หนู,พี่,ดิชั้น เป็นแม่บ้านในต่างแดนที่...ไม่ไกลบ้านซักเท่าไหร่ นั่นก็คือสิงคโปร์นี่เอง แต่ก็นะ ใกล้แค่ไหนคือไกลอยู่ดีนั่นแล่ะ - -"
ถึงแม้ที่นี่จะมีห้างไทย มีส้มตำ มีหมูกระทะ มีคนไทยให้เห็นแทบทุกที่ก็เถอะ แต่ความรู้สึกมันไม่เหมื้อนนไม่เหมือนกับกินส้มตำหน้าปากซอยบ้านสักเท่าไหร่ (สรุปว่าเน้นเรื่องส้มตำ?5555) แต่ถ้าตัดปัญหาเรื่องความไม่เหมือนนนออกไปที่นี่ก็เป็นประเทศที่น่า อยู่มากๆประเทศนึงเชียวล่ะ
ทั้งสะอาดและเป็นระเบียบ ไม่มีแม้กระทั่งน้องหมามาเดินให้เห็น (นอกจากมีการทำเรื่องขอใบอนุญาติเลี้ยง!!ถ้าข้อมูลไม่ผิดน่าจะเลี้ยงได้แค่1ตัวนะคะ*ถ้าข้อมูลผิดต้องขออภัย) ดังนั้นบนฟุตบาททางเท้า จะไม่มีอึน้องหมาแน่นอน วิ่งเท้าเปล่า นอนกลิ้งเกลือกเล่นได้สบาย(อันนี้เกินไปค่ะ^^55555) แต่เอาเป็นว่าสะอาดจริงๆ
เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ ^^ เมื่อปี 2012 ดิชั้นแต่งงานกับหนุ่มสิงคโปร์ อืม..ที่จริงแล้วผู้ชายที่นี่อบอุ่น เอาใจเก่ง และคลั่งใคล้ผู้หญิงไทยมากกกก
(ปลื้มค่ะ คนรู้จักที่นี่หลายๆคนชมว่าผู้หญิงไทยสวยจริงๆ) ดังนั้นหนุ่มๆสิงคโปร์จะหลงรักสาวไทยมากมายจนแต่งงานกันมาหลายคู่แว้ววว
(ชอบสาวไทย มากซะจน ตม.แทบจะไม่อยากให้สาวไทยเข้าประเทศเข้าแล้วด้วยซ้ำ555 ล้อเล่นค่ะ) แต่..ผู้ชายที่นี่ส่วนใหญ่แต่งงานเร็ว ถ้าเจอคนอายุ 30หน่อยๆ มักจะผ่านการหย่ามา แล้วทั้งนั้นนะคะ และอีกอย่าง ผู้ชายที่นี่เจ้าชู้ค่ะ รวมทั้งแฟนชั้นด้วย เมื่อก่อนตอนจีบกันใหม่ๆ เคยว่าแฟนว่าเจ้าชู้บ่อยๆ เค้าก็จะแซวว่าคนไทยไม่เจ้าชู้หรือไง ได้ข่าวว่าเธออกหัก ถึงมาพบรักกับชั้นที่สิงคโปร์นี่ไง ไม่ใช่เหรอ..? - -'' แป่ววว...โอเครร ถูกของคุณๆ ชั้นยอมละ (คนไทยก็เจ้าชู้หนักๆจริงๆ)
สำหรับแฟนคนนี้ ก็กว่าจะเลิกเจ้าชู้ได้ แทบแย่เหมือนกัน เมื่อถึงวันที่เราสองตกลงปลงใจแต่งงาน แต่กระนั้นเค้าก็ยังไม่หยุดเสียทีเดียวหรอกค่ะ
กว่าชั้นจะรุ้สึกว่าตัวเองได้เป็นภรรยาเค้าเต็มตัวจริงๆเสีย ที! ก็จนวันที่ต่างคนต่างค้นหาความ "พอดี" ของกันและกันจนพบ
