เมื่อฉันไม่ได้อยากเรียนวิศวกรรม .. กับการมาเหนือดวงของฉัน !

ฉันคิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม ? เพราะฉันคิดว่าฉันจะเขียนเรื่องชีวิตฉันตอนฉันเรียนจบแล้ว
แต่ฉันเห็นกระทู้มากมายเหลือเกินที่หลาย ๆ คนท้อแท้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้สู้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลอง ด้วยความไม่กล้า
ด้วยการที่คิดอยู่ตลอดว่าตัวเองทำไม่ได้ ฉันเลยอยากเขียนชีวิตของฉันให้ทุกท่านอ่าน ว่าบางครั้งชีวิตคนเราก็
ไม่แน่เสมอไป มีขึ้นมีลง มีวันล้มและมีวันสำเร็จ


            ชีวิตฉันเริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัดพ่อแม่ส่งฉันเข้าเรียน ตั้งแต่เตรียมอนุบาล ถึง ป.6
ฉันจบมาด้วยเกรด 2 กว่า ๆ ชีวิตประถมของฉันไม่เคยได้เกรด 3 หรือ 4 กับเค้าบ้างเลย พอฉันจบประถมฉันก็ได้มาสอบ
เข้าโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด นี้เป็นครั้งแรกกับความเฮ็งของดวงในชีวิตฉัน ผลเฉลยที่ออกมา คือฉันสอบไม่ติด
แต่ยังโชคดีที่ฉันมันเด็กบ้านใกล้โรงเรียน มีสิทธิเด็กในเขตพื้นที่ทำให้ฉันมีที่เรียน แต่พอวันที่ฉัน ไปมอบตัวทางโรงเรียน
ก็มีการสอบเข้าห้องเรียนพิเศษเกิดขึ้น ( มีสิทธิพิเศษกว่าห้องปกติ คือ ขึ้นชื่อว่าเป็นห้องเรียนดี เรียนกับเจ้าของภาษา
หรือ เรียนกับฝรั่ง มีวิชาคณิตศาสตร์เสริม ได้เที่ยวทะเลทุกปี ) ฉันก็ไปสอบเพราะพ่ออยากให้ไป ลองดูฉันก็ตามใจก็ไม่ได้หวัง
อะไรอยู่แล้วแค่มีที่เรียนพอ ข้อสอบเป้นข้อสอบภาษาอังกฤษ ตอนนั้นภาษาอังกฤษฉันก็งู ๆ ปลา ๆ สะกดอ่านอะไรยังไม่คล่อง
แปลได้แต่ศัพท์ง่าย ๆ  พอวันที่ผลประกาสออก ฉันสอบติดห้องนี้ ฉันดีใจ บวกความมึนงง ว่าสอบติดได้ไง แต่ก็ช่างเถอะ
อย่างน้อยฉันก็ทำให้พ่อแม่ภูมิใจมานิดหนึ่ง จากที่ไม่เคยมีเลย พอเปิดเทอมมาทางโรงเรียนก็เรียก ผู้ปกครองของห้องฉัน
ไปประชุม ว่าเค้าจะปิดห้องนี้เพราะ เด็กที่สอบเข้ามาได้คะแนนน้อยเค้าจะเปลี่ยนให้เป็นห้องปกติ ( ห้องเรียนพิเศษทุกปีมี
ห้อง 12 11 10 เท่านั้น แต่ฉันอยู่ห้อง 9 เป็นปีที่พึ่งมาเปิดและเป็นปีเดียวที่มีห้อง 9 เป็นห้องพิเศษ ) ผู้ปกครองทั้งหลาย
ก็ต่างไม่ยอม เพราะใครก็อยากให้ลุกได้เรียนดี ๆ ทำให้ทางโรงเรียนต้องเปิดห้องฉันเป็นห้องพิเศษต่อไป ตั้งแต่ ม.1 - ม.3
ฉันได้เกรด 3.00 - 3.50ตั้งแต่ฉันเรียนมาชีวิตนี้ 3.50 คงเป็นเกรดที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้วมั้ง และอีกอย่าง เพื่อนกลุ่ม มัธยมต้น
ของฉันก็เรียนดีทุกคนด้วย ทำให้ฉับจบช่วง มัธยมต้นมาด้วยดี

