มีเรื่องราว ที่อยากแบ่งปัน ให้กับคนที่เพิ่งเรียนจบ กำลังเริ่มหางานทำ และคนที่คิดอยากจะเริ่มธุรกิจ
เป็นเรื่องของเจ้าของกระทู้เองโดยตรงนะครับ สิ่งที่ผมเล่า อาจไม่เข้าตำราหรือหลักการซักหน่อย แต่เชื่อว่ามีประโยชน์แน่นอน
ผมเป็นคนเรียนหนังสือ ไม่เอาไหน ม.ปลาย จบกศน. มหาลัยจบสถาบันราชภัฎ แห่งหนึ่ง (จบแบบทุลักทุเล) ที่เล่าประวัติการศึกษา ก็เพื่อจะบอกว่า ผมไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่ผมเป็นคนชอบอ่าน อ่านหนังสือ อ่านประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ หนังสือที่แนะนำให้คุณอ่านคือ ประเภทหนังสือที่จะทำให้เรารวยขึ้นครับ และอีกอย่างคือ ฟังเยอะๆ ฟังแม้กระทั้งคำถากถาง ในคำพูดเหล่านั้นมันมีประโยชน์ แน่นอน ถ้าใจคุณ+
ก่อนการสมัครงาน ผมกำหนดเป้าหมายของชีวิตตัวเอง ว่าเป้าหมายของผมคือ การเป็นเจ้าของธุรกิจ!
แต่ตอนนั้น ยังเด็ก ขาดความรู้ ขาดประสบการ์ และก็เหมือนใครอีกหลายคน คือ ไม่รู้จะทำอะไร... วิธีหาแนวทางของผมคือ ดูจากคนรอบข้างว่าเค้าทำอะไร น่าสนใจมั้ย ถ้าน่าสนใจ ก็ลองไปสนใจดู แต่ถ้าไม่น่าสนใจ ก็ไม่ต้องไปสนใจครับ พอดีญาติๆผมเค้าทำเกี่ยวกับบริษัท เอเจนซี่โฆษณา แต่ผมไม่ชอบทำงานกับญาติ เลยไม่ไปสมัครงานทำกับเค้า แต่ก็สังเกตุเห็นแนวทางว่า มันมีอาชีพ ประมานนี้นะ รวยนะ รายได้ดีนะ
หลังจากที่ผมเรียนจบแบบทุลักทุเล ผมเริ่มสมัครงาน วิธีที่ผมเลือกงาน ในการสมัครคือ ผมตั้งเป้าหมาย ไว้ว่า ผมจะไป ในทางไหน.. แล้วหาข้อมูลว่ามีบริษัทไหนที่เปิดรับพนักงาน Sale บ้าง ผมใช้วิธี walk in อย่างเดียว ไม่มีการส่ง resume วิธีคือ ดูว่าบริษัทไหนเปิดรับสมัคร แล้วเข้าไปสมัครเลย เอาเอกสารติดไปด้วย วิธีนี้ คุณมีโอกาศ ได้สัมภาษณ์ แน่นอน ดีกว่าส่ง mail ไปกองรวมกับคนอื่น..
แล้วผมก็ได้งานทำ..บริษัทที่ผมทำที่แรก ทำเกี่ยวการผลิตสื่อโฆษณา ณ จุดขาย ผมใช้เวลาเรียนรู้งานทั้งหมด 3 เดือน ผมก็ลาออก.. ผมใช้วิธีเดิมไปสมัครงานที่ใหม่ ที่ 2 ทำเกี่ยวกับ บริษัท ออกาไนซ์ ผมเรียนรู้งานทั้งหมด 3 เดือน ผมก็ลาออก
แล้วผมก็ไปสมัครงานที่ใหม่ ที่ 3 ทำเกี่ยวกับ อุปกรณ์ออกบูธและงานด้าน production แล้วผมก็เรียนรู้งานทั้งหมด 3 เดือน ผมใช้เวลาเรียนรู้งาน สนใจในสิ่งที่ควรต้องรู้ ฝึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นต้องใช้ ทำความเข้าใจในระบบ ของบริษัทต่างๆ วิธีการหาลูกค้า วิธีเสนองาน วิธีการจัดการ วิธีการผลิต แหล่งซัพพลายเออร์
ผมได้เงินเดือน จากงานที่ทำ 3 ที่นี้ 9000.- +ค่าคอม ตำแหน่ง sale (ใครที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ แนะนำให้เลือกสมัครงานตำแหน่ง sale เพราะเป็นงานที่มีหน้าที่ ที่เปิดกว้าง ได้พบกับคนมากที่สุด..) ส่วนเงินเดือน 9000.- ที่ผมได้เรียกได้ว่า ไม่พอใช้แน่นอน แต่ผมก็ทำ เพราะเป้าหมายในการทำงานผม ไม่ใช่เงิน.. แต่เป็นสิ่งที่ผมต้องการนำไปต่อยอด..
