A day in America แชร์ประสบการณ์ 8 ปี จากเด็กบ้านนอกไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ (ภาคต่อ)

มาแล้วคะเพื่อนๆ หายไปหลายวัน เพราะผู้เขียนป่วยเป็นหวัดนอนซม ไม่ได้ไปทำงานมาหลายวันเลยคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและหลังไมค์กันมานะคะ กระทู้นี้เป็นภาคต่อ จะบอกเล่าเรื่องราวของประสบการณ์ชีวิต  การเรียน (บ้าง)  การท่องเที่ยวที่อมริกาในช่วงปีที่ 3 และ 4

ส่วนกระทู้แรก ที่บางคนยังไม่ได้อ่าน ก้อติดตามที่ได้ที่นี่คะ  " A day in America แชร์ประสบการณ์ 8 ปี จากเด็กบ้านนอกไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ จนได้ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา"  http://pantip.com/topic/31725799

ส่วนภาคจบ จะเป็นกระทู้ถัดไป เพื่อบอกเล่าเรื่องราวว่าจับพลัดจับผลูอย่างไร ถึงได้เข้าไปทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของที่นี่ได้คะ
                      
                            ==========================================================

ยิ้ม การเช่าอพาร์ทเม้นเป็นของตัวเอง

อยู่ที่อเมริกามาได้ 3 ปีในที่สุดก้อได้เช่าอพาร์ทเม้นเป็นของตัวเองแล้ว ขอเกริ่นหน่อยว่าตอนนี้ผู้เขียนมีสหายมาร่วมผจญภัยการใช้ชีวิตในต่างแดนอีกสองคนคะ เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมหาลัยมาด้วยกัน คนแรกคือ Wendy เป็นสาวมั่นเรียนจบวิศวะมาเหมือนกัน ทำงานในเมืองไทยได้สักระยะ เริ่มเบื่อ เลยอยากมาใช้ชีวิตต่างแดน ส่วนคนที่สองคือ Ryan หนุ่มวิศวะ นักกีฬา หน้าตาดี แต่ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิต พูดง่ายๆพวกเราสามคนก้อพยายามค้นหาเป้าหมายในชีวิตกันทั้งนั้นคะ 

ตอนนี้มีสมาชิกครบแล้ว เราก้อเริ่มหาอพาร์ทเม้นกัน แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดนะคะ มีเงินอย่างเดียวเช่าไม่ได้ ต้องมีเครดิตด้วยคะ เดือดร้อนคุณน้าให้มาช่วยอีกแล้วคะ โชคดีที่น้าใจดีมาเป็นผู้ค้ำประกันและเช่าร่วมให้คะ เสียค่ามัดจำและค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งเดือนรวมๆกันเกือบสี่พันเหรียญคะ กว่าจะได้อพาร์ทเม้นท่ีมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น มีระเบียง มีที่จอดรถสองที่ ทำเลก้อไม่เลวแค่ 3 ไมล์ห่างจาก Venice Beach แถมมีรถเมล์ผ่านไปโรงเรียนคะ ค่าเช่าก้อโหดตามประสาแอลเอนะคะ พวกเราเลยตัดสินใจหาคนมาเช่าห้องนอนที่ 2 ผู้เขียนแชร์ห้องนอนกับ Wendy ส่วน Ryan ก้อจับจอง living room ไปคะ

ขอเล่าเร่ืองที่มาที่ไปของเฟอร์นิเจอร์ในบ้านหน่อยนะคะ ส่วนใหญ่เป็นของที่เก็บมาจากข้างถนนหรือมีคนบริจาคให้ทั้งนั้นคะ อย่าเพ่ิงตกใจคะว่าทำไมพวกเราถึงไม่ซื้อของใหม่เข้าบ้าน เพราะของทุกชิ้นที่เก็บมาคุณภาพยังดีทุกชิ้น เลยประหยัดเงินไว้ดีกว่า ตอนย้ายออกเราก้อทิ้งไว้คนต่อไปมาเก็บไปใช้ต่อได้คะ คนที่นี่เวลาย้ายบ้านมักจะทิ้งของชิ้นใหญ่ๆเช่น โซฟา ที่นอน ที่วางทีวี โต๊ะทานข้าว เพราะมันคงใช้พื้นที่ในการขนเยอะ ซอยที่พวกเราพักก้อเป็นอพาร์ทเม้นให้เช่าหลายตึก เฟอร์นิเจอร์ดีๆเลยมีให้เลือกไม่ขาดคะ

