รักนี้ห้ามบอก? : นักร้อง-ดาราไทยควรปิดรักเพื่อเรตติ้ง หรือ เปิดเผยสาธารณชน!?

จากมติชนออนไลน์

บอกต่อกันมานานว่าการจะเป็นดาราให้รุ่งต้องไม่มี "แฟน" เพื่อรักษาคะแนนนิยมในหมู่แฟนคลับ

ก่อนหน้านี้หลายคนจึงปิดเป็นความลับ มารู้กันอีกทีว่าซุกเมียและลูกมาเป็นสิบๆ ปี ก็ตอนเริ่มแก่ ชื่อเสียงเริ่มตก หากปัจจุบันบางคนไม่สนใจ จึงเปิดเผยตั้งแต่เริ่มต้น และบ้างก็ได้รับการตอบรับดิบดี ขณะที่บางคู่ก็ถูกแอนตี้ถึงขั้นเสียงานไปก็มี

เรื่องนี้ โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่ประกาศรัก แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คงตอบได้ดี


ขณะที่ ตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง ที่เปิดตัวคบ เมย์-สิรินทร์ ก่อเกียรติ ก็ว่า เขาเองเจอทั้งคนที่เข้าใจและที่ไม่ยอมรับ

"แต่ผมว่าความจริงก็คือความจริง ไม่อยากปิดบังอะไร เพราะรู้สึกว่าเราเป็นนักร้อง นักแสดง แต่ก็ใช้ชีวิตปกติ คือไม่ได้โฆษณา แต่ถ้ามีคนอยากรู้ ถามกันดีๆ ผมก็บอก"

กลับกันถ้าใครไม่อยากรับรู้ เขาก็ไม่พูดถึง

ตั้ม-สุธน บู่สามสาย ผู้เข้าประกวดหมายเลข 10 บนเวทีเดอะ สตาร์ 10 ก็บอกเหมือนกันว่า เขามีภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์

เรื่องนี้จะส่งผลให้เสียงโหวตน้อยลงไหม เขาไม่ทราบ หากอย่างไรเสียความจริงเรื่องนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งยังหวังว่าถ้าแฟนคลับจะรัก ก็ขอให้รักที่ผลงานมากกว่า

เรื่องดังกล่าว บอม-ธนิน มนูญศิลป์ คงไม่เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ขอให้ โฟกัส จีระกุล  ปกปิดความสัมพันธ์ที่สานต่อกันมาราว 2 ปีเป็นความลับ ก่อนที่หลายสาเหตุจะทำให้ความอดทนของเธอสิ้นสุดแล้วโพสต์คลิปตัดพ้อทั้งน้ำตาในเฟซบุ๊ก กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ จนฝ่ายชายต้องเปิดแถลงข่าวในวันเดียวกันยอมรับว่าเคยคบกัน พร้อมทั้งขอโทษที่ทำให้ฝ่ายหญิงเสียใจ และแฟนคลับผิดหวัง

ในยุคที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ การที่ดารามีแฟนยังต้องปกปิดอยู่อีกหรือ?

เรื่องนี้ สมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้จัดการสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 บอกว่า ความจริงช่องไม่ได้ห้าม แต่เตือนบ้างกรณีที่นักแสดงยังอยู่ในวัยเรียน เพราะเห็นว่าภาระเรื่องเรียนกับเรื่องงานก็หนักหนาอยู่แล้ว

"รู้จักคนเยอะก็ดี แต่เป็นเพื่อนกันไปก่อนได้ มีคุยบ้างว่าชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุยเรื่องสัจธรรมและบอกว่าชีวิตยังอีกยาวไกล"

ส่วนใครจะปิดหรือเปิดอย่างไรก็แล้วแต่

"นักแสดงเขาไม่ได้ปิดอะไรหรอก"

"แต่ก็เข้าใจว่าเขาต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของเขาเองเหมือนกัน" คือสิ่งที่สมรักษ์ประเมิน

เกี่ยวกับเรื่องผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพื่อป้องกันผู้ปกครองของ "ติ่ง" ดารามาขอพบ จนรบกวนงานประจำ ดังที่เคยเจอมา ให้ความเห็นว่า จริงๆ แล้วแฟนคลับทุกคนคงรู้แก่ใจว่า การมีแฟนเป็นเรื่องห้ามไม่ได้

"แฟนคลับรุ่นใหม่เข้าใจธรรมชาติตรงนี้มากขึ้น"