หลังจากที่ผมตัดสินใจ ลาออก จากการทำงาน ที่3 รวมแล้วผมมีประสบการณ์ทำงาน 9 เดือน สำหรับเด็กจบใหม่ เรียกได้ว่าอ่อนด้อยประสบการณ์มากๆ
สำหรับการจะเป็นเจ้าของธุรกิจ และผมมีเงินติดบัญชีธนาคาร 8,000.- แต่ใจคิดอยู่อย่างเดียวว่า ต้องตั้งบริษัทให้ได้ ผมจึงไปปรึกษาผู้รู้ ... ได้ความว่า สามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ โดยไม่ต้องมีเงิน 1,000,000.- หรอก ถ้าใครเคยจดก็จะรู้ว่ามันไม่ได้ใช้เงินจริง..
จากนั้น ผมก็ไปจัดการเอกสาร จดทะเบียน จนสามารถจัดตั้งบริษัทได้.. ตอนนั้นบอกตรงๆว่ายังขอเงินแม่อยู่เลย ในการใช้จ่าย ค่าจดยังยืมเงินเค้าเลย
ถามว่าเป็นไปได้มั้ย ถ้าคุณไม่มีทุน คุณไม่มีเงิน คุณจะทำธุรกิจได้ ? คำตอบของผมคือ ผมทำมาแล้ว..
วิธีคือ ถ้าคุณไม่มีทุน สิ่งที่คุณทำได้คือ ซื้อมา ขายไป ไม่ต้องสต๊อก แค่หาโรงงาน คุยกับเค้าดีๆ ขอเครดิตเค้า เมื่อไหร่ที่คุณได้เครดิต ชีวิตคุณรอด (แต่คุณต้องเอาของไปขายเงินสดนะ) ผมใช้วิธีนี้แหละ ไม่มีเงิน มีแต่หน้าตา ..
ผมทำบริษัทของตัวเองที่บ้าน ที่ห้องนอน ที่โต๊ะกินข้าว เพราะผมไม่มี ออฟฟิต ขอแค่มีโทรศัพท์มือถือ กับโน๊ตบุ๊ค ตัวเดียว ก็สามารถทำงานได้แล้ว การหาลูกค้าก็แสนง่าย โพสไปสิครับ อินเตอร์เน็ต เว็บขายของ มีคนสั่งของ คุณก็สั่งของจากโรงงาน มาส่งลูกค้า ง่ายๆ ซื้อมา ขายไป สบายๆ
ผมขายสินค้าชิ้นแรก กำไร 7500.- แค่ขับรถไปเอาจากโรงงาน ไปส่งให้ลูกค้า เสร็จ รับเงิน กำไร 7500.- (ตอนทำงานประจำ ทำทั้งเดือน 9000.-) เห็นมั้ยครับ ความแตกต่าง ระหว่างการทำงานให้คนอื่น กับทำงานให้ตัวเอง..
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ผ่านมา 5 ปี ผมเปิดบริษัทตอน อายุ 25 ตอนนี้ผม 30
บริษัทที่ผมก่อตั้งมาด้วยเงินติดตัว 8000.- ในบัญชี ตอนนี้มีทรัพย์สินรวมหลายล้านครับ ผมซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขนาดใหญ่ 3 เครื่อง เครื่อง laser สำหรับตัดวัสดุต่างๆ 2 เครื่อง มีพนักงาน 18 คน รายได้บริษัท 1 ล้าน+ สำคัญคือ ผมมีเงินที่จะดูแล คนที่รักให้อยู่อย่างสบาย
หวังว่ากระทู้นี้จะให้ประโยชน์กับคนที่อ่าน ให้มีกำลังใจ ว่าถ้าเราไม่มีเงินทุน ต้นทุนน้อย แต่เราก็โตได้ ด้วยตัวของเราเอง
ถ้ามีโอกาศ จะมาเล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากซื้อมาขายไป แล้วมาเริ่มผลิต เปิดเป็นโรงงานได้ยังไง.. และตลอดเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา เจอวิกฤต การเมือง น้ำท่วม เศรษฐกิจตกต่ำ โดนลูกค้าโกง ปัญหาต่างๆ ผมผ่านมันมาได้ยังไง.. ติดตามกระทู้หน้าครับ
ก้อนสีขาวบนท้องฟ้า
กระทู้นี้สำหรับ คนที่อยากเริ่มธุรกิจ แต่ต้นทุนน้อย ประสบการณ์น้อย จบใหม่ ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ลองอ่านดูครับ
