แม่นุ่น ตอน 32: อย่ารอให้ถึงวันที่ต้องพิสูจน์ "รักแท้" กันแบบนี้เลย

คัดจาก เพจ "แม่นุ่น" ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย www.facebook.com/noonsupermom



ตอน 32:  อย่ารอให้ถึงวันที่ต้องพิสูจน์ "รักแท้" กันแบบนี้เลย

เพราะความกังวลกับความปกติที่เกิดขึ้น ทำให้กระสับกระส่าย คิดวกไปเวียนมา

ถ้าสูตรนี้ใช้ไม่ได้ ก็นึกไม่ออก ว่าหมอจะใช้สูตรไหน
พรุ่งนี้จะตรวจอะไร เช็คตรงไหน ขอหมอ CT scan เลยดีมั้ย

มือก่ายหน้าผาก นอนคิดไปเรื่อยเปื่อย ข่มตาลงก็มีแต่ความฟุ้งซ่าน
เฮ้อ.. ภาวนาขอให้พรุ่งนี้มีแต่ข่าวดีด้วยเถอะ....

.................

จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนหลับไปตอนไหน แต่คิดว่าคงไม่กี่ชั่วโมง เป็นเช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสเอาซะเลย
ตื่นขึ้นมา มองแม่นุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนทุกวัน

เริ่มที่ตา..
ดูแปลกๆ รู้สึกว่า ตาเหลืองขึ้น
ไม่ดี.. ไม่ดีเลย.. หรือในตับกลับมาโตเบียดท่อน้ำดี? ผมนึกกังวลในใจ

มองต่อไปที่ท้องที่เพิ่งเจาะไปสี่ลิตรไม่กี่วันที่ผ่านมา
วันนี้ เห็นชัดว่าท้องกลับมาใหญ่ขึ้นอีกแล้ว

เอาชัวส์ต้องพิสูจน์ด้วยการชั่งน้ำหนัก

“อ้วน ชั่งน้ำหนักสิ” ผมบอกแม่นุ่นพร้อมประคองให้ขึ้นตาชั่ง
“เท่าไหร่อ่ะ” แม่นุ่นถามผม
“....68...” ผมตอบแม่นุ่น เสียงเบา เพราะมันขึ้นมาจริงๆ

นึกในใจ.. บ้าชะมัด... น้ำเพิ่มอีกแล้ว ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนคงได้เจาะท้องอีกแน่

“อึดอัดป่าว?” ผมถามแม่นุ่น พยายามไม่แสความกระวนกระวาย ควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ
“นิดหนึ่ง...” แม่นุ่นตอบสั้นๆ พร้อมลงจากตาชั่งแบบช้าๆ น้ำหนักน้ำในท้องทำให้อุ้ยอ้ายเหมือนคนท้องแก่ไม่มีผิด
“อึดอัดก็ไปเจาะ.. ไม่ต้องทนนะ.. ” ผมบอกแม่นุ่นว่า ไม่จำเป็นต้องอดทนอะไรทั้งนั้น รู้สึกไม่ไหวก็บอกไม่ไหว

หลักการเดิม คือต้องกำจัดความเจ็บปวดให้เร็ว
กายเจ็บได้ แต่ใจห้ามเจ็บ
แต่ถ้าปล่อยให้กายเจ็บนานๆ กำลังใจที่ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน
หากหยุดความเจ็บปวดไม่ได้ แม่นุ่น คงต้องพ่ายมันสักวันเป็นแน่

ถ้างั้นจะรออะไร ช้าวันเดียวก็อาจจะสายเกินไปก็ได้ ผมโทรบอกหมอชินว่าจะไปพบ วางโทรศัพท์เสร็จก็รีบพาแต่งตัวพาแม่นุ่นไป รพ ทันที

.........................

ไม่นานนัก ก็ถึง รพ เราทั้งคู่ก็ตรงดิ่งไปหาหมอชินคนเดิม ที่รออยู่ก่อนแล้ว

เข้าไปในห้องยกมือสวัสดีทักทายหมอเหมือนเคย

“เป็นไงบ้าง?” หมอถามแม่นุ่น ที่นั่งอยู่ในรถเข็น
“ขาไม่ค่อยมีแรงคะ คุณหมอ” แม่นุ่นตอบเสียงอ่อย.. กับอาการหลายอย่างที่คุกคามแทบไม่ได้หายใจหายคอ
“อืม..เหรอครับ” หมอชินตอบ จากนั้นก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรนิดหนึ่ง

ส่วนผมยังนิเงียบ กะว่ารอให้หมอคุยกับคุณนุ่นจบก่อน แล้วถึงจะคุยกับหมอว่าต้องการอะไรในวันนี้

หมอชินเริ่ม ใช้นิ้วกดไปตามท้อง และขา
“บวมนิดหนึ่ง อึดอัดมั้ย?” หมอชิน คุยกับแม่นุ่น ระหว่างที่ใช้นิ้วกดตามหน้าแข้ง
แม่นุ่นไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าท่าทางอ่อนแรง...

