[Liverpool] เบื่อลิเวอร์พูลมาก ... เป็นแบบนี้อีกแล้ว ... (ภาค 2)

ก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 วัน เราได้ลงขันพนันสกอร์เกมแดงเดือดกับเด็กผีคนนึงไว้
ต่างคนต่างเชื่อมันว่า ทีมตัวเองจะชนะ

หลายคนบอกว่า แดงเดือดมันไม่เดือดมาหลายปีแล้ว
แม้แต่เด็กผีเองก็ไม่ได้มองว่า ลิเวอร์พูลเป็นศัตรูเบอร์ 1 บนตารางการแข่งขันอีกต่อไป
พวกเขาให้ความสำคัญกับเกมดาร์บี้แมต เพื่อนร่วมเมืองมากกว่า
ที่ผ่านมาในช่วงหลายปีหลัง
ชัยชนะ เหนือซิตี้ มีค่าบนตารางคะแนนมากกว่า ชัยชนะเหนือทีมศัตรูข้างบ้าน

"แดงเดือด" มันก็แค่ แมตนึงที่เอาไว้บลัฟกันสนุกๆ เท่านั้น

เราจำได้.. ทุกครั้งที่กัปตันออกมาพูดเรื่องเกี่ยวกับการลุ้นแชมป์
หรือการบอกว่าทีมกำลังไปได้ดี และ เรากำลังดีขึ้น เรามีความหวัง
ทุกปีจะมีคนทำภาพกัปตัน เป็นไอ้ขี้โม้ ขี้ซุย ขี้คุย

"เจอร์ราร์ด ออกมาโม้อีกแล้ว"



เรายังจำได้อีก..
สำหรับกัปตัน ไม่มีชัยชนะไหนยิ่งใหญ่เท่าชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เจอร์ราร์ดอวยพร ไมเคิล โอเว่น แต่สาบานว่าจะไม่มีทางอวยพรทีมที่เขาอยู่
ตอนนั้น โอเว่น ย้ายไปอยู่แมนฯยู ... มันกระทบความรู้สึกเราจริงๆ
แค่แฟนบอลอย่างเรา ยังรู้สึกโกรธแค้น

นับประสาอะไรกับกัปตัน

เขารู้จักโอเว่นมาตั้งแต่เด็ก อยู่ในทีมเยาวชนมาด้วยกัน
เล่นด้วยกันในทีมชาติ แม้โอเว่นจะไม่ได้ย้ายจากลิเวอร์พูลไปยูไนเต็ดโดยตรง
แต่กับการที่เพื่อนรัก ย้ายไปอยู่ในทีมที่ตัวเองมองเป็นศัตรูมาทั้งชีวิต
สำหรับ เจอร์ราร์ด มันคงเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก

แต่ต่างคนก็ต่างต้องมีวิถีทาง
อย่างที่กัปตันบอก

"ผมขอให้เขาโชคดี แต่คงไม่ขอให้ทีมของเขาโชคดี"

ปี 2009
วันที่ 14 มีนาคม
ภาพนั้นถูกบันทึกไว้ให้เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียลีกส์
กัปตันทีมลิเวอร์พูล ซัดจุดโทษใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เขาวิ่งมาที่มุมสนาม มองหากล้อง
และบรรจงจุมพิต
นั่นคือ Victory Kiss ของกัปตัน
เราจบสกอร์นั้นด้วยชัยชนะ 1-4



มีคนถามกัปตันในตอนหลังว่า เขาได้คิดท่านี้มาก่อน หรือไม่



ผ่านไปแล้ว 5 ปี
นับตั้งแต่นั้น เราไม่มีโอกาสได้เห็นภาพการฉลองชัยแบบนั้นจากกัปตันอีก
ปีนี้ เรามีโอกาสมากกว่าที่เคยมี มันไม่ใช่แค่ความหวังลมๆแล้งๆอีกต่อไป
กัปตันบอกก่อนเกมจะเริ่มประมาณ 2-3 วันว่า

"ผมอาจจะทำแบบนั้นอีกครั้งที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด"

เกมเริ่มต้นด้วยทรงบอลสูสี
แต่ดูเหมือนทางบอลเราเป็นระบบกว่ามาก แต่ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น
จนกระทั่ง จุดโทษแรกจากแฮนด์บอล ของราฟาเอล
คนที่ยิงจุดโทษแน่นอนว่าต้องเป็นกัปตันของเรา

ทุกครั้งที่กัปตันยืนตรงนั้น
เราใจเต้น
เมื่อลูกตุงตาข่าย
เราโห่ร้อง
มันเป็นแบบนั้นทุกครั้งจริงๆ



แต่นี่ดูเหมือน .. กัปตันจะลืมทำท่าแบบที่เคยสัญญาว่าจะทำนะ
แต่ช่างเถอะ .. แค่ได้กัปตันได้ยิงจุดโทษก็พอละ

จุดโทษที่ 2 มาจากการทำฟาล์วในเขตโทษของ ฟิล โจนส์
ใครจะไปคิดว่าเราจะได้จุดโทษที่ 2 ติดๆกันแบบนี้
กัปตันได้โอกาสที่ 2

และแล้วภาพนั้น มันก็กลับมา
'The Victory Kiss'
นาทีนั้นเราแบบ.. โอย .. มันมีจริงๆเว้ย
ตอนกัปตันไปจูบกล้อง เราแบบ เบะ .. น้ำตาไหล..
ห่ะเอ้ย.. ได้ดูจริงๆด้วย