การอยู่ด้วยกันกับเพื่อนสนิททำให้ชีวิตต่างแดนมีความสุขและอบอุ่นดีคะ Ryan และ Wendy มาเรียนภาษาทั้งคู่ Ryan เรียนที่ Santa Monica College ส่วน Wendy เรียนที่ UCLA ทั้งคู่มีเพื่อนๆคลาสเมทมากมาย ต่างก้อสนุกกับการเรียนที่นี่ทั้งคู่ กลับบ้านมาก้อมีเรื่องเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันตลอด บางครั้งก้อเชิญเพื่อนๆในคลาสมาปาร์ตี้ที่บ้านและทำอาหารทานกัน ตอนนี้ภาษาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ใครฝันเป็นภาษาอังกฤษก่อน ถือว่าคนนั้นเริ่มซึมซับภาษาที่สองเข้าไปในสมองด้านซ้ายแล้ว ฮ่าๆ

ผู้เขียนเป็นคนที่ทำอาหารไม่เป็นคะ Ryan เป็นคนเดียวในบ้านที่หัดทำอาหารก่อนมา วันเสาร์อาทิตย์ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน Ryan มักจะโชว์เมนูประจำคือ ไข่เจียว หมูทอดกระเทียม ไก่ทอดกระเทียม และผัดผักคะ เมนูธรรมดาแต่อร่อยกันทุกมื้อคะ ทานกันง่ายๆตามประสาเด็กต่างแดน วันไหนขี้เกียจก้อสั่งอาหารที่ร้านไทยหน้าปากซอยมาทานกันบ่อยๆคะ

ในที่สุดเราก้อหาเพื่อนใหม่มาร่วมแชร์บ้านจนได้ คนแรกเป็นนักเรียนไทยมาเรียนภาษาที่ UCLA คะ ค่าใช้จ่ายของพวกเราเลยลดลงไปนิดหน่อยเพราะมีคนมาร่วมแชร์คะ น้องเค้าอยู่ไม่นานก้อกลับเมืองไทยไป พวกเราเลยต้องหาคนใหม่ๆมาเช่าอพาร์ทเม้นตลอดคะ บางคนก้อเช่าแค่เดือนเดียว เดือนไหนไม่มีคนเช่าพวกเราก้อรับค่าใช้จ่ายกันไปเต็มๆคะ การให้คนเช่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือลดค่าใช้จ่ายลงไป ข้อเสียคือขาดความเป็นส่วนตัว ต้องเกรงใจผู้เช่า และต้องดูแลความเรียบร้อยให้เค้า แถมต้องให้ที่จอดรถอีกที่นึงให้เค้าด้วยคะ

ปล เรียกชื่อเพื่อนเป็นฝรั่งเพราะอยากให้เรียกกันง่ายๆ แต่เพื่อนๆในคลาสเค้าเรียกกันอย่างนั้นจริงๆคะ

หลิ่วตา New York New York

ในระยะเวลา 6 เดือนที่ Wendy มาอยู่ที่นี่ พวกเราพยายามจัดทริปไปเที่ยวกันบ่อยๆ เพื่อให้เธอได้ใช้เวลาที่นี่นอกเหนือจากการเรียน ทำงาน ไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆด้วย ทริปนิวยอร์กสนุกสุขสันต์เลยเกิดขึ้นได้จากการรวมตัวของเพื่อนๆ 8 คน ซื้อตั๋ว direct flight จากแอลเอไปนิวยอร์กได้ในราคา $300 ซึ่งหาไม่ได้อีกแล้วในราคานี้ ที่พักก้อง่ายๆนอนโฮสเทลในแมนฮัตตันคืนละ $25 ตลอดทริป นิวยอร์กเป็นเมืองใหญ่จริงๆ มองไปทางไหนก้อมีแต่ตึกสูงระฟ้ามากมาย การเดินทางสะดวกสบาย มีรถใต้ดินตลอดเวลา อาหารการกินเราก้อกินฟาสฟู๊ดบ้าง อาหารจีนในไชน่าทาวน์บ้าง เดินเข้าร้านอาหารแถวไทม์สแคว์แต่เค้าไม่ให้เข้าบอกว่าร้านปิดแล้วก้อมี เพราะพวกเราแต่งตัวแบบกะโปโล ถึงมีเงินแต่การแต่งตัวไม่เหมาะสมก้อไม่ได้นั่งร้านประเภท fine dining นะคะ ไม่ง้อกัน นิวยอร์กพิซซ่ามีเยอะแยะให้ทาน ฮ่าๆ

