มารู้จักโลกเรากันเถอะ

สวัสดีครับผมชื่อพงษ์นะครับ จากกระทู้วิศวกรรมขนถ่ายวัสดุ http://pantip.com/topic/31718980
พอดีเห็นน้องๆบ่นถึงดาราศาสตร์ในข้อสอบ pat2
พอดีว่าชอบดาราศาสตร์อยู่แล้วก็เลยเอามาเขียนดีกว่า(มีข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยเนอะ)
เป็นที่รู้กันดี โลกของเราอยู่ในระบบดาว ระบบหนึ่งซึ่งเป็นระบบดาวฤกษ์เดี่ยว โดยมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง
และมีดาวเคราะห์เป็นบริวาร โคจรรอบๆอยู่
โดยมี ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ตามลำดับวงโคจร


แต่ก่อนที่เราจะทำความรู้จักกับดาวดวงอื่นๆ เรามาทำความรู้จักกับโลกของเราเสียก่อน
ในการพูดถึงโลกของผมนั้นจะขอพูดในส่วนของลักษณะทางกายภายของโลกเป็นหลักนะครับ
และขอแบ่งหัวข้อเป้น3หัวข้อ
-ภาคพื้นดิน
-ภาคพื้นน้ำ
-เมฆและชั้นบรรยากาศ

มาดูหัวข้อแรกกันก่อน
โลกของเรานั้นมีรูปทรงเกือบกลมทำไมถึงเกือบกลมน่ะหรอเพราะว่าเราวัดเส้นผ่านศูนย์กลางจากเหนือไปใต้ได้ 12,714 กิโลเมตร แต่วัดจากตะวันตกไปตะวันออกได้ 12,757 แสดงว่าโลกของเราไม่ได้กลมดิ๊กไปเลย แต่เป็นกลมแป้น โดยที่หัวท้ายบนล่างนั้นแบนกว่าข้างๆเล็กน้อย
โลกในส่วนที่เป็นภาคพื้นดินนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าบนผิวโลกของเรามีส่วนที่เป็นน้ำประมาณ75% แต่พื้นดินกลับมีแค่25% แต่เดี๋ยวก่อนนี้เป็นส่วนผิวโลกนะจ่ะ เรามาส่วนประกอบของโลกที่อยู่ใต้เท้าเราก่อนดีกว่า ประกอบไปด้วย


-เปลือกโลก(crust) หนาประมาณ8-40กิโลเมตร ส่วนนี้แหละที่เราอัาศัยกันอยู่ มีภูเขา มีทะเล ก็ส่วนนี้แหละจร้า

-เนื้อโลก(mentle) หนาประมาณ2895กิโลเมตร  ส่วนนี้จะประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆที่มีลักษณะยืดหยุ่น จำพวก นิกเกิล เหล็กด้วยความที่มันยืดหยุ่น    แสดงว่ามันยังเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ชั้นโลกชั้นนี้แหละที่ทำให้เกิดพลังงานมหาศาลส่งมายังเปลือกโลก ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และ ตู้มกลายเป็นโก้โก้ครั้น อ่าวไม่ใช่ล่ะ -*-

-แก่นโลกชั้นนอก(outer core)หนาประมาณ 2220กิโลเมตร สันนิษฐานว่าเป็นของเหลว ประกอบไปด้วยโลหะเหลวจำพวกเหล็ก ในชั้นนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 2200-2750 องศาเซลเซียสเชียว แถมชั้นนี้ยังสามารถดันชั้นเนื้อโลกให้เคลื่อนไหวทำให้เนื้อโลกส่งพลังงานต่อไปยังเปลือกโลก จนเกิดเป้นเหตุการต่างๆได้ด้วยเช่นกัน

-แก่นโลกชั้นใน(inner core) หนาประมาณ1255 กิโลเมตร เนื่องจากมีความกดดันสูงจึงสันนิษฐานว่าส่วนนี้เป้นของแข็ง ผสมจากเหล็กกับนิกเกิลเป็นส่วนใหญ่

