน เนื้อหาประมาณว่าตำหนิถึงความผิดพลาดของเธอ
กระแสเกลียดแตงโม แบนโตโน่จึงเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ฉายาหนุ่มตี๋หิดของโตโน่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แม้จะถูกถอดออกจากโฆษณา
ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะขึ้นเวที หรือเพราะมีเมียที่ชื่อแตงโม จึงโดนถอด แต่ก็ช่างเหอะ ประเด็นวันนี้ที่อยากให้สังคมเรียนรู้คือ
แตงโมเองก็มีปัญหาด้านอารมณ์ การเข้าสังคมระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ด้วยอะไรมิทราบได้ เหล่ากองเชียร์ กปปส ต่างพากันชื่นชมพฤติกรรมคำพูด
ที่ต่ำ
บางคนอาจแย้งว่า ตอนขึ้นเวที ด่าคนเลวไม่ผิด ....หึ หึ มันทำให้ผมนึกถึง วาทะกรรมหนึ่งในช่วง 6 ตุลา ที่มีพระพูดว่าฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป
แต่ในเมื่อสังคมเคยตอบสนองแตงโมว่าการด่าด้วยคำพูดแรงแรงเป็นที่น่าชื่นชม เธอก็ไม่ผิดที่จะเรียนรู้ว่าเธอสามารถทำสิ่งคล้ายๆเดิมได้
ถึงตอนนี้ผมก็คิดว่าที่แตงโมทำแบบนี้กับ Artist Relation ของโตโน่ เธอก็ผิดจริง แต่สังคมก็ควรแบ่งรับความผิดกันไปด้วย(ใครก็แล้วแต่ที่ไปส่งเสริมเธอตอนที่ขึ้นเวที)
อันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกความในใจเท่านั้นเองว่า ในเมื่อตรรกะ การตัดสินเชื่ออะไร ชื่นชอบอะไร ในไม่ได้อิงตามหลักการ แต่ยึดตามความนิยมทางสังคม มันก็ยากที่จะหวังให้สังคมมันดีขึ้นได้ อันนี้พูดไปก็เหมือนจะเป็นเรื่องของดารา และการเมือง แต่ที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดเกือบทุกวงการ ค่านิยมผิดๆ การไหลตามกระแสสังคม มันช่างคาดเดาผลของมันยากส์จริงๆนะเออ