แม่นุ่น ตอน 29: จนกว่าจะถึงวันนั้น?

คัดจาก เพจ "แม่นุ่น" ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย www.facebook.com/noonsupermom



ตอน 29: จนกว่าจะถึงวันนั้น?

1 สค 56:

เช้านี้ผมเช็คดูแพมเพิสที่ถูกประยุกต์ใช้ปิดแผลเจาะท้องอีกที ว่าน้ำหยุดซึมรึยัง?

ปรากฏว่าน้ำยังซึมอยู่ อาจจะน้อยลง แต่ก็ถือว่ามาก เพราะยังเห็นน้ำผุดจากแผลเป็นเม็ดๆ

“ต้องไปเย็บตามที่หมอบอกแล้วอ้วน” ผมบอกแม่นุ่น ขณะที่กำลังดูแผลอยู่
“ไม่เอา เจ็บ” แม่นุ่นรีบตอบทันควัน
“กลัวอะไร เจอมากี่เข็มแล้ว แล้วเนี่ยแค่เข็มเดียวเอง” ผมบอกกลับด้วยความงง
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่อยากไป รพ แล้ว” แม่นุ่นตอบ ทำหน้านิ่ว ท่าทางหงุดหงิด พอเดาได้ว่าที่จริงไม่ได้กลัวแต่เบื่อที่ต้องไป โรงพยาบาลอีกแล้ว
“เฮ้อ..” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“แพมเพิสมันไม่ได้สะอาดเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าไม่เย็บ แผลที่มีน้ำซึมไม่หายมันก็ชื้น เดี๋ยวอักเสบติดเชื้อเป็นเรื่องใหญ่อีก” ผมพยายามโน้มน้าวเต็มที่ กลัวเรื่องที่ใหญ่อยู่แล้วจะยากขึ้นไปอีก

แม่นุ่นนิ่ง ไม่ตอบ
อาการนี้พอเดาออกว่าเข้าใจ แต่แค่หงุดหงิด

ผมหยุดรบเร้า
ก่อนจะโทรไปนัด หมอ ว่าจะไป รพ อีกไม่กี่นาทีจากนี้

......

ราว 11 โมง

แม่นุ่นดูอารมณ์ดีขึ้น ผมบอกแม่นุ่นว่า โทรบอกหมอเรียบร้อย รีบไปจะได้รีบกลับ
แม่นุ่นไม่ตอบ แต่สีหน้าท่าทาง บอกว่าพร้อมแล้ว
ผมก็เลยจัดแจงพาแม่นุ่นขึ้นรถ ดิ่งไป รพ

มาถึง รพ หมอกับพยาบาลเตรียมเครื่องมือพร้อมแล้ว
วันนี้เราไม่ได้คุยกับหมอมากนัก หมอเพียงแค่บอกว่า การที่น้ำซึมออกมาจากการเจาะท้อง ถือเป็นเรื่องปกติสามารถเกิดขึ้นได้ และแผลจะปิดตัวเองภายใจหนึ่งสัปดาห์ หรือหากน้ำซึมออกมาก ก็สามารถใช้วัสดุบางอย่างอุดแผลได้(จำไม่ได้ว่ามันคืออะไร) แต่จะแพงกว่าและไม่จำเป็น ดังนั้น การเย็บปิดแผลเพียงหนึ่งเข็ม จึงดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ผมปล่อยให้แม่นุ่นอยู่กับหมอชิน จากนั้นก็ไปนั่งรอที่ม้านั่งหน้าห้องตรวจ
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งด้วยความเเหนื่อยปนครียดเล็กน้อย

“เฮ้อ.......จะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ย?.” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลับตา ลูบหน้า กุมขมับ เพราะความรู้สึกอึดอัดใจกับสถานการณ์ที่เหมือนต้องประคองตัวบนเส้นด้ายในทุกนาที

"จะทำยังไงต่อไปดี???” ผมหลับตา มือยังปิดหน้าอยู่อย่างนั้น

ความรู้สึกสับสน ฟุ่งซ่านที่กำลังเข้าเล่นงานผมเป็นฉากๆ

ภาพ แม่นุ่น ก่อนป่วย ที่เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ภาพ แม่นุ่น ทรุดหนัก นอนให้ออกซิเจน
ภาพ แม่นุ่น กำลังเจาะท้อง
ภาพ ที่ผมกำลังป้อนข้าว แม่นุ่น กับปากที่เปื่อยไม่มีชิ้นดี
ภาพ เด็กน้อยสองคน ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่ากำลังเจอกับอะไร

เสียงหัวเราะของเราพ่อแม่ลูก
เสียงร้องไห้ของพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง

ความรู้สึก ภาพในอดีต เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ สลับกันก้องกังวานในหัวผมเต็มไปหมด

ไม่ได้..เราอยู่แบบนี้ไม่ได้..