ในส่วนต่างๆของโลกนั้น ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดจะเป็น เปลือกโลกเพราะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำไมถึงเคลื่อนไหวได้ "ลองนึกภาพตามนะครับ มีกาละมังอยู่1ใบ ใส่น้ำ แล้วเอาแผ่นโฟมลอยน้ำมาว่าอัดจนเต็ม หากเรามองไปที่กะละมังแล้ว จะเห็นว่าผิวของมันแข็งไม่ขยับไปไหน แต่เมื่อเราเขย่ากะละมัง น้ำที่อยู่ใตโฟมนั้นก็เหมือน ชั้นแมกม่า ชั้นโลหะร้อน หลอมเหลวใต้พื้นดิน โฟมที่ลอยอยู่ก็เหมือนเปลือกโลก พอเขย่าโฟมที่ลอยๆอยู่มันก็ขยับได้"
ในเมื่อเปลือกโลกมีการเคลื่อนไหวได้แสดงว่า เปลือกโลกที่เราอาศัยอยู่มันเคลื่อนไหวอยู่หรอ? ใช่ครับ อย่างเข่นเวลาเกิดแผนดินไหวไง
ถ้ามันเคลื่อนไหวได้แสดงว่า แต่ก่อนโลกเราไม่ใช่แบบนี้สิน่ะ?
ช่ายยแต่ก่อนโลกเราเมื่อ 225ล้านปีก่อน แผ่นดินของเรารวมกันเป้นทวีปเดียวที่เรียกว่าพันเจีย
45ล้านปีต่อมา(เมื่อ180ล้านปีก่อน)ทวีปพันเจียก็เริ่มแยกออกเป็น2ทวีป ได้แก่ลอเรเซีย และกอนด์วานา
และในเวลาต่อๆมาเปลือกโลกก็เริ่มขยับจนได้รูปร่างในปัจจุบัน


ซึ่งการเลื่อนของแผ่นเปลือกนั้นยังทำให้เกิดภูมิประเทศต่างๆขึ้นมาอีกด้วย
ภูมิประเทศที่สำคัญจากการเลื่อนของแผ่นเปลือกโลก
-เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาหิมาลัยนั้นเกิดจากกันเคลื่อนที่ของแผ่นทวีปอินเดียมาชนกับแผ่นทวีปเอเชีย ทำให้ ส่วนที่ชนกันยกตัวสูงขึ้นกลายเป้นเทือกเขาสูงในที่สุด


-ร่องลึกมาเรียน่า จุดที่ลึกที่สุดของโลก นั้นเกิดจากแผ่นแปซิฟิกมุดลงใต้แผ่นมาเรียน่าทำให้เกิดร่องที่ลึกที่สุดในโลก ลึกกว่าความสูงของยอดเขาเอเอวร์เรส สะอีก 10911เมตร โอ้วจ๊อดดดดด

จบไปแล้วสำหรับภาคพื้นดิน


ออกไปสู่ท้องทะเลกันเถอะ เย้

คราวนี้เรามาถึงพี่บิ๊กของโลกเราล่ะ นั้นคือ"น้ำ" แน่นอนครับน้องน้ำนี้แหละบิ๊กมากๆ มีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตมากด้วยเช่นกัน

รู้มั้ยครับว่า น้ำจืดบนโลกของเรานั้นมีน้อยนิดเดียวเองนะครับ เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว น้ำจืดบนโลกเนี้ยมีไม่ถึง3%เลย งั้นที่เหลือคืออะไรหรอ
- 97.21%เป็นน้ำในมหาสมุทร แน่นอน่วาเป็นน้ำเค็มต้องผ่านกระบวนการบางอย่างถึงนำมาใช้ได้
- 2.14% เป็นพืดน้ำแข็ง และธารน้ำแข็ง (ละลายไปลงทะเลอยู่ดีป่ะ 55555)
-0.62% น้ำใต้ดิน (โอเค กินได้ๆ)
-0.02% หนอง บึง แม่น้ำ ทะเลสาบ
-0.01% ไอน้ำในบรรยากาศ

จะเห็นได้ว่าน้ำจืดที่มีบนโลกแล้วพร้อมใช้นั้นมีกระจิ๊ดเดียวเอง และในสภาพปัจจุบันยังมีการทำให้แม่น้ำ บึง หนอง เน่าเสียอีก เพราะฉะนั้นช่วยกันรักษาน้ำ ให้สะอาดด้วยเนอะ

ใช่ว่าน้ำเค็มจะไม่ดีน่ะ โอ๋ๆ น้ำในมหาสมุทรนั้น มีผลต่อโลกอย่างมากเลยน่ะ ได้แก่อะไรมั้งมาดูกันเลย
-น้ำ ช่วยในการรับพลังงานจากดวงอาทิตย์ในตอนกลางวัน และปลดปล่อยออกมาในตอนกลางคืน ทำให้อุณหภูมิของกลางวันและกลางคืนไม่ต่างกันจนเกินไป (แต่ห่างจากชั้นบรรยากาศหลายขุม อ่อนหัด!)

*ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

-น้ำ เนื่องจากมีการรับและปลดปล่อยพลังงาน ทะเลจึงทำให้เกิดลมบก-ลมทะเล ตอนกลางวันน้ำรับน้ำอุ่นกว่าพื้น ลมพัดจากร้อนไปเย็น กลางคืน น้ำคายพลังงาน น้ำเย็น ลมพัดจากบกไปทะเล

-การไหลของน้ำผ่านในบริเวณต่างๆทำให้เกิดกระแสน้ำอุ่น-น้ำเย็น

-น้ำทำให้เกิดฝน ความชื้น

-น้ำ เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตทุกชีวิต

แต่ในที่นี้จะขอพูดในส่วนของกระแสน้ำอุ่น-น้ำเย็นดีกว่าและน้ำขึ้นน้ำลงดีกว่า

กระแสน้ำ คืออะไร

กระแสน้ำคือ การไหลเวียนของน้ำในมหาสมุทร จากที่หนึ่งมาอีกที่หนึ่ง หมุนวนเป็นวัฎจักร(เอากะละมังมา เอาที่ฉีดตรูด ฉีดไปยังมุมหนึ่งของกะละมัง น้ำมันจะหมุนๆเป็นกระแส)

กระแสน้ำนั้นมีความสำคัญต่อโลกมาก เพราะกระแสน้ำช่วยในการรักษาอุณหภูมิของโลกได้ และมีผลต่อภูมิอากาศได้ด้วย
-กระแสน้ำอุ่น คือกระแสน้ำที่ไหลผ่านบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง บริเวณเส้นศูนย์สูตร ไหลไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า ทำให้เกิดการถ่ายเทความร้อน ทำให้บริเวณละติจูดสูง  มีอุณหภูมิไม่ต่ำจนเกินไป

-กระแสน้ำเย็น คือกระแสน้ำที่ไหลจากบริเวณขั้วโลก นำพาความเย็นลงมาสู่บริเวณศูนย์สูตร ทำให้แถวๆเราๆนี้ไม่ร้อนเกินไป (นี้ขนาดไม่ร้อนนะเนี้ยโฮ่กกกก)

ด้วยเหตุนี้กระแสน้ำจึงมีส่วนช่วยในการรักษาอุณภูมิของโลกไว้ได้ แล้วภูมิอากาศล่ะ กระแสน้ำช่วยยังไง
-กระแสน้ำ เย็น นั้น ถึงจะเย็นก็เหอะ แต่มันก็แห้ง เพราะน้ำเย็นไม่ค่อยระเหยเท่าไหร่ ทำให้บริเวร ที่กระแสน้ำเย็นไหล ผ่าน แห้งแล้ง

-กระแสน้ำ อุ่น มันมาพร้อมกับความชื่นในอากาศ เวลาไหลผ่าน จึงน้ำความชุ่มชื่น เปียกแฉะมาด้วย

ยกตัวอย่าง  ในทวีฟแอฟฟริกาฝั่งตะวันตก มีกระแสน้ำเย็น เบงเกววาไหลผ่าน ทำให้บริเวณนี้มีอากาศที่แห้ง จนเกิดเป็นทะเลทราย คาลาฮารี ในประเทศ นามิเบียเป็นต้น
ในประเทศไทย ช่วงภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย นั้น มีกระแสน้ำอุ่นศูนย์สูตรไหลผ่าน ทำให้ภาคใต้ของไทยนั้น มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี จนเกิดภูมิประเทศ ป่าดิบชื้น เกิดขึ้น เป็นต้น

แต่ความพิเศษของกระแสน้ำนั้น จะสุดยอดยิ่งขึ้นเมื่อน เย็นกับอุ่นมาเจอกัน บริเวณที่กระแสน้ำทั้ง2มาบรรจบกัน จะเกิดปรากฎการที่ว่า ฟิวชั่นนนนน! เอะไม่ใช่
กลายเป็น แกรนแบงค์ (Grand Bank)  เจ๋งป่ะล่ะ  แกรนแบงค์คือ อี่หยั้ง มันคือบริเวรที่มีแพลงตอนมาก เพราะกระแสน้ำที่ไหลมาจากคนละทิศของโลก ย่อมน้ำพาแร่ธาตุ มาเยอะพอสมควรแถมยังมาเจอกันอีก เยอะ2เท่าเลย แถมด้วยอุณหภูมิของบริเวณแกรนแบงค์ นั้น มีความพอดี(แบบว่ากำลังสบาย) ทำให้มีปลาชุกชุมอยู่มาก แต่ข้อเสียของแกรนแบงค์คือ มีหมอกเยอะในบริเวณนั้น ลองเทน้ำเย็นกับน้ำเดือดผสมกันสิ 55555ควันคุ้งเลย
บริเวณแกรนแบงค์ที่สำคัญของโลกเลย คูริลแบงส์ ของญี่ปุ่น เกิดจาก กระแสน้ำอุ่นกุโรชิโวจากตอนกลางของแปซิฟิก มาเจอกับ กระแสน้ำเย็น โอยาชิโว จากอาร์กติค
บริเวณแหลมแรสส์ แหลมซาเบิล ของอเมริกาเหนือ ก้เกิดจาก กระแสน้ำเย็นแลบราดอร์จากกรีนแลน์ฝั่งแคนาดา เจอกับ กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม

