เรื่องนี้ผมเพ้อเจ้อยาวหน่อยนะครับ แต่ก็อยากให้อ่านให้จบ
-----------------
พอดีว่า ได้มีโอกาสไปเที่ยวแพร่ ไปกับเพื่อน 2 คน นอนบ้านพ่อแม่เพื่อน ขึ้นรถทัวร์ไป
อันที่จริงก็ไม่เชิงไปเที่ยวหรอกครับ พอดีว่าปิดเทอม แล้วตัวเองก็เบื่อบ้าน ไม่รู้จะไปไหน แต่อยากไปเที่ยว ไปไหนก็ได้ ให้มันพ้นๆหลังคาบ้านนั่นล่ะครับ ไปๆมาๆก็ไปลงเอยอยู่ที่แพร่
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมและเพื่อน ได้มีโอกาสไปบ้านญาติของเพื่อน แล้วบังเอิญ ไปเจอสาวเหนือเมืองแพร่ซึ่งเป็นญาติของเพื่อน งามหยดพูดเหนือ เจ้าๆ จ้อยๆ
เธอเปิดร้านขายไอติมอยู่กับบ้าน (บ้านเพื่อนผมอยู่ต่างอำเภอ ชื่ออำเภอ 'ร้องกวาง' ส่วนสาวเจ้าอยู่ตัวเมืองแพร่ ซึ่งห่างกันราว 25 กิโล)
สาวเจ้าคนนั้นก็ถามเพื่อนผมด้วยภาษาเหนืออันชวนฟัง แปลเป็นไทยกลางได้ประมาณว่า
-สาวเหนือ"เพื่อนมาจากโคราชเหรอ มาไกลเนอะ มาเที่ยวเหรอ?"
-เพื่อน"มันมาเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้มาเที่ยวหรอก"
-สาวเหนือ"ตายแล้ว มาไกลขนาดนี้ทำไมไม่พาเพื่อนเที่ยว"
-เพื่อน"มารถทัวร์ ไม่มีรถเที่ยว พ่อก็ใช้รถ ไม่รู้จะเอารถไหนออกไปเที่ยว"
-สาวเหนือ"น่าเสียดายเนอะ วันนี้มีงานประจำปีเมืองแพร่ด้วย พระธาตุช่อแฮ แอมจะไปคืนนี้แหละ ไปด้วยกันไหม อยากให้เพื่อนไปเห็น มาตั้งไกลน่าเสียดายถ้าไม่ได้เที่ยว"
ช่วงนั้นผมอดคิดไม่ได้ว่า "เอ้ย!! เขาอยากให้เราไปขนาดนั้นเลยเหรอวะ นี่คิดอะไรกะเราอยู่รึเปล่าเนี่ย"
แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก คิดว่าคงชวนเราเป็นมารยาท ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ในใจก็แอบคิด"เอ๊ะ!!?? หรือว่าเขาคิดอะไรกับเราวะ"
แอบหลงเพ้อเจ้อคิดเองเออเอง
"กูนี่ก็มีเสนห์เหมือนกันนี่หว่า ถ้าตูไม่มีเสนห์ คงไม่ชวนหรอก โฮะๆๆ!!"
แต่สุดท้าย ผมก็ปฎิเสธไป แต่ในใจอยาก อยากไปสุดๆ เพราะทนฟามน่ารักของเธอไม่ไหวอยากทำความรู้จัก
สุดท้ายก็กลับบ้าน แล้วระหว่างทางกลับก็แอบคิดสนุกๆว่า"ถ้าเค้าอยากให้เราไป หรือมีใจ คงจะชวนเราอีกก็เป็นได้"
และแล้ว เช้าวันใหม่ก็มาถึง ระหว่างนี่ผมนั่งกินข้าวอยู่นั้น เพื่อนผม มันก็มาบอกว่า
-เพื่อน"เอ้ย เมื่อเช้าแอมโทรมา บอกว่า อยากไปเที่ยวรึเปล่า ถ้าอยากไปเที่ยว ไปกับกูแล้วขึ้นรถตู้ไปในเมือง เดี๋ยวไปถึงในเมือง แอมจะเอารถออกพาเราเที่ยว แล้วตอนค่ำก็จะพาส่งบ้าน"
ผมคิดเข้าข้างตัวเอง"เอ้ย เรื่องนี้มันเหมือนกับเมื่อวานที่ตูคิดไว้ไม่มีผิด ถ้าเค้ามีใจ เค้าคงจะชวนเราเที่ยวอีกแน่ๆ ตูนี่เดาแม่นจริงๆ แบบนี้มีลุ้น"
สลีบกับความคิดไม่เข้าข้างตีวเอง