              
              แต่ฉันก็เบื่อกับสังคมที่แข็งขันสูง ชอบดูถูกกัน ฯลฯ สารพัดอย่างที่ฉันอยากไปหาที่เรียนใหม่ สุดท้ายแล้วเด็กสายสามัญ
อย่างฉันได้เบนเข็ม ไปเรียนสายอาชีพ และสาขาที่ฉันเลือกคือ " อิเล็กทรอนิกส์ " ฉันจำได้วันที่ฉันไปเอาใบ รบ.ฉันได้ไปเจออาจารย์
ที่สอน คณิตศาสตร์ ฉันท่านก็เตือนฉันว่า ฉันอ่อนเรื่องคณิตศาสตร์นะไปเรียนจะไหวหรอ พวกนี้ต้องให้คณิตศาสตร์เยอะนะ มันก็จริง
อย่างที่อาจารย์ท่านพูด ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยได้เกรดคณิตศาสตร์มากกว่าเกรด 2 เลย แต่ฉันก็ยังไม่ฟัง ยังจะไปเรียน เพราะตอนนั้น
ฉันติด เกมหลายๆ อย่าง ฉันอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ และความอยากเก๋า อยากซ่าในสายเด็กสายอาชีพ อารมณ์วัยรุ่นของฉันตอนนั้น
มีแต่ความคึกคะนองเต็มไปหมด แล้วฉันก็สอบติดสมใจ แต่พอเข้าไปเรียนทุกอย่างมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่ฉัน คิดเอาไว้ ฉันเริ่มติดเพื่อน
ติดแฟน ติดเที่ยวสารพัดอย่าง มันเป็นช่วงชีวิตที่แย่ที่สุดตั้งแต่ฉันเกิดมา และมันก็ให้ประสบการณ์ชีวิตฉันมากที่สุด


              ปีแรกที่ฉันเข้าเรียน เกรดเทอมแรกของฉัน 1.48 ไม่ติด 0 แต่เกรดแย่มาก ๆ เกิดมาฉันยังไม่เคยเกรดน้อยเท่านี้เลย
วัน ๆ ที่ฉันไปเรียน เข้าบ้างไม่เข้าบ้าง หนีไปเล่นเกมบ้าง เข้าแถวตอนเช้าฉันไม่เคยเข้า กิจกรรมลูกเสือเนตรนารีฉันยังตก
เพราะฉันไม่เข้าเลย ( เสียเวลาไปหาแฟน ตอนนั้น 555 ) พอขึ้นปี 2 อันนี้ฉันจำได้ขึ้นใจเลยเรียน 9 วิชา ติด 0  แปดตัว โหคนอะไร
จะโง่ขนาดนี้ ตอนนั้นฉันกลัวมากว่า พ่อแม่จะรู้ โชคดีที่เกรดส่งไปบ้านตอนที่แนแก้ 0 เสร็จแล้ว พอ ปี 3 ฉันไม่ได้ฝึกงาน
ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเพื่อนฉันไปฝึกงาน ฉันเอาเวลาไปแก้ 0 รีเกรดมั้งตอนนั้นเกรดแนยังไม่ถึง 2 ด้วยซ้ำและสุดท้ายฉันก็เรียนไม่จบ
ปวช.3 ปี แฟนฉันที่คบมาตั้งแต่ปี 1 ก็มาทิ้งฉัน ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวไร้ค่ามันเป็นโลกที่ทำอะไรก็ไม่มีความหมายในตอนนั้น
แต่ฉันก็ยังดันทุรังไปสอบ มหาลัยช่างชื่อดังของภาคเหนือ เพราะฉันแค่อยากรู้อยากลอง  ฉันไปสอบทั้ง ๆ ที่ฉันเรียนไม่จบ
แต่ผลเป็นว่าฉันสอบติด แต่ฉันติด ปวส. สมทบ ใจฉันตอนนั้นฉันอยากไปเรียนมาก ฉันอยากมีอนาคตใหม่ ฉันไม่อยากอยู่ที่เดิม
แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ไปมีโอกาสแต่ไม่ได้ไป มั้งเป็นอะไรที่รู้สึกแย่ และฉันไม่รู้ว่าคนโง่ ๆ อย่างฉันจะได้มีโอกาศแบบนี้อีกไหม ?