นั่นคือ...ชั้นค้นหาว่าควรหยุดวิ่งตาม แต่ควรหนีไปเลยค่ะ(หนีจริงๆ) ก่อนไปคุยกับเค้าว่า ไปใช้ชีวิตอิสระของคุณให้พอก่อนดีกว่า ชั้นหอบผ้าผ่อนกลับไทย บอกเค้าว่า บอกแล้วว่าชั้นไม่ได้ขู่ๆ!! เพราะก่อนหน้านั้น "ขู่" เฉยๆมาตลอดหลายปีค่ะ - -" ตั้งแต่วันนั้นพอชั้นกลับมา ก็รู้สึกว่าเค้าดีขึ้น กลับบ้านตรงเวลา แต่ชั้นเองก็บอกเค้าตลอดว่า ไม่ได้ให้ปิดกั้นตัวเองจากเพื่อนนะ จะไปไหนก็ไป แต่ให้มีลิมิตก็พอ
และที่จริงแล้วตอนนี้ชั้นเองก็เหมือนเพิ่งโต(แก่ขึ้น) เพิ่งเรียนรู้ว่า ความพอดีในการใช้ชีวิตคู่มันอยู่ตรงไหน มีความยืดหยุ่น
มีพื้นที่ส่วนตัว บนเรือลำเดียวกันมันทำได้อย่างไร อยู่ร่วมกันแล้วมองแต่ด้านเสียของเค้ามัน ก็ไม่มีความสุข ทำไม้...ทำไมเราไม่มองว่าเค้าเองก็ทำงานหนักทุกวัน เอาอกเอาใจเราเท่าที่เค้าจะทำได้ ยอมฟังเราบ่น และอื่นๆอีกมากมายฯลฯ
อืม..ต่างคนต่างรัก ต่างไว้ใจ และมีพื้นที่ของตัวเองได้ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่นา ขอแค่มีความพอดี รู้จักให้เกียรติกัน..ไม่ทำร้ายจิตใจกันก็พอแล้วเนอะ
ดังนั้นชั้นเลยคิดว่า...ต่อไปนี้ชั้นจะกอดเค้า..เราจะกอดกันทุกวัน..โดยที่จะไม่กอด...จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหายใจไม่ออกค่ะ
^___^
ปล.อย่าลืมกอดกันนร้าา ^^
สวัสดีพี่ๆSeniorทุกๆคนคะ ^__^ มาแนะนำตัวและเล่าเรื่อง "พอใจเพราะพอดี"
ถึงแม้ที่นี่จะมีห้างไทย มีส้มตำ มีหมูกระทะ มีคนไทยให้เห็นแทบทุกที่ก็เถอะ แต่ความรู้สึกมันไม่เหมื้อนนไม่เหมือนกับกินส้มตำหน้าปากซอยบ้านสักเท่าไหร่ (สรุปว่าเน้นเรื่องส้มตำ?5555) แต่ถ้าตัดปัญหาเรื่องความไม่เหมือนนนออกไปที่นี่ก็เป็นประเทศที่น่า อยู่มากๆประเทศนึงเชียวล่ะ
ทั้งสะอาดและเป็นระเบียบ ไม่มีแม้กระทั่งน้องหมามาเดินให้เห็น (นอกจากมีการทำเรื่องขอใบอนุญาติเลี้ยง!!ถ้าข้อมูลไม่ผิดน่าจะเลี้ยงได้แค่1ตัวนะคะ*ถ้าข้อมูลผิดต้องขออภัย) ดังนั้นบนฟุตบาททางเท้า จะไม่มีอึน้องหมาแน่นอน วิ่งเท้าเปล่า นอนกลิ้งเกลือกเล่นได้สบาย(อันนี้เกินไปค่ะ^^55555) แต่เอาเป็นว่าสะอาดจริงๆ
เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ ^^ เมื่อปี 2012 ดิชั้นแต่งงานกับหนุ่มสิงคโปร์ อืม..ที่จริงแล้วผู้ชายที่นี่อบอุ่น เอาใจเก่ง และคลั่งใคล้ผู้หญิงไทยมากกกก
(ปลื้มค่ะ คนรู้จักที่นี่หลายๆคนชมว่าผู้หญิงไทยสวยจริงๆ) ดังนั้นหนุ่มๆสิงคโปร์จะหลงรักสาวไทยมากมายจนแต่งงานกันมาหลายคู่แว้ววว
