ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายวัชระ อ้างว่าเป็นผอ.ฝ่ายการตลาดบริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม ขอนัดดูอาคารที่ประกาศขายไว้ใน website
นัดจะนำผู้บริหารมาดูเพื่อตัดสินใจ ต่อมาได้มารับผู้เสียหายที่บ้าน โดยบอกให้ไปคนเดียว และอ้างว่ามีผู้บริหารรออยู่ในรถแล้ว ทั้งหมดได้ไปคุยกันที่อาคารที่ต้องการจะขาย และหลอกให้ผู้เสียหายไปคุยต่อที่โรงแรมที่อ้างว่า หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่มีอำนาจตัดสินใจรออยู่
เมื่อไปถึงโรงแรมได้สั่งอาหารมาให้ผู้เสียหายรับประทาน หลังจากนั้นผู้ที่อ้างว่าเป็นหุ้นส่วนมาถึงได้คุยอ้างว่า จะซื้ออาคารดังกล่าว แต่ตนเพิ่งเสียพนันมา จึงขอให้ผู้เสียหายรอก่อน
ทั้งหมดได้ช่วยกันหว่านล้อมว่าจะซื้อแน่นอน แต่ตอนนี้ยังขาดเงินอยู่บางส่วน ผู้เสียหายเริ่มรู้สึกไม่ปกติ จึงขอตัวจะกลับ แต่คนกลุ่มดังกล่าวได้เข้ามาจับมือและเกลี้ยกล่อมให้นั่งคุยต่อ ผู้เสียหายก็เปลี่ยนใจในทันทีและไปเบิกเงินสดมาให้ตามจำนวนที่นายวัชระและนางแหม่มบอก โดยขาดการคิดทบทวนหรือปรึกษาคนในครอบครัวอย่างที่เคยเป็นตามวิสัยปกติ คาดว่า น่าจะถูกนายวัชระและนางแหม่มป้ายยาขณะที่พูดคุยกันในโรงแรม
หลังจากได้เงินไปแล้วนายวัชระคาดว่าจะได้เงินเพิ่มอีกตามจำนวนที่ขอไว้ จึงนำผู้เสียหายมาส่งที่บ้าน และนัดว่าจะมาพบอีกในสามวันข้างหน้า
ซึ่งผู้เสียหายไม่ได้เล่าเรื่องใดๆให้คนในครอบครัวฟังเลย จนผ่านไปอีกสองวันผู้เสียหายเริ่มไม่แน่ใจว่า ตนถูกหลอกหรือไม่ จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฟัง ซึ่งเมื่อย้อนทบทวนดูก็รู้ตัวว่า ตนเองมีการตัดสินใจและพฤติกรรมที่ต่างไปจากเดิมในช่วงที่ผ่านมา
ผู้เสียหายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ โดยเสียเงินไปทั้งหมดนับล้านบาท ซึ่งมีหลักฐานแค่ภาพในCCTV เท่านั้น
เรื่องและภาพที่นำมาลงนี้ เพื่ออยากเตือนภัยให้ผู้อื่นที่อาจมีโอกาสเจอภัยจากกลุ่มคนเหล่านี้ จะได้เพิ่มความระมัดระวัง
เตือนภัยสำหรับคนขายทรัพย์สินทางinternet
นายวัชระ อ้างว่าเป็นผอ.ฝ่ายการตลาดบริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม ขอนัดดูอาคารที่ประกาศขายไว้ใน website
นัดจะนำผู้บริหารมาดูเพื่อตัดสินใจ ต่อมาได้มารับผู้เสียหายที่บ้าน โดยบอกให้ไปคนเดียว และอ้างว่ามีผู้บริหารรออยู่ในรถแล้ว ทั้งหมดได้ไปคุยกันที่อาคารที่ต้องการจะขาย และหลอกให้ผู้เสียหายไปคุยต่อที่โรงแรมที่อ้างว่า หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่มีอำนาจตัดสินใจรออยู่
เมื่อไปถึงโรงแรมได้สั่งอาหารมาให้ผู้เสียหายรับประทาน หลังจากนั้นผู้ที่อ้างว่าเป็นหุ้นส่วนมาถึงได้คุยอ้างว่า จะซื้ออาคารดังกล่าว แต่ตนเพิ่งเสียพนันมา จึงขอให้ผู้เสียหายรอก่อน
ทั้งหมดได้ช่วยกันหว่านล้อมว่าจะซื้อแน่นอน แต่ตอนนี้ยังขาดเงินอยู่บางส่วน ผู้เสียหายเริ่มรู้สึกไม่ปกติ จึงขอตัวจะกลับ แต่คนกลุ่มดังกล่าวได้เข้ามาจับมือและเกลี้ยกล่อมให้นั่งคุยต่อ ผู้เสียหายก็เปลี่ยนใจในทันทีและไปเบิกเงินสดมาให้ตามจำนวนที่นายวัชระและนางแหม่มบอก โดยขาดการคิดทบทวนหรือปรึกษาคนในครอบครัวอย่างที่เคยเป็นตามวิสัยปกติ คาดว่า น่าจะถูกนายวัชระและนางแหม่มป้ายยาขณะที่พูดคุยกันในโรงแรม
หลังจากได้เงินไปแล้วนายวัชระคาดว่าจะได้เงินเพิ่มอีกตามจำนวนที่ขอไว้ จึงนำผู้เสียหายมาส่งที่บ้าน และนัดว่าจะมาพบอีกในสามวันข้างหน้า
ซึ่งผู้เสียหายไม่ได้เล่าเรื่องใดๆให้คนในครอบครัวฟังเลย จนผ่านไปอีกสองวันผู้เสียหายเริ่มไม่แน่ใจว่า ตนถูกหลอกหรือไม่ จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ครอบครัวฟัง ซึ่งเมื่อย้อนทบทวนดูก็รู้ตัวว่า ตนเองมีการตัดสินใจและพฤติกรรมที่ต่างไปจากเดิมในช่วงที่ผ่านมา
ผู้เสียหายจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ โดยเสียเงินไปทั้งหมดนับล้านบาท ซึ่งมีหลักฐานแค่ภาพในCCTV เท่านั้น
เรื่องและภาพที่นำมาลงนี้ เพื่ออยากเตือนภัยให้ผู้อื่นที่อาจมีโอกาสเจอภัยจากกลุ่มคนเหล่านี้ จะได้เพิ่มความระมัดระวัง