"ไม่หรอกมั้ง เขาไม่ได้มีจงมีใจอะไรหรอก เขาก็แค่คงเห็นเราเดินทางมาไกล อยากให้เราเที่ยว อยากให้เราประทับใจเมืองแพร่บ้านเกิดเขาเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก"
แล้วก็อีกครั้ง ที่ผมคิดเข้าข้างตัวเอง
"เฮ้ยๆๆ!! ตูเป็นคนแปลกหน้านะเว้ย เจอกันแค่วันเดียว เขาจะใส่ใจตูอะไรกันนักกันหนา เพื่อนก็ไม่ใช่ ญาติก็ไม่ใช่ อะไรจะใจดีขนาดนั้น ถ้าเขาไม่มีใจ เขาจะยอมปิดร้าน พาคนแปลกหน้าอย่างเราไปเที่ยวนี่นะ มันไม่เมกเซ๊นทต์ เอาซะเบย มันผิดธรรมชาติ มีใจแน่ๆอีแบบนี้"
(คือเขาเปิดร้านไอติมอยู่ แล้วถ้าผมไปจริงๆ เขาจะปิดร้านพาผมเที่ยวน่ะครับ)
แต่สุดท้าย ผมก็ปฎิเสธไป เพราะเกรงใจ ใจผมก็อยากไปเที่ยวกับเขานั่นแหละ แต่ผมเกรงใจจริงๆ ผมก็เลยไม่ไป
แล้วช่วงบ่ายวันนั้น ระหว่างกินข้าวเย็น แม่เพื่อนก็คุยกับเพื่อนผมว่า
-แม่เพื่อน"ตอนเย็นนี้ไปงานกับแม่นะเอาเพื่อนไปด้วย แม่กับพ่อจะไปงานพระธาตุช่อแฮ แล้วก็จะเตลิดไปแวะแอมมันด้วย มันโทรมาชวนบอกว่าอยากไป"
ผมก็ดันคิดเพ้อเจ้อเข้าข้างตัวเองอีกแล้วครับท่าน
"เอ้ย อยากไปเที่ยว รึอยากไปเจอตูกันแน่ฟะ แต่ถ้ามาด้วยกันก็ดี ได้นั่งเบียดกันในแคปแน่ๆ แขนเราต้องเบียดกันแน่ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเธอ คงลอยผ่านอากาศมากระทบที่จมูกเรา โอ้ย!! คิดแล้วก็ฟิน"
เมื่อตกเย็นวันนั้น ก่อนที่จะไปงาน พ่อแม่เพื่อนก็แวะรับแอมที่บ้าน
แอมทำท่าตกใจ ว่าทำไมพวกผมมาเร็วจัง เธอยังมิได้เก็บร้านเลย แล้วก็ทำหน้าเซ็งๆ แล้วก็บอกกับพวกผมว่า ไม่เป็นไร ไปกันก่อนเลย กว่าจะเก็บร้าน ต้องใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง ไม่อยากทำให้เสียเวลาเที่ยวและแล้ว
และแล้วผมกับเธอก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน และนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอ
สรุป ผมไม่รู้ว่าเธอมีใจรึเปล่า ผมไม่ได้ต้องการจะจีบเธอ เพียงแต่ว่า อยากริว่า สิ่งที่ผมคิดนั้น มันถูกต้องรึเปล่า เพราะบางครั่ง ผมไม่เข้าใจว่า เธอจะอยากไปเที่ยวอะไรกันนักกันหนา พาคนแปลกหน้าอย่างผมไปเที่ยว และพอเวลาเธอคุยกับผม ทำไมเวลาเธอถามคำถามผม เช่น มากี่วัน กลับเมื่อไหร่. ทำไมเวลาเธอถาม เธอไม่ยอมสบตาผม เธอถามผม แต่สายตาเธอ ทำไมมองไปที่เพื่อนผม หรือมองที่อื่น มันเพราะอะไร หรือว่าจริงๆมันไม่มีอะไร เรื่องทั้งหมด ผมก็เพียงแค่คิดไปเองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มโนเวอร์เพ้อเจ้อ คิดเข้าข้างตีวเอง หลงคิดว่าตัวเองมีเสนห์
----------------
เพื่อนๆเคยเจอประสบการณ์คนต่างจังหวัดมาเที่ยว และเพื่อนๆก็อยากพาเที่ยวแบบสุดๆ อยากให้คยที่มาเยื่อนประทับใจ ถึงขนาดปิดกิจการพาเพื่อนไปเที่ยวเลยรึเปล่าครับ