อารมณ์ประเภท "เขาต้องเป็นของฉันคนเดียว" อาจพอมีอยู่-แต่ไม่มาก

"คนที่รักมากจะหมกมุ่นกับคนคนนั้น ลืมว่าเขาต้องมีชีวิตของเขา กลายเป็นความหลง ห้ามไปยุ่งกับใคร กลายเป็นเรื่องหึงหวง ขณะเดียวกันนอกจากคิดว่าเขาต้องเป็นของฉันคนเดียว ก็จะรู้สึกด้วยว่าฉันต้องเป็นของเขาคนเดียวเหมือนกัน ดังนั้น จึงจะไม่สนใจใคร"

อย่างไรก็ตาม คนที่จะเป็นถึงขนาดนั้นได้ อาจจะต้องมีบุคลิกภาพที่ผิดปกติอยู่แล้วบ้าง นั่นคืออาจเป็นคนที่พึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา มีปมด้อย ไม่มั่นใจในตัวเอง

"เพราะฉะนั้นการที่เขารู้สึกว่าเขาเป็นของใครคนหนึ่ง จะทำให้เขารู้สึกว่ามีคุณค่า"

ความรู้สึกเหล่านี้บางครั้งจึงเลยเถิดไปถึงความรักเชิงชู้สาว

ซึ่ง "ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เขากับเราอยู่คนละโลกกัน แต่ความรู้สึกมันห้ามไม่ได้"

ในกรณีนี้วัยวุฒิมีส่วน

"ถ้าสังเกตจะเห็นว่าตอนเด็กเราไม่สนใจดารา แต่พอเป็นวัยรุ่น ที่แสวงหาเอกลักษณ์ให้ตัวเองก็อยากหาคนมาเลียนแบบ อยากสวย หล่อ เก่ง แบบคนนี้ พอเวลาชอบใครก็จะรู้สึกว่าเขาต้องเป็นของเรา ประกอบกับวัยนี้เป็นวัยที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย วุฒิภาวะยังไม่รู้จักยับยั้ง โกรธก็เรื่องใหญ่ เสียใจก็ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าเลยวัยรุ่นตอนปลายไปแล้วมันก็ข้ามพ้นวัยหวือหวา ก็จะไม่รู้สึกอะไรมาก"

ดังนั้น คำแนะนำสำหรับแฟนคลับผู้รู้สึกสูญเสียเมื่อดาราประกาศตัวว่ามีคนรัก คือ "ก่อนอื่นต้องตั้งสติ แล้วหาเพื่อนเพื่อระบายความรู้สึก"

จะรัก เศร้า เหงา โกรธ ก็ปล่อยให้เต็มที่

จากนั้นค่อยๆ คิดดูว่า "ความจริงแล้วเขามีสิทธิที่จะมีคนรัก มีแฟน และการที่เขามีความรักก็ไม่ได้ทำให้สถานะระหว่างดารากับแฟนคลับเปลี่ยนไป"

ส่วนตัวนักแสดงที่ยังลังเลว่าเปิดหรือปิด หรือตัดปัญหาโดยการไม่มีแฟนไปเลยดีไหมนั้น "ก็ตั้งสติก่อน"

"ต้องทำใจว่าเราเป็นคนของประชาชน และประชาชนก็คิดว่าตัวเราเป็นสมบัติส่วนหนึ่งของเขา แล้วค่อยๆ คิดว่าจะทำยังไงต่อ"

ทางหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ คือถ้าจะเปิดตัวก็ค่อยๆ ออกมาให้ข่าวทีละนิด บอกไปทีละขั้น เพื่อให้แฟนคลับมีเวลาทำใจ

"เหมือนกับการต้องแจ้งข่าวร้าย เพราะมันมีการสูญเสียเกิดขึ้นกับแฟนคลับที่เขารักเรามาก รักสุดหัวใจ ต้องค่อยให้ข่าวทีละหน่อย พอระยะหนึ่งผ่านไปแฟนๆ จะรับได้ ความรู้สึกสูญเสียก็จะไม่มากเหมือนจู่ๆ ออกมาแถลงใหญ่ครั้งเดียว"

"พวกนี้เป็นเรื่องของอารมณ์ สักพักก็จะเลือนหายไป มันจะขึ้นถึงขั้นพีคแล้วค่อยๆ ลดลง ดาราเองก็ไม่ต้องรีบตอบโต้ ให้อารมณ์ของแฟนคลับเย็นลงก่อนแล้วค่อยๆ อธิบาย"

ซึ่งน่าจะดีกว่าอยู่ๆ ก็มีคลิปโผล่ออกมา และสร้างความเสียหายไปเต็มๆ

หน้า 22 มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2557
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่