รูปกระแสน้ำต่างๆ จะเห้ฯได้ว่าเกิดแกรนแบงค์ได้หลายที่

น้ำขึ้น-น้ำลง
เกิดจากแรงดึงดูดระหว่างมวลของโลกกับดวงจัทนร์ เรียกอีกอย่างว่าแรงไทดัล
โดยแรงดึงดูดนั้นถึงแม้มันจะไม่มากพอที่จะทำให้เปลือกโลกเราขยับได้เหมือนกับที่ ดาวพฤหัสทำกับดวงจันทร์ ไอโอ เนื่องจากดวงจันทร์มีแรงดึงดูดน้อยกว่าเยอะ ทำให้แรงดึงดูดมีผลแค่น้ำบนโลกเพราะว่าพื้นดินมีความหนาแน่นสูง ง่ายๆเลย คือตักน้ำ1ช้อน กับดิน1ช้อน อันไหนหนักกว่ากัน  นั้นแหละ ทำให้แรงนี้มีผลเพียงแค่น้ำที่อยู่บนโลก เท่านั้นเอง

จบแล้วกับเรื่องบนพื้น ต่อไปเราจะบินไปยังท้องฟ้าาาาาาาาา

สู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้นนนน

บ่ะ ไปสะไกลเลย กลับมาๆ
ชั้นบรรยากาศของโลกเรานั้น เป็นสิ่งสำคัญต่อโลกมาก ทำไมนะหรอ ดวงจันทร์ของเรา(Luna) ขนาดโคจรรอบดวงอาทิคย์ในระยะที่ไม่ต่างจากเรามากนัก ทำไมอุณหภูมิ ถึงได้สุดโหดแบบนั้นล่ะ กลางวันร้อนประมาณ130 องศาเซลเซียส กลางคืน -170 โอ้วเข้ ทำไมถึงต่างกันขนาดนั้น
เพราะบรรยากาศยังไงล่ะค่ะ เพราะชั้นบรรยากาศ นั้นดูดซับพลังงานจากดวงอาทิตย์บางส่วน และสะท้อนกลับไปบางส่วน การสะท้อนทำให้ตอนกลางวันไม่ร้อนจนเกินไป และการดูดซับทำให้ ตอนกลางคืนไม่เย็นเกินไป  

นึกถึงทะเลทรายที่ว่าตอนกลางคืนเย็นเจี๊ยบ กลางวันร้อนโฮ่กๆ เพราะอะไร เพราะว่าทะเลทรายไม่มีไอน้ำในอากาศ ยังไงล่ะ ก็เหมือน กับชั้นบรรยากาศนะแหละ


แต่ว่าชั้นบรรยากาศ ใช่ว่าจะมีผลดีอย่างเดียวน๋าาา อย่างดาวศุกร์เนี้ย ชั้นบรรยากาศหนาแน่มาก จนทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก(greenhouse effect)ที่รุนแรงอย่างมาก และด้วยพลังงานที่ดาวศุกร์ได้รับจากดวงอาทิตย์ มากกว่าโลก เนื่งอจากระยะโคจร แถมชั้นบบรยากาศที่หนา ทำให้ รับพลังงานอย่างเดียว แต่สะท้อนออกไปไม่ได้ ร้อนนอย่างเดียวเลย(รายละเอียดจะมาเขียนในกระทู้ถัดไป)

และแน่นอนชั้นบรรยากาศของโลกเราไม่ได้เป็นชั้นเดียว สะด้วย มีหลายชั้นได้แก่อะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า


ชั้นบรรยากาศของโลกนั้น ในบริเวณที่อยู่ใกล้ผิวโลกนั้นมีความหนาแน่มาก ประกอบไปด้วย ก๊าซไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ประมาณ78%และออกซิกเจน ราวๆ20% และก๊าซอื่นๆอีกเล็กน้อย รวมถึงไอน้ำด้วย  พอยิ่งไต่ระบดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ความหนาแน่นของอากาศจะลดลงอย่างรวดเร็ว  ที่ความสูง 15กิโลเมตรจากระดับบน้ำทะเล ความดันบรรยากาศจะเหลือเพียง 10% ของความดันบรรยากาศที่ผิวโลก และไอน้ำในความสูงระดับจะเหลือน้อยมากๆ เพราะไอน้ำจะพบมากในบริเวณใกล้ผิวโลก จากระดับความสูงนี้ขึ้นไป บรรยากาศของโลกเราจะเริ่มเบาบางและจางหายกลายเป็นอวกาศในที่สุดที่ความสูงราวๆ 500กิโลเมตร

ไอ่ย่ะ เขียยนไม่พอสะงั้น ต่อที่ข้างล่างเลยจร้าาาา  ลืมจองโพสไว้ด้วยสิ T^T
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่