               พอฉันขึ้น ปวช. ปี 4 มันฟังละช่างดูน่าอับอายเหลือเกิน ฉันก็พยามทำให้เกรดฉันถึง 2.00 โดยการไล่แก้วิชาต่างๆ
ที่ฉันได้ 1 หรือ 1.5 ฉันนึกว่าจบเทอมสองชีวิตฉัน คงได้เรียนจบ ปวช ที่นี้แล้วแต่มันไม่ ห้องทะเบียนคำนวนเกรดให้ฉันว่ายังไม่ถึง 2
โอ้พระเจ้า เรียนมา 4 ปี ซัมเมอร์ทุกปี เกรดฉันยังไม่ถึง 2 อีกหรอเนี่ย ฉันจำต้องลงซัมเมอร์อีก 3 ตัวใจฉันนิกลัวไปหมด ถ้าเกรดซัมเมอร์
ฉันไม่ถึง 2 ฉันได้เรียน ปวช. 5 ปีแน่ ๆ พอฉันเรียนซัมเมอร์ไปเกือบจะจบละ อาจารย์หัวหน้าแผนกฉัน โทรไปเช็คที่ทะเบียนให้ว่าเกรด
ฉันต้องอีกเท่าไหร่ถึงจะผ่าน เป็นว่าเกรดฉันจริง ๆ แล้ว 2.00 เป๊ะเพียงแต่วันที่ฉันไปถามนั้น เป็นพี่อีกคนเค้าคำนวนผิด ฉันเงิบเลย
แต่ก็เรียนซัมเมอร์ให้จบเพราะเสียเงินค่าเรียนมาแล้ว แต่เกรดฉันก็ขึ้นมาแค่ 2.03 เอิ่มม -___-


             คราวนี้ความฝันของฉันก็มาถึง ชีวิตมหาลัยที่ฉันโหยหา มหาลัยที่ฉันอยากเข้า ฉันจะต้องเข้าให้ได้ แต่รอบนี้ฉันสอบ
คณะบริหาร สาขา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ เพราะฉันขอลาที อิเล็กถ้าฉันเรียนอีกฉันคงไม่รอด ชาตินี้อย่าได้พบเจอกันอีกเลยผลปรากฏว่า
ฉันนสอบไม่ติดดด โอ้ว ฉันจะบ้าตายพอฉันเรียนจบแต่สอบไม่ติด ยื่นรอบสองก็แล้ว ใจฉันมันห่อเหี่ยวฟ้าช่างเล่นตลกกับชีวิตฉันเหลือเกิน
ฉันเลยรอสอบมหาลัย ราชภัฏ เพราะใจจริงฉันอยากเบนไปเรียน สาขานิติ ไม่ก็รัฐศาสตร์ เพราะฉันชอบการเมืองมาก แต่พอหลังสงกานต์
เพื่อนฉันที่สอบติด ปวส พร้อมฉันครั้งที่แล้วก็ทักเฟสฉันมาถามว่าฉัน สอบติดไหม อะไรต่าง ๆ นา ๆ ฉันก็ปฏิเสธว่าฉันสอบไม่ติด
ฉันรอสอบราชภัฏอยู่ เพื่อนฉันเลยบอกว่า

เพื่อน " ตอนนี้มอมันเปิด ยื่นคะแนนสอบเข้ารอบที่ 3 รอบสุดท้ายแล้ว รีบไปยื่นซิ แล้ว ปีนี้อิเล็กมันเปิด วิศว ป.ตรี ปีแรกไม่สมัครหรอ ? "
เรา " ห๊าาา มียื่นรอบสาม ด้วยเดี๋ยว ๆ กูเข้าเว็บมอก่อน วิศวอิเล็กหรอ ไม่อ่ะ เดียวกูเรียนไปรอดอีก กูไม่เอาละ "
เพื่อน " มาสอบเป็นคู่กูซิ กูก็จะไปสอบเนี่ย ถ้ากับกูสอบติด กูจะซิ่วไปเรียนกับเลย "
เรา " ห๊าเอาจริง กูเรียนไปรอดหรอก ขนาดเทคนิคกูยังเรียนไม่ได้ จะให้กูมาเรียนวิศวะ "
เพื่อน " เออน่าเชื่อกูซิ สังคมมหาลัยเค้าช่วยกัน กูก็จะช่วยไม่ต้องกลัว "
เรา " หรอ เออ ๆๆ งั้นกูลองไปสอบก็ได้ ไงวันสอบเจอกัน "