ผมต้องหยุดคิด
ผมต้องเอาชนะมัน
ผมจะให้ความรู้สึกพวกนี้เข้าครอบงำตัวเองไม่ได้

คิดได้แล้ว ผมเริ่มควบคุมการหายใจของตัวเอง ให้ช้าลง.. ช้าลง..

ค่อยๆ คิด..
ค่อยๆ นึก..

ผมยังหลับตาอยู่ แต่เริ่มมีสติทีละนิด กับลมหายใจที่เป็นจังหวะมากขึ้น
"โอเค.. โอเค.. นายเก่ง นายเจ๋งเพื่อน"  ผมให้กำลังใจตัวเองเต็มที่
สมองผมตอนนี้ กำลังพยายามย่อยความโกลาหลเมื่อสักครู่ ออกมาเป็นทีละเรื่อง
...
...
คนป่วย, งาน, เงิน อะไรมาก่อน??
....
....
ใช่ คนป่วย มาก่อน แต่เราทำอะไรไม่ได้ มากกว่า การเฝ้ารอ.. การเฝ้ารออย่างอดทน ผมไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมจะรอต่อไป จนกว่า???

จนกว่าอะไรก็ไม่รู้...จนกว่าจะถึงวันที่มันดีขึ้น
ผมตอบตัวเองได้แค่นี้ ความหวังริบหรี่ เหมือนแสงสว่างปลายเทียน เข้าไปทุกที

สิ่งสำคัญต่อมาก็ "งาน" .. ที่เป็นที่มาของ "เงิน".. ผมเคยคิดแล้วว่าต้องทำเค้กขาย ถึงวันนี้ยังไม่ได้ลงมือสักที ได้เวลาต้องเร่งมือแล้ว

แต่.. รายได้เท่านั้นพอหรือ??..  รายจ่าย เราก็มีไม่น้อย
คิดสิ ตัวไหนใหญ่สุด พอจะลดมันลงได้บ้างมั้ย??

ผมเริ่มแจงในใจที่ละรายการ
...
...
จ่อที่สุด คือ หนี้ที่ค้าง รพ ไว้เกือบสองแสนบาท ใกล้ถึงวันที่ต้องไปจ่ายแล้ว
อีกก้อนใหญ่ๆ คือ ค่าผ่อนบ้าน ที่ตัดกำลังทรัพย์เดือนละเดือนมากพอดู

แต่จะลดค่าใช้จ่ายพวกนี้อย่างไรละ??  ผมต้องใช้เวลาคิดสักครู่ มันต้องมีทางสิ

คิด ... คิด ..
คิด ... คิด...

คลับคล้าย คลับคลา เคยได้ยิน คำว่า ประนอมหนี้ แปลง่ายๆ ถ้าเรามีปัญหาในการชำระหนี้ก็สามารถไปคุยเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกร่วมกันได้ ส่วนใหญ่ผลที่ได้ คือให้จ่ายน้อยลง (ก่อนคิดถึงการกู้หนี้นอกระบบ)

ผมไม่เคยทำเรื่องพวกนี้หรอก และไม่รู้ว่าจะสำเร็จมั้ย แต่นาทีนี้ ไม่กลัว ไม่อาย ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ถ้าอย่างงั้น เอาเป็นว่า วันสองวันนี้ ผมจะเขียนจดหมาย ขอความอนุเคราะห์ไปที่ รพ
บอกไปตามตรงนี่แหละว่า เงินไม่พอจ่าย เพราะหมอเปลี่ยนสูตรยาใหม่ แพงกว่าเดิม
ส่วน เรื่องผ่อนบ้าน ผมจะติดต่อเพื่อขอประนอมหนี้กับธนาคาร เช่นเดียวกัน

แต่ยังไม่จบ.. ยังมีความกังวลอีกข้อ..

ถ้าต้องเอาเวลาไปทำเค้ก แล้วคนป่วยจะทำอย่างไร??