เป็นเรื่องของเจ้าของกระทู้เองโดยตรงนะครับ สิ่งที่ผมเล่า อาจไม่เข้าตำราหรือหลักการซักหน่อย แต่เชื่อว่ามีประโยชน์แน่นอน
ผมเป็นคนเรียนหนังสือ ไม่เอาไหน ม.ปลาย จบกศน. มหาลัยจบสถาบันราชภัฎ แห่งหนึ่ง (จบแบบทุลักทุเล) ที่เล่าประวัติการศึกษา ก็เพื่อจะบอกว่า ผมไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่ผมเป็นคนชอบอ่าน อ่านหนังสือ อ่านประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ หนังสือที่แนะนำให้คุณอ่านคือ ประเภทหนังสือที่จะทำให้เรารวยขึ้นครับ และอีกอย่างคือ ฟังเยอะๆ ฟังแม้กระทั้งคำถากถาง ในคำพูดเหล่านั้นมันมีประโยชน์ แน่นอน ถ้าใจคุณ+
ก่อนการสมัครงาน ผมกำหนดเป้าหมายของชีวิตตัวเอง ว่าเป้าหมายของผมคือ การเป็นเจ้าของธุรกิจ!
แต่ตอนนั้น ยังเด็ก ขาดความรู้ ขาดประสบการ์ และก็เหมือนใครอีกหลายคน คือ ไม่รู้จะทำอะไร... วิธีหาแนวทางของผมคือ ดูจากคนรอบข้างว่าเค้าทำอะไร น่าสนใจมั้ย ถ้าน่าสนใจ ก็ลองไปสนใจดู แต่ถ้าไม่น่าสนใจ ก็ไม่ต้องไปสนใจครับ พอดีญาติๆผมเค้าทำเกี่ยวกับบริษัท เอเจนซี่โฆษณา แต่ผมไม่ชอบทำงานกับญาติ เลยไม่ไปสมัครงานทำกับเค้า แต่ก็สังเกตุเห็นแนวทางว่า มันมีอาชีพ ประมานนี้นะ รวยนะ รายได้ดีนะ
หลังจากที่ผมเรียนจบแบบทุลักทุเล ผมเริ่มสมัครงาน วิธีที่ผมเลือกงาน ในการสมัครคือ ผมตั้งเป้าหมาย ไว้ว่า ผมจะไป ในทางไหน.. แล้วหาข้อมูลว่ามีบริษัทไหนที่เปิดรับพนักงาน Sale บ้าง ผมใช้วิธี walk in อย่างเดียว ไม่มีการส่ง resume วิธีคือ ดูว่าบริษัทไหนเปิดรับสมัคร แล้วเข้าไปสมัครเลย เอาเอกสารติดไปด้วย วิธีนี้ คุณมีโอกาศ ได้สัมภาษณ์ แน่นอน ดีกว่าส่ง mail ไปกองรวมกับคนอื่น..
แล้วผมก็ได้งานทำ..บริษัทที่ผมทำที่แรก ทำเกี่ยวการผลิตสื่อโฆษณา ณ จุดขาย ผมใช้เวลาเรียนรู้งานทั้งหมด 3 เดือน ผมก็ลาออก.. ผมใช้วิธีเดิมไปสมัครงานที่ใหม่ ที่ 2 ทำเกี่ยวกับ บริษัท ออกาไนซ์ ผมเรียนรู้งานทั้งหมด 3 เดือน ผมก็ลาออก
แล้วผมก็ไปสมัครงานที่ใหม่ ที่ 3 ทำเกี่ยวกับ อุปกรณ์ออกบูธและงานด้าน production แล้วผมก็เรียนรู้งานทั้งหมด 3 เดือน ผมใช้เวลาเรียนรู้งาน สนใจในสิ่งที่ควรต้องรู้ ฝึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นต้องใช้ ทำความเข้าใจในระบบ ของบริษัทต่างๆ วิธีการหาลูกค้า วิธีเสนองาน วิธีการจัดการ วิธีการผลิต แหล่งซัพพลายเออร์
ผมได้เงินเดือน จากงานที่ทำ 3 ที่นี้ 9000.- +ค่าคอม ตำแหน่ง sale (ใครที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ แนะนำให้เลือกสมัครงานตำแหน่ง sale เพราะเป็นงานที่มีหน้าที่ ที่เปิดกว้าง ได้พบกับคนมากที่สุด..) ส่วนเงินเดือน 9000.- ที่ผมได้เรียกได้ว่า ไม่พอใช้แน่นอน แต่ผมก็ทำ เพราะเป้าหมายในการทำงานผม ไม่ใช่เงิน.. แต่เป็นสิ่งที่ผมต้องการนำไปต่อยอด..