ผมพอเข้าใจ ว่านี่เป็นการตรวจเบื้องต้น หมอเคยบอกว่า กดแล้วบุ๋ม ประกอบกับขาบวมมันเงา มันคือลักษณะของอาการบวมน้ำ และวันนี้ก็เป็นแบบนั้น พอเห็นลางๆ วันเจาะท้องรอบที่ห้าน่าจะมาถึงเร็วๆ นี้

ด้วยความใจร้อน.. ได้เวลาที่ผมต้องรายงานหมอโดยละเอียดแล้ว

“หมอครับ ที่มาวันนี้ ผมเห็นว่าตาเหลืองขึ้น ขาไม่มีแรงไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ประกอบกับหลังใช้ยาตัวใหม่ เห็นมีฝ้าขาวที่ลิ้นอีกแล้ว เท่าที่ผมคุยกับตัวแทนยา เค้าไม่ได้แจ้งว่า ผลข้างเคียงมีปากเปื่อย ทราบแค่ มีท้องเสีย เท่านั้น เลยจะมาเช็คให้แน่ใจครับ"

ผมรายงานหมอเป็นฉากๆ

หมอนั่งฟังผมพูดจนจบ ก่อนที่จะหันมามองแม่นุ่นอีกที

....
...
“ตาก็ไม่เหลืองนี่ ???” หมอบอกว่า สีตาแม่นุ่นปกติ
“แต่ผมว่าเหลืองขึ้นนะครับ” ผมค้านทันที เพราะเห็นว่ามันเหลืองขึ้นจริงๆ

การสนทนาของผมกับหมอเงียบไปสักสิบวินาที เหมือนต่างคนต่างคิดจะทำไงต่อ

และเป็นผมที่พูดก่อน เพราะพกความใจร้อนมาเต็มที่

“หมอเช็ค Liver function ให้หน่อยได้มั้ย ผมจะได้สบายใจ?” ผมบอกหมอตามตรง จะให้สบายใจว่าไม่เหลืองจริงๆ  สำหรับผม ต้องพิสูจน์ด้วยการตรวจเลือดเท่านั้น

ค่าตัวเหลือง อธิบายแบบที่ผมเข้าใจ ในเคสของแม่นุ่น ถ้าค่าตัวเหลืองเพิ่ม หมายถึงก้อนมะเร็งในตับไปเบียดท่อน้ำดี ถ้าเป็นแบบนั้น แสดงว่ายาสูตรใหม่หยุดมะเร็งไม่อยูา ใช้ไม่ได้ผล ทำให้ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเพิ่มจำนวนมากขึ้น เบียดบังท่อน้ำดีให้ตีบลง  การตรวจวัดค่าตัวเหลือง ดูได้จากการตรวจเลือดตัว บิลลิรูบิน

“ได้ครับ ไม่สบายใจก็ตรวจ” หมอชิน จัดให้ตามที่ขอ

เรื่องตัวเหลืองจบไป .. เรื่องต่อไป คือ ทำไมมีแผลในปาก?
ปากเปื่อยคือสิ่งที่แม่นุ่น กลัวที่สุด เพราะทำให้เค้าทานอะไรแทบไม่ได้แม้แต่น้ำเปล่า
อย่าว่าแต่แม่นุ่นที่กลัว ผมก็ด้วย เพราะนั่นหมายถึง ผมต้องกลับไปในโหมดตื่นเช้าจ่ายตลาด ค้นหาสารพัดอาหาร ประยุกต์ดัดแปลงทำทุกอย่าง เพื่อให้เขาทานให้ได้
มันเป็นอะไรที่โคตรจะเหนื่อและกดดัน ภาวนาอย่าให้กลับไปเป็นแบบครังนั้นเลย

“ไหนนุ่น อ้าปากหน่อยสิ ผมจะดูฝ้าที่ลิ้น” หมอบอกให้ แม่นุ่นอ้าปาก จากนั้นก็เอาไฟฉายส่อง
“อืม.. มีจริงๆ..” หมอพึมพำออกมา ระหว่างที่ส่องไฟดูลิ้นแม่นุ่น

จากนั้น หมอก็วางไฟฉาย หันหน้าไปที่คอม เพื่อค้น รายละเอียดของยาตัวนี้(Lapatinib)