นั่นนะสิ.. ประเมินอาการในช่วงนี้ แม่นุ่นพอช่วยเหลือตัวเองได้ ถึงลุกไม่ถนัดแต่ยังลุกเดินใกล้ๆไหว ปัญหาที่มีเป็นเรื่องความสะดวกมากกว่า เช่น ตู้เย็นที่ใช้เก็บยาบางตัว ของกินอยู่ข้างล่าง คนป่วยอยู่ข้างบน จะเอาอะไรทีต้องมีคนวิ่งขึ้นลง อาหารเสริม วิตามิน ยา โทรศัพท์ หาตู้หรือชั้นไว้ข้างๆ แค่เอื้อมถึง น่าจะดี

สรุปจะลดความกังวลข้อนี้ ผมต้องจัดห้อง ให้มีความสะดวกเพิ่มเติม
ทำห้องนอน ให้เป็นเหมือนห้องพิเศษที่ รพ มีทุกอย่างที่คนป่วยต้องการ เท่านี้ก็น่าจะสบายใจพอจะทำอะไรด้วยความคล่องตัวได้

หมดหรือยัง ผมถามตัวเองให้..คิดทบทวน อีกรอบ...
...
ดูเหมือนจะรอบคอบระดับนึง แค่ต้องลงมือทำให้ไว

กำลังคิดเพลินๆ พยาบาลก็เดินมาบอกว่า แม่นุ่นเย็บแผลเสร็จแล้ว
ได้เวลากลับบ้านเสียที เวลานี้ต้องเดินหน้าสู้อย่างเดียวเท่านั้น

..........................


2 สค 56

ตอนนี้น้ำไม่ผุดออกแล้ว การเย็บแผลได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

“อ้วน พาไปข้างล่างที” แม่นุ่นบอกผมช่วงสายๆ ว่าอยากลงไปข้างล่าง ไม่อยากอยู่ในห้อง
“ได้สิ” ผมเข้าใจ คงอยากจะอยู่ข้างล่าง ที่ดูโล่งโปร่งสบาย ได้เห็นน้องบอสตันกับแม่ เดินผ่านไปมา

ด้วยท้องที่ยังใหญ่อยู่มาก ทำให้ผมต้องพยุงเวลาขึ้นลงบันได

“ขาไม่มีแรงเลย” แม่นุ่นบ่นพึมพำ ขณะที่ก้าวลงบันได พร้อมกันทีละก้าว
"ก็ไม่ค่อยได้เดิน เดี๋ยวมันก็ค่อยดีขึ้นเองแหละ" ผมพยายามให้กำลังใจ จริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าจะทำอย่างไงให้มันดีขึ้น

พอถึงชั้นล่าง ผมก็ค่อยพยุงให้นั่งบนโซฟาหน้าทีวี
แม่นุ่น นั่งดูทีวีไปเรื่อย ส่วนผมกำลังนั่งร่างจดหมาย ขอความเห็นใจกับทาง รพ ที่เป็นหนี้อยู่ เนื้อหาสำคัญที่เขียนคือ ตอนนี้สถานการณ์การเงินมันเปลี่ยนไป นอกจากตกงานแล้ว ยาสูตรใหม่ทำให้จ่ายเพิ่มอีกหลายหมื่นบาทต่อเดือน ไม่ได้เขียนไปว่าอยากให้ช่วยอย่างไร จดหมายนี้ แค่เปิดประเด็นว่า ขอให้ทาง รพ ออกมาตรการช่วยเหลือด้วย


ระหว่างเขียนอยู่นั้น..


“อ้วน เค้าปวดหลังมากเลย... อูย นวดให้ที” แม่นุ่นทำหน้าเหยเก เรียกผมให้ช่วยนวดหลังให้
ผมทิ้งจดหมายที่ทำอยู่ เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ

“ไหนปวดตรงไหน” ผมถาม เพราะอยากรู้ว่าเป็นจุดเดียวกับที่มะเร็งลามมากระดูกสันหลังหรือป่าว
“ตรงนี้.. กับ ตรงนี้..” แม่นุ่นเอื้อมมือมาชี้สองจุด

เป๊ะเลย!! ตรงสายเสื้อชั้นในกับ เอว ตรงกับจุดมะเร็งพอดี

งานงอกอีกแล้ว.. จิตใจเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข

ผมยังไม่แสดงออกอะไร พยายามสงบจิตใจตัวเอง ก่อนจะยามานวดให้เบาๆ
นวดไปใจก็คิดหาเหตุผลมาหักล้าง มันอาจจะบังเอิญก็ได้ ท้องโตขนาดนี้ทำให้ปวดหลังได้เหมือนกัน

"ปวดมากป่าว?" ผมถามแม่นุ่น อีกครั้ง
แม่นุ่นพยักหน้า ท่าทางปวดมาก

จะทำอย่างไรดีละ.. ปวดแบบนี้ มันปวดมะเร็ง หรือ ปวดกล้ามเนื้อ กันแน่?

จบตอน...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่