สาวชวนไปเที่ยวครับ คิดไปเองรึเปล่าเนี่ย ว่าเค้ามีใจ
-----------------
พอดีว่า ได้มีโอกาสไปเที่ยวแพร่ ไปกับเพื่อน 2 คน นอนบ้านพ่อแม่เพื่อน ขึ้นรถทัวร์ไป
อันที่จริงก็ไม่เชิงไปเที่ยวหรอกครับ พอดีว่าปิดเทอม แล้วตัวเองก็เบื่อบ้าน ไม่รู้จะไปไหน แต่อยากไปเที่ยว ไปไหนก็ได้ ให้มันพ้นๆหลังคาบ้านนั่นล่ะครับ ไปๆมาๆก็ไปลงเอยอยู่ที่แพร่
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมและเพื่อน ได้มีโอกาสไปบ้านญาติของเพื่อน แล้วบังเอิญ ไปเจอสาวเหนือเมืองแพร่ซึ่งเป็นญาติของเพื่อน งามหยดพูดเหนือ เจ้าๆ จ้อยๆ
เธอเปิดร้านขายไอติมอยู่กับบ้าน (บ้านเพื่อนผมอยู่ต่างอำเภอ ชื่ออำเภอ 'ร้องกวาง' ส่วนสาวเจ้าอยู่ตัวเมืองแพร่ ซึ่งห่างกันราว 25 กิโล)
สาวเจ้าคนนั้นก็ถามเพื่อนผมด้วยภาษาเหนืออันชวนฟัง แปลเป็นไทยกลางได้ประมาณว่า
-สาวเหนือ"เพื่อนมาจากโคราชเหรอ มาไกลเนอะ มาเที่ยวเหรอ?"
-เพื่อน"มันมาเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้มาเที่ยวหรอก"
-สาวเหนือ"ตายแล้ว มาไกลขนาดนี้ทำไมไม่พาเพื่อนเที่ยว"
-เพื่อน"มารถทัวร์ ไม่มีรถเที่ยว พ่อก็ใช้รถ ไม่รู้จะเอารถไหนออกไปเที่ยว"
-สาวเหนือ"น่าเสียดายเนอะ วันนี้มีงานประจำปีเมืองแพร่ด้วย พระธาตุช่อแฮ แอมจะไปคืนนี้แหละ ไปด้วยกันไหม อยากให้เพื่อนไปเห็น มาตั้งไกลน่าเสียดายถ้าไม่ได้เที่ยว"
ช่วงนั้นผมอดคิดไม่ได้ว่า "เอ้ย!! เขาอยากให้เราไปขนาดนั้นเลยเหรอวะ นี่คิดอะไรกะเราอยู่รึเปล่าเนี่ย"
แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก คิดว่าคงชวนเราเป็นมารยาท ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ในใจก็แอบคิด"เอ๊ะ!!?? หรือว่าเขาคิดอะไรกับเราวะ"
แอบหลงเพ้อเจ้อคิดเองเออเอง
"กูนี่ก็มีเสนห์เหมือนกันนี่หว่า ถ้าตูไม่มีเสนห์ คงไม่ชวนหรอก โฮะๆๆ!!"
แต่สุดท้าย ผมก็ปฎิเสธไป แต่ในใจอยาก อยากไปสุดๆ เพราะทนฟามน่ารักของเธอไม่ไหวอยากทำความรู้จัก
สุดท้ายก็กลับบ้าน แล้วระหว่างทางกลับก็แอบคิดสนุกๆว่า"ถ้าเค้าอยากให้เราไป หรือมีใจ คงจะชวนเราอีกก็เป็นได้"
และแล้ว เช้าวันใหม่ก็มาถึง ระหว่างนี่ผมนั่งกินข้าวอยู่นั้น เพื่อนผม มันก็มาบอกว่า
-เพื่อน"เอ้ย เมื่อเช้าแอมโทรมา บอกว่า อยากไปเที่ยวรึเปล่า ถ้าอยากไปเที่ยว ไปกับกูแล้วขึ้นรถตู้ไปในเมือง เดี๋ยวไปถึงในเมือง แอมจะเอารถออกพาเราเที่ยว แล้วตอนค่ำก็จะพาส่งบ้าน"
ผมคิดเข้าข้างตัวเอง"เอ้ย เรื่องนี้มันเหมือนกับเมื่อวานที่ตูคิดไว้ไม่มีผิด ถ้าเค้ามีใจ เค้าคงจะชวนเราเที่ยวอีกแน่ๆ ตูนี่เดาแม่นจริงๆ แบบนี้มีลุ้น"
สลีบกับความคิดไม่เข้าข้างตีวเอง