หลังจากที่ผมตัดสินใจ ลาออก จากการทำงาน ที่3 รวมแล้วผมมีประสบการณ์ทำงาน 9 เดือน สำหรับเด็กจบใหม่ เรียกได้ว่าอ่อนด้อยประสบการณ์มากๆ
สำหรับการจะเป็นเจ้าของธุรกิจ และผมมีเงินติดบัญชีธนาคาร 8,000.- แต่ใจคิดอยู่อย่างเดียวว่า ต้องตั้งบริษัทให้ได้ ผมจึงไปปรึกษาผู้รู้ ... ได้ความว่า สามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ โดยไม่ต้องมีเงิน 1,000,000.- หรอก ถ้าใครเคยจดก็จะรู้ว่ามันไม่ได้ใช้เงินจริง..
จากนั้น ผมก็ไปจัดการเอกสาร จดทะเบียน จนสามารถจัดตั้งบริษัทได้.. ตอนนั้นบอกตรงๆว่ายังขอเงินแม่อยู่เลย ในการใช้จ่าย ค่าจดยังยืมเงินเค้าเลย
ถามว่าเป็นไปได้มั้ย ถ้าคุณไม่มีทุน คุณไม่มีเงิน คุณจะทำธุรกิจได้ ? คำตอบของผมคือ ผมทำมาแล้ว..
วิธีคือ ถ้าคุณไม่มีทุน สิ่งที่คุณทำได้คือ ซื้อมา ขายไป ไม่ต้องสต๊อก แค่หาโรงงาน คุยกับเค้าดีๆ ขอเครดิตเค้า เมื่อไหร่ที่คุณได้เครดิต ชีวิตคุณรอด (แต่คุณต้องเอาของไปขายเงินสดนะ) ผมใช้วิธีนี้แหละ ไม่มีเงิน มีแต่หน้าตา ..
ผมทำบริษัทของตัวเองที่บ้าน ที่ห้องนอน ที่โต๊ะกินข้าว เพราะผมไม่มี ออฟฟิต ขอแค่มีโทรศัพท์มือถือ กับโน๊ตบุ๊ค ตัวเดียว ก็สามารถทำงานได้แล้ว การหาลูกค้าก็แสนง่าย โพสไปสิครับ อินเตอร์เน็ต เว็บขายของ มีคนสั่งของ คุณก็สั่งของจากโรงงาน มาส่งลูกค้า ง่ายๆ ซื้อมา ขายไป สบายๆ
ผมขายสินค้าชิ้นแรก กำไร 7500.- แค่ขับรถไปเอาจากโรงงาน ไปส่งให้ลูกค้า เสร็จ รับเงิน กำไร 7500.- (ตอนทำงานประจำ ทำทั้งเดือน 9000.-) เห็นมั้ยครับ ความแตกต่าง ระหว่างการทำงานให้คนอื่น กับทำงานให้ตัวเอง..
จากวันนั้น ถึงวันนี้ ผ่านมา 5 ปี ผมเปิดบริษัทตอน อายุ 25 ตอนนี้ผม 30
บริษัทที่ผมก่อตั้งมาด้วยเงินติดตัว 8000.- ในบัญชี ตอนนี้มีทรัพย์สินรวมหลายล้านครับ ผมซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขนาดใหญ่ 3 เครื่อง เครื่อง laser สำหรับตัดวัสดุต่างๆ 2 เครื่อง มีพนักงาน 18 คน รายได้บริษัท 1 ล้าน+ สำคัญคือ ผมมีเงินที่จะดูแล คนที่รักให้อยู่อย่างสบาย
หวังว่ากระทู้นี้จะให้ประโยชน์กับคนที่อ่าน ให้มีกำลังใจ ว่าถ้าเราไม่มีเงินทุน ต้นทุนน้อย แต่เราก็โตได้ ด้วยตัวของเราเอง
ถ้ามีโอกาศ จะมาเล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากซื้อมาขายไป แล้วมาเริ่มผลิต เปิดเป็นโรงงานได้ยังไง.. และตลอดเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา เจอวิกฤต การเมือง น้ำท่วม เศรษฐกิจตกต่ำ โดนลูกค้าโกง ปัญหาต่างๆ ผมผ่านมันมาได้ยังไง.. ติดตามกระทู้หน้าครับ
ก้อนสีขาวบนท้องฟ้า