(ชอบสาวไทย มากซะจน ตม.แทบจะไม่อยากให้สาวไทยเข้าประเทศเข้าแล้วด้วยซ้ำ555 ล้อเล่นค่ะ) แต่..ผู้ชายที่นี่ส่วนใหญ่แต่งงานเร็ว ถ้าเจอคนอายุ 30หน่อยๆ มักจะผ่านการหย่ามา แล้วทั้งนั้นนะคะ และอีกอย่าง ผู้ชายที่นี่เจ้าชู้ค่ะ รวมทั้งแฟนชั้นด้วย เมื่อก่อนตอนจีบกันใหม่ๆ เคยว่าแฟนว่าเจ้าชู้บ่อยๆ เค้าก็จะแซวว่าคนไทยไม่เจ้าชู้หรือไง ได้ข่าวว่าเธออกหัก ถึงมาพบรักกับชั้นที่สิงคโปร์นี่ไง ไม่ใช่เหรอ..? - -'' แป่ววว...โอเครร ถูกของคุณๆ ชั้นยอมละ (คนไทยก็เจ้าชู้หนักๆจริงๆ)
สำหรับแฟนคนนี้ ก็กว่าจะเลิกเจ้าชู้ได้ แทบแย่เหมือนกัน เมื่อถึงวันที่เราสองตกลงปลงใจแต่งงาน แต่กระนั้นเค้าก็ยังไม่หยุดเสียทีเดียวหรอกค่ะ
กว่าชั้นจะรุ้สึกว่าตัวเองได้เป็นภรรยาเค้าเต็มตัวจริงๆเสีย ที! ก็จนวันที่ต่างคนต่างค้นหาความ "พอดี" ของกันและกันจนพบ
นั่นคือ...ชั้นค้นหาว่าควรหยุดวิ่งตาม แต่ควรหนีไปเลยค่ะ(หนีจริงๆ) ก่อนไปคุยกับเค้าว่า ไปใช้ชีวิตอิสระของคุณให้พอก่อนดีกว่า ชั้นหอบผ้าผ่อนกลับไทย บอกเค้าว่า บอกแล้วว่าชั้นไม่ได้ขู่ๆ!! เพราะก่อนหน้านั้น "ขู่" เฉยๆมาตลอดหลายปีค่ะ - -" ตั้งแต่วันนั้นพอชั้นกลับมา ก็รู้สึกว่าเค้าดีขึ้น กลับบ้านตรงเวลา แต่ชั้นเองก็บอกเค้าตลอดว่า ไม่ได้ให้ปิดกั้นตัวเองจากเพื่อนนะ จะไปไหนก็ไป แต่ให้มีลิมิตก็พอ
และที่จริงแล้วตอนนี้ชั้นเองก็เหมือนเพิ่งโต(แก่ขึ้น) เพิ่งเรียนรู้ว่า ความพอดีในการใช้ชีวิตคู่มันอยู่ตรงไหน มีความยืดหยุ่น
มีพื้นที่ส่วนตัว บนเรือลำเดียวกันมันทำได้อย่างไร อยู่ร่วมกันแล้วมองแต่ด้านเสียของเค้ามัน ก็ไม่มีความสุข ทำไม้...ทำไมเราไม่มองว่าเค้าเองก็ทำงานหนักทุกวัน เอาอกเอาใจเราเท่าที่เค้าจะทำได้ ยอมฟังเราบ่น และอื่นๆอีกมากมายฯลฯ
อืม..ต่างคนต่างรัก ต่างไว้ใจ และมีพื้นที่ของตัวเองได้ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่นา ขอแค่มีความพอดี รู้จักให้เกียรติกัน..ไม่ทำร้ายจิตใจกันก็พอแล้วเนอะ
ดังนั้นชั้นเลยคิดว่า...ต่อไปนี้ชั้นจะกอดเค้า..เราจะกอดกันทุกวัน..โดยที่จะไม่กอด...จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหายใจไม่ออกค่ะ
^___^
ปล.อย่าลืมกอดกันนร้าา ^^