“white patches.. อืม จริงๆ ยามันก็มีผลข้างเคียงนี้นะครับ.. ไม่อันตรายจะหายไปเองในสามสี่สัปดาห์” หมอเจอว่า การที่ใช้ยาตัวนี้แล้วเกิดฝ้าขาวข้างลิ้น(White patches) เป็นผลข้างเคียงปกติ ไม่น่าตกใจ

ฟังแล้วค่อยโล่งอก ยิ้มได้ ไม่อันตรายอย่างที่คิด

ปัญหาเริ่มคลี่คลายที่ละข้อ เหลือเรื่องสุดท้าย

“ส่วนเรื่องปวดขา..”  หมอชินเริ่มอธิบายถึงแนวทางจัดการปัญหาข้อต่อไป
“มันเป็นได้ทั้งกล้ามเนื้อ เพราะน้ำที่เพิ่มขึ้นทำให้ขารับน้ำหนักตัวเยอะ สิ่งที่ต้องระวังคือ ลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดใหญ่ที่ขา ซึ่งอันตรายมาก เรามองข้ามไม่ได้ เดี๋ยวผมจะสั่งเอกซเรย์เส้นเลือดที่ขา ดูว่ามีความผิดปกติอะไรหรือป่าว ?”

“ได้เลยครับ” ผมแทบจะเห็นด้วยในทันทีหลังจากฟังหมอพูดจบ เชื่อว่าการรักษาที่ดีควรเน้นการป้องกัน มากกว่าการแก้ไข ที่สุดท้ายอาจจะแก้ไม่ได้

เราได้คุยทุกปัญหากับหมอแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการตรวจ และฟังผล
พยาบาลเจาะเลือดแม่นุ่นไปตรวจ ก่อนจะไปทำอัลตราซาวด์เส้นเลือดต่อ

................

พยาบาลเข็นเรามารอหน้าห้องอัลตราซาวน์
คิวค่อนข้างยาว ผมกับแม่นุ่นก็นั่งคุยกันฆ่าเวลาเรื่อยเปื่อย

สักพักได้ยินเสียง เอะอะๆๆๆ  เจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างหันไปมองที่ทีวี เสียงเซ็งแซ่

ได้ยินเสียงอุทานเป็นพักๆ
เฮ้ย จริงอ่ะ?
ไม่อยากเชื่อ?
อะไรกัน?

ผมกับแม่นุ่น มองหน้ากันอย่าง งงๆ ข่าวอะไรทำไมแตกตื่นกันแบบนี้???
เลยพยายามสังเกตุ ไปที่ทีวี พอมองเห็นได้เพราะอยู่ห่างจากตรงนั้นไม่กี่เมตร

อั้ยย่ะ? ผมอุทานมาเบาๆ ไม่ต่างกับคนอื่นๆ เห็นแล้วว่า มันคือข่าวอะไร??

"อ้วน..เจนนี่แถลงหมั้นกับเอ๋ ชนสวัสดิ์อ่ะ??” ผมบอกแม่นุ่น ถึงสาเหตุที่ทำให้ จนท ทุกคนผละจากเราไปมองที่จอทีวี

“เฮ่ย จริงอ่ะ!!?” แม่นุ่น แฟนพันธ์แท้ เจนนี่ อุทานออกมาเสียงดังแบบลืมป่วย
ผมหันหน้ากลับไปมองแม่นุ่นอย่างไว
“นี่..เบาๆหน่อย ป่วยอยู่นะ แหม.. ลืมตัวเชียว” ผมอดขำไม่ได้ จากคนป่วยเสียงอ่อยๆ เมื่อสักครู่ เจอข่าวนี้เข้าไป ถึงกับหายเป็นปลิดท้ิง

แค่นั้นไม่พอครับ เธอหยิบโทรศัพท์คู่ชีพ เช็คข่าวทาง facebook & instragram อย่างแคล่วคล่องว่องไว
อ่านไปก็เม้าส์ให้ผมฟังไปเป็นชุดๆ

จริงๆ นี่มันเวลาเครียด แต่ก็อดยิ้มมุมปากนิดๆ ไม่ได้
เพราะ..นี่มันยัยนุ่นคนเดิมชัดๆ
เออ มีข่าวแบบนี้บ่อยๆ ก็ดี..เห็นแล้วก็ทำให้ลืมความเครียดไปได้บ้าง

แต่ก็ต้องกลับมาสู่ความจริง ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น

“คุณสุพัฒชา เชิญในห้องค่ะ” จนท บอกว่า หมอมาแล้ว
จนท เข็นรถ แม่นุ่นเข้าห้องตรวจ อัลตราซาวด์ มีหมอรออยู่ในห้องเรียบร้อย
“ผมขอเข้าดูด้วยนะครับ ผมเป็นสามีครับ” ผมขอหมออยู่ดูด้วย
“ได้ค่ะๆ" หมออนุญาต จากนั้นก็เริ่มทำการตรวจ