"ไม่หรอกมั้ง เขาไม่ได้มีจงมีใจอะไรหรอก เขาก็แค่คงเห็นเราเดินทางมาไกล อยากให้เราเที่ยว อยากให้เราประทับใจเมืองแพร่บ้านเกิดเขาเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก"
แล้วก็อีกครั้ง ที่ผมคิดเข้าข้างตัวเอง
"เฮ้ยๆๆ!! ตูเป็นคนแปลกหน้านะเว้ย เจอกันแค่วันเดียว เขาจะใส่ใจตูอะไรกันนักกันหนา เพื่อนก็ไม่ใช่ ญาติก็ไม่ใช่ อะไรจะใจดีขนาดนั้น ถ้าเขาไม่มีใจ เขาจะยอมปิดร้าน พาคนแปลกหน้าอย่างเราไปเที่ยวนี่นะ มันไม่เมกเซ๊นทต์ เอาซะเบย มันผิดธรรมชาติ มีใจแน่ๆอีแบบนี้"
(คือเขาเปิดร้านไอติมอยู่ แล้วถ้าผมไปจริงๆ เขาจะปิดร้านพาผมเที่ยวน่ะครับ)
แต่สุดท้าย ผมก็ปฎิเสธไป เพราะเกรงใจ ใจผมก็อยากไปเที่ยวกับเขานั่นแหละ แต่ผมเกรงใจจริงๆ ผมก็เลยไม่ไป
แล้วช่วงบ่ายวันนั้น ระหว่างกินข้าวเย็น แม่เพื่อนก็คุยกับเพื่อนผมว่า
-แม่เพื่อน"ตอนเย็นนี้ไปงานกับแม่นะเอาเพื่อนไปด้วย แม่กับพ่อจะไปงานพระธาตุช่อแฮ แล้วก็จะเตลิดไปแวะแอมมันด้วย มันโทรมาชวนบอกว่าอยากไป"
ผมก็ดันคิดเพ้อเจ้อเข้าข้างตัวเองอีกแล้วครับท่าน
"เอ้ย อยากไปเที่ยว รึอยากไปเจอตูกันแน่ฟะ แต่ถ้ามาด้วยกันก็ดี ได้นั่งเบียดกันในแคปแน่ๆ แขนเราต้องเบียดกันแน่ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเธอ คงลอยผ่านอากาศมากระทบที่จมูกเรา โอ้ย!! คิดแล้วก็ฟิน"
เมื่อตกเย็นวันนั้น ก่อนที่จะไปงาน พ่อแม่เพื่อนก็แวะรับแอมที่บ้าน
แอมทำท่าตกใจ ว่าทำไมพวกผมมาเร็วจัง เธอยังมิได้เก็บร้านเลย แล้วก็ทำหน้าเซ็งๆ แล้วก็บอกกับพวกผมว่า ไม่เป็นไร ไปกันก่อนเลย กว่าจะเก็บร้าน ต้องใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง ไม่อยากทำให้เสียเวลาเที่ยวและแล้ว
และแล้วผมกับเธอก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน และนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอ
สรุป ผมไม่รู้ว่าเธอมีใจรึเปล่า ผมไม่ได้ต้องการจะจีบเธอ เพียงแต่ว่า อยากริว่า สิ่งที่ผมคิดนั้น มันถูกต้องรึเปล่า เพราะบางครั่ง ผมไม่เข้าใจว่า เธอจะอยากไปเที่ยวอะไรกันนักกันหนา พาคนแปลกหน้าอย่างผมไปเที่ยว และพอเวลาเธอคุยกับผม ทำไมเวลาเธอถามคำถามผม เช่น มากี่วัน กลับเมื่อไหร่. ทำไมเวลาเธอถาม เธอไม่ยอมสบตาผม เธอถามผม แต่สายตาเธอ ทำไมมองไปที่เพื่อนผม หรือมองที่อื่น มันเพราะอะไร หรือว่าจริงๆมันไม่มีอะไร เรื่องทั้งหมด ผมก็เพียงแค่คิดไปเองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มโนเวอร์เพ้อเจ้อ คิดเข้าข้างตีวเอง หลงคิดว่าตัวเองมีเสนห์
----------------
เพื่อนๆเคยเจอประสบการณ์คนต่างจังหวัดมาเที่ยว และเพื่อนๆก็อยากพาเที่ยวแบบสุดๆ อยากให้คยที่มาเยื่อนประทับใจ ถึงขนาดปิดกิจการพาเพื่อนไปเที่ยวเลยรึเปล่าครับ