วันนี้ 11-03-2014 พาย้อนรอย 11-03-2011 มหาแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น ความทรงจำสีจาง

     
พอดี จขกท ได้เข้าไปอ่านข่าวมา จาก เวป sanook เลยขออนุญาตนำข้อความบางส่วนมาเผยแพร่

เข้าสู่เขต ‘พื้นที่หวงห้าม’

มีเพียงไม่กี่คนที่ได้ติดตามเรื่องราวของฟูกุชิมะอย่างใกล้ชิดมากเท่ากับ Jeremy Suttun-Hibbert ผู้ซึ่งเข้าไปสู่พื้นที่หวงห้ามเพื่อทำสารคดีเกี่ยวกับผลกระทบของมัน

คุณได้กลับมาอีกในปีนี้เพื่อทำสารคดีเกี่ยวกับว่าผู้คนและสถานที่ ต่างๆ รอดพ้นหายนะมาได้อย่างไร คุณพอจะอธิบายได้ไหมว่าในพื้นที่หวงห้ามตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ผมได้กลับไปยังพื้นที่โทโฮคุอีกหลายครั้ง โดยไปยังบริเวณที่ถูกสึนามิและยังไปที่ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ ‘พื้นที่หวงห้าม’ หรือ ‘the zone’ ดังที่เราอ้างถึง

ในบริเวณที่ถูกสึนามินั้น เมืองแต่ละเมืองต่างก็ได้จัดการกับหายนะในแบบของตัวเอง บางเมืองก็สามารถเก็บกวาดซากปรักหักพังทั้งหลายได้ค่อนข้างรวดเร็ว และถึงกับเริ่มก่อสร้างขึ้นใหม่เลยด้วยซ้ำ ในเมืองอื่นๆ นั้นยังมีเศษซากทั้งหลายอยู่ และดูราวกับว่ามีความคืบหน้าไปเล็กน้อยมาก แต่ทุกคนแสดงออกถึงบุคลิกที่น่าประทับใจและพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะ ดำเนินชีวิตต่อไป และจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ในพื้นที่หวงห้ามของปรมาณูหรือในเขตรัศมี 20 กม.รอบๆ โรงงานฟูกุชิมะไดอิจิได้มีการอพยพทุกๆ คนออกไป ภายในพื้นที่นั้นดูราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่ง ยังมีรถยนต์พลิกหงายท้องอยู่ตามทุ่ง อันเป็นผลจากคลื่นสึนามิ และหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 12 มีนาคม 2011 ยังคงวางอยู่ด้านนอกร้านขายหนังสือพิมพ์ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ และหลอนอยู่บ้างเล็กน้อย

ผู้คนซึ่งคุณได้พบ เรื่องราวที่คุณได้ยิน   สิ่งไหนที่โดดเด่นออกมามากที่สุด?

ทุกเรื่องราวที่ได้ยินมานั้นมันช่างน่าสนใจมากๆ แต่ก็เจือไปด้วยความเศร้าอีกด้วย บางทีเรื่องที่เศร้าที่สุดเป็นเรื่องของโรงเรียนประถม Okawa เด็กนักเรียนและคุณครูรอดชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาได้ แต่หลังจากนั้น จากการที่มีรายงานว่าครูเกิดลังเลไม่ตัดสินใจว่าจะอพยพไปไหน ทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ และสึนามิก็พัดถล่มเข้ามา ทำให้เด็ก 74 คนรวมถึงครูเสียชีวิตไป ผมต้องไปที่แห่งนั้น 2-3 หนเพื่อไปเยี่ยมและถ่ายรูปแม่ 2 คนซึ่ง 1 ปีหลังจากเกิดโศกนาฏกรรม พวกเธอยังคงขุดโคลนเพื่อค้นหาร่างของลูกๆ ของพวกเธออยู่

ผมยืนอยู่ตรงนั้นในขณะที่หิมะในยามบ่ายของเดือนมกราคมที่หนาวเย็นกำลัง โปรยปรายลงมา ฟังแม่คนหนึ่งอธิบายว่า ลูกของเธอจะต้องเหน็บหนาวขนาดไหนที่ก้นลึกของแม่น้ำ ในขณะที่เธอกำลังค้นหาร่างของพวกเด็กๆ ด้วยเครื่องขุด JCB มันเป็นช่วงเวลาที่สุดสะเทือนใจและทำให้ผมต้องเสียน้ำตา หลังจากนั้นไม่นาน แม่ได้นำกาแฟร้อนจากรถยนต์ของเธอมาให้พวกนักข่าวรวมถึงผมด้วย ความใจดีและเป็นมิตรของเธอนั้นช่างสุดยอดจริงๆ

ภัยพิบัติจากธรรมชาติมันโหดร้ายจริงๆนะครับ อ่านแล้วจะร้องไห้
แต่ยังไง ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่