หมอเริ่มใช้เครื่อง ตรวจตั้งแต่ต้นขาไปเรื่อยๆ
ผมมองที่จอ แต่ดูไม่รู้เรื่อง
เสร็จขาหนึ่ง ก็ดูต่ออีกข้าง พร้อมกับการเก็บภาพเป็นระยะๆ

ราวครึ่ง ชัวโมง การตรวจก็จบลง

“ไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ” หมอบอกเราทั้งคู่ ว่าการตรวจทุกอย่างไม่มีความผิดปกติอะไร

โล่ง...เป็นข่าวดีที่ทำให้โล่งอกอีกครั้ง ต้องขอบคุณ เจนนี่ ที่ทำให้แม่นุ่น มีอาการดีขึ้น

....................

อัลตราซาวน์เสร็จเรียบร้อย ผมกับแม่นุ่น ก็ขึ้นมาพบหมอชิน เพื่อฟังผลเลือด ที่สงสัยกันว่า ตกลง ตัวเหลืองขึ้นจริงหรือป่าว?

“ผลเลือดออกแล้ว” หมอชินแจ้งข่าว

“เป็นไงบ้างครับหมอ” ผมภาวนาขอให้เป็นข่าวดีข่าวที่สาม

“บิลลิรูบิน ลดลงตั้งเยอะ” หมอชินบอกผม ถึงผลเลือดที่บอกว่า ค่าตัวเหลืองไม่ได้เพิ่มขึ้น อย่างที่เข้าใจ
“ตับเติ๊บ ก็ดี ไม่มีอะไรเลย” นอกจากตัวไม่เหลืองแล้ว หมอแจ้งอีกว่าค่าตับอักเสบ ดึขึ้นทุกตัวอีกด้วย

"ไหนผมขอดูหน่อย" ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ผมขอเอกสารผลเลือดจากหมอ มาดูให้เห็นกับตา

ผมดูไปทีละตัวอย่างตั้งใจ

"เออ.. แหะ.. ดีหมดจริงด้วย"  มันดีหมดเลยจริงๆ

ผมมองหน้า หมอชิน แม่นุ่น เขินเล็กน้อยที่ทำท่าตกใจใหญ่โตในตอนแรก

“แต่เรื่องปวดขาเนี่ยต้องระวังนะ มันไม่มีอะไรก็จริงแต่ ผมดูแล้วเส้นเลือดมันไหลช้าซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าต้องระวัง หลีกเลี่ยงการนั่งนาน เช่นนั่งรถ ต้องเขย่งปลายเท้า เรื่อยๆ” หมอชินพูดไป พร้อมทำท่านั่งเก้าอี้ เขย่งปลายเท้าขึ้นลง จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

“เป็นไงล่ะ.. ไม่เห็นมีไรเลย..ตัวเองแหละ คิดมากไปเอง” แม่นุ่นที่มีสีหน้าดีขึ้นเพราะแรงเงา ได้ทีซ้ำเติมความตื่นตูมของผมทันที

เอ้า..ก็ยอมรับ ได้แต่เกาหัวยิ้มเฝือๆ ยอมรับว่าคิดมากไป
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ เกิดจากความกังวลเกินเหตุของผมเองทั้งนั้น
เหตุเพราะโทษตัวเองเสมอ หนักขนาดนี้ เพราะเคยประมาท และไม่ใส่ใจ

หาว่าเมียแกล้งบ้างล่ะ
อ้างว่าไม่มีเวลาพาไปตรวจบ้างล่ะ
เวลาเค้าบอกว่าปวดก็ทำเป็นไม่ได้ยินบ้างล่ะ

พูดไปก็เหมือนกำลังชดใช้ความผิดในอดีตที่ก่อขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

วันนี้เลยมาขอปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่
ทำให้ไม่เคยมีวันไหนหลับเต็มตา
จะลุกขึ้นฉี่กลางดึก หรือตื่นเช้าขึ้นมา
ต้องคอยมาจับแขนขา

ว่าตัวแข็งมั้ย..หรือยังอุ่นอยู่...ยังหายใจ

ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากให้ใครต้องพิสูจน์ รักแท้ เมื่อตอนใกล้ตายเหมือนผมเลย

...จบตอน...

ติดตามต่อ
ตอน 33:  วัน (ของ) แม่ ... เมื่อแม่นุ่นขอไปงานวันแม่
"ป๊า เค้าขอไปงาน วันแม่ ที่ รร ลูกนะ บางที…. มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายของเค้าก็ได้”...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่