กัปตันจะจูบกล้องแค่ในแมตแดงเดือด
เพราะมันสำคัญและมีความหมายมากกว่าเกมลีกเกมอื่นๆ
ก่อนหนัานี้เราเห็น กัปตัน ถอดเสื้อเหวี่ยง กระโดดดีใจ ไถลพื้น
แต่เก็บจุมพิตนี้ไว้ในเกมแดงเดือดเท่านั้น

แม้จะพลาดจุดโทษลูกที่ 3 แต่นี่ก็มากกว่าที่เคยคิดไว้เยอะ
ยังดีที่มีซัวเรซปิดกล่องให้ตอนท้าย
ชัยชนะอีกครั้งของเรา ในโรงละครแห่งความฝัน




'แดงเดือด' ครั้งนี้ ไม่เดือดอย่างที่เป็นมาตลอดในช่วงหลายปีหลัง
ในทางกลับกัน ครั้งนี้เราเป็นฝ่ายมีชัย
ชัยชนะต้นฤดูกาล ในแอนด์ฟิลล์ มีค่า
แต่ชัยชนะในโอลด์ แทรฟฟอร์ด มีความหมายมากกว่า
เพราะชัยชนะนอกบ้านกับยูไนเต็ด ครั้งล่าสุดก็เมื่อ 5 ปีที่แล้วนั่นแหละ

ครั้งแรกที่เราได้เห็นกัปตันจูบกล้อง

กัปตันบอกว่า ตอนที่เขาจูบกล้องครั้งแรก
หลังจากนั้น 2-3 ปี เวย์น รูนี่ย์ ก็เลียนแบบบ้าง
แต่เราต่างรู้ว่า ทั้งคู่สนิทกัน
อาจเป็นนักเตะจากยูไนเต็ดคนเดียวที่เจอร์จาร์ดคบหาสมาคมแบบสนิทสนม

ในเกมเราเห็น เจอร์ราร์ด ยืนคู่รูนีย์
ตอนที่พวกเขาไปยืนดูแผลแอ็กเกอร์ พวกเขาส่งน้ำให้อีกฝ่ายกิน
พูดคุยกันนิดหน่อย แล้วแยกย้ายไปทำหน้าที่ตัวเอง
รูนีย์ประท้วงเรื่องที่ทีมตัวเองเสียประโยชน์
เจอร์ราร์ด ก็ไม่ยอมให้เพื่อนร่วมทีมเจ็บตัวฟรี



แดงเดือดครั้งที่แล้ว
เจอร์ราร์ด กับ โรบิน ฟานเพอซี ไฝว้กัน
แดนนี่ เวลเบค เป็น "เด็ก" ที่เข้ามาทำหน้ามึนๆ
แล้วพยายามทำท่าเหมือนจะห้ามไม่ให้ทั้งคู่มีเรื่องกัน

เหนือทีมอริต่างเมือง
ยังมีสายสัมพันธ์ของทีมชาติ
นอกจากจะเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูล
เจอร์ราร์ดยังเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษด้วย

เจอร์ราร์ด ผลักดัน จอร์แดน เฮนเดอร์สันมาตลอด
แม้ใครจะบอกว่า เด็กนี่ไม่มีอะไรนอกจากความขยัน
"จอร์แดน จะเป็นตัวแทนของผม"

เจอร์ราร์ด ออกปากชม สเตอร์ริดจ์ ว่าเป็นยอดกองหน้า
ทีมขาดเขาไม่ได้แล้ว รวมทั้งการประสานกับซัวเรซเอง ก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุด
"แดเนียล เขาเป็นส่วนสำคัญของทีมเราไปแล้ว"

แม้แต่การที่ฟลานาเก้นเจอค่อนขอดในช่วงที่ขึ้นมาเป็นตัวจริง
เจอร์ราร์ดบอกว่า ฟลาโน ทำให้เขาคิดถึง คาราเกอร์
"มันไม่น่าเชื่อจริงๆ ผมเห็นเขาซ้อมหนักมาตั้งแต่ตอนเขาอายุ 18
เขาไม่เคยสนใจว่าตัวเองจะได้เป็นตัวจริงหรือไม่ เขาแค่ทำหน้าที่ของตัวเอง
แล้วโค้ชก็ทำเรื่องที่น่าแปลกใจ
ให้โอกาสเขาเป็นตัวจริง และเขาก็ทำงานหนักและตั้งใจจริงๆ
เค้าทำให้ผมคิดถึง คาร่าในหลายๆทางนะ
ไม่ใช่เรื่องสกิลหรือความสามารถ
แต่เป็นเรื่องความมุ่งมั่น ตั้งใจ ความมีใจสู้"

เกมดาร์บี้แมต กับเอฟเวอร์ตัน
ฟลานาเก้นโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม
เจอร์ราร์ดบอกว่า เมื่อฟลานาเก้น เดินเข้าห้องแต่งตัว
เพื่อนร่วมทีมทั้งหมดได้ลุกขึ้นยืนปรบมือให้เจ้าหนูฟลาโน่
เขาทำสิ่งที่ยอดเยี่ยม และควรได้รับการชมเชย

กำลังใจ และ คำยกย่อง สำคัญเสมอ

เราคงเบื่อที่จะพูดเรื่องลุ้นแชมป์
หรือลุ้นนัดต่อนัดกันแล้ว
เพราะทุกแมต ก็มีเรื่องให้ชุ่มชื้นหัวใจได้ทุกนัดจริงๆ
แค่นั่งซึ้งกับนั่งเชียร์ทุกนัดก็เหนื่อยแล้ว