           จากนั้นฉันก็ไปถามพ่อแม่ พ่อกับแม่ฉันก็ให้ไปสมัครสอบ ลองดู ใจหนึ่งฉันก็อยากเรียนนะ อยากเรียนมาก คณะวิศวกรรมที่ใคร ๆ
ใฝ่ฝันอยากเข้า แต่เราไม่มีความรู้อะไรเลย ไม่เคยเข้าใจมันเราจะเรียนรอดหรอช่างเถอะไปตายเอาดาบหน้าละกันและแล้ววันสอบ
ก็มาถึงมีนักเรียนสอบประมาณ 100 กว่าคนเองมั้งแต่ใจฉันก็แอบกลัวอยู่ดีว่าจะสอบไม่ติดเพราะฉันก็ไม่ได้เก่งอะไร ฉันแค่อยากมีที่เรียน
ไม่อยากให้พ่อแม่คอยดุด่าอยู่แบบนี้ สุดท้ายฉันก็สอบติด โอ้โห พ่อแม่เราดีใจมาก ยิ้มหน้าบานเบอะเลย ฉันรู้สึกมีความสุขนะที่ได้ทำ
อะไรให้พ่อแม่ภูมิใจแม้มันจะได้มาแบบฟลุค ๆ ตลอด ก็เถอะ จากนั้นฉันก็ไปสอบราชพัฏอีก เนื่องจากฉันมั่นใจมากว่าฉันมีที่เรียนแล้ว
ไม่แคร์อะไร ฉันออกห้องสอบเป็นคนแรกของราชภัฏ ออกห้องสอบภายในครึ่ง ชม. โหพวกอาจารย์มองฉันเต็ม ฉันก็ออกมาแบบอาย ๆ
แต่สุดท้ายก็สอบติดนะ แต่ พ่อแม่ก็ให้ฉันเลือกว่าอยากเรียนไหน ถ้าเรียนนิติ ฉันไม่ได้มีความรู้อะไรมาเลยมั่นใจว่าจะเรียนรอดไหม ?
เข้าอิเล้กดีกว่าไหม ถึงจะยาก แต่ก็ยังพอมีวิชาที่เราเรียนมา สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจเข้าเรียน วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งฉันก็พยายามหนี
ออกมาตลอด 4 ปี แต่สุดท้ายชีวิตฉันมันก็วนกลับมาลูปเดิมอีกครั้ง ฉันสัญญากับตัวเองว่าฉันจะทำให้มันดีขึ้น ไม่เหลวแหลกเหมือนที่
ผ่านมาอีก ชีวิตฉัน ณ เวลานั้นมันไม่มีตัวเลือกมาก ฉันอยากเรียนที่ดี ๆ สังคมดี ๆ ชีวิตดี ๆ ต่อให้มันยากแสนเข็นฉันก็จะไป ชีวิตคนเรา
ครึ่งหนึ่งคือความพยามจากตัวเรา อีกครึ่งหนึ่งคือดวงชะตาชีวิตจริง ๆ แหละตราบใดที่เราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็ต้องทำได้ หลายคน
รอบข้างเฝ้าแต่ดูถูกเรา สารพัดคำพูดมากมายที่บรรทอนจิตใจว่าเราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก อย่างนี้ไม่ได้หรอก ถ้าวันนั้นเรามัวแต่ฟัง
คำพูดพวกนั้นเราอาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้แต่เราฟังคำพูดพวกนั้น ทุกวันนี้เราอาจไม่ต้องเรียนหนัก เรียนเหนื่อยแบบนี้
ทุกอย่างมันมีเหตุและผล โชคชะตาของมันและทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวคุณ อย่าคิดว่าตัวคุณทำไมไม่ได้ ถ้าคุณยังไม่ลองทำ ....


**** ขอบคุณเพื่อน ๆ พันธิปที่สละเวลามาอ่านเรื่องของเรา ไว้เราจะมาเล่าชีวิตในมหาลัยให้ฟัง เมื่อ เพื่อนเราตัวช่วยเดียวของเรา
ไม่มาสอบเข้าพร้อมเรา 5555 ไว้ติดตามอ่านกันนะค่ะ เพราะยังไง สอบเข้าได้ก็ไม่น่าภูมิใจเท่าเรียนจบ เรียนจบยังไม่ภูมิใจเท่ามีงานทำ ^^

ฝากเพลงนี้ไว้ให้เพื่อน ๆ ฟัง เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป !!

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่