บางวันพวกเราก้อเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ บางวันพวกเราต่างแยกย้ายกันไปเท่ียวแล้วแต่ความสนใจของแต่ละคน บางคนสนใจเที่ยวจุดสำคัญๆในนิวยอร์ก บางคนชอบ Central Park ก้อไปเดินท่ีนั่นทั้งวัน บางคนสนใจละครบอร์ดเวย์ก้อไปเดินชมโรงละครต่างๆ คนชอบศิลปะก้อเข้าชม museum ต่างๆ สาวๆก้อไม่พลาดเรื่องช๊อปปิ้ง ไปทั้ง Soho, 5th Ave. เดินกันได้ทั้งวัน ตอนเย็นเราก้อจะนัดเจอกันที่สะพาน Brooklyn บ้าง ไทม์สแคว์บ้าง เพื่อทานอาหารเย็นด้วยกัน ขากลับก้อไม่พลาดหิ้วเบียร์กลับไปนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมห้อง 

มีอยู่คืนนีงพวกเรานั่งคุยพร้อมกับจิบเบียร์กับฝรั่งจากไอร์แลน เค้าไปเที่ยวเม็กซิโกมา ซื้อซอสพริกที่เผ็ดที่สุดมา ชื่อบนขวดเขียนว่า "Hot as Shit" เด็กไทยอย่างเรากินเผ็ดกันได้ เลยรับท้าประลองแค่แตะที่ปลายลิ้น ดูสิว่าพริกจากประเทศอื่นจะเผ็ดแค่ไหน ปรากฏว่าเซียนก้อโดนปราบ เป็นพริกที่เผ็ดที่สุดที่เคยกินมาจริงๆ ยิ่งดึกยิ่งสนุกคุยกันออกรส แต่อยู่ๆก้อเห็นรถดับเพลิงยกเครนขึ้นมาสูง ถึงได้รู้ว่า พวกเราต้องอพยพออกจากตึกแล้วเหรอเนี่ย สุดท้ายก้อไม่ต้อง รถดับเพลิงได้ดับไฟที่ไหม้ไปห่างสองสามหลังในตึกเดียวกัน

การนอนโฮสเทลมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือได้รู้จักกับนักเดินทางจากหลากหลายประเทศ เดินทางไปไหนสะดวก ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน อยู่ในใจกลางเมือง ส่วนข้อเสียก้อคือ เสียง การนอนห้องรวม แต่ละคนมีภารกิจส่วนตัวต่างกัน เข้านอนไม่พร้อมกัน นั่งคุยกันนั่งดื่มกัน การมีหูฟังเปิดเพลงนอนจึงช่วยได้มากถึงมากที่สุด

เที่ยวนิวยอร์ค ต้องเดินกันอึดจริงๆ เดินจนวันหลังๆไม่สามารถลงน้ำหนักเต็มฝ่าเท้าได้อีก ต้องตะแคงเท้าเดินเวลากลับมาถึงโฮสเทล ฮ่าๆ เที่ยวอยู่ในนิวยอร์ก 3-4 วัน พวกเราเดินทางออกกันต่อ เช่ารถขับไปเที่ยวน้ำตก Niagara จากความเหนื่อยล้าในแมนฮัตตันและนอนดึกกันทุกวัน ทุกคนเลยเผลอหลับกันไป ปล่อยให้เพื่อนคนนึงซึ่งเป็นจอมหลงขับรถโดยลำพัง ตื่นขึ้นมาสองชั่วโมงให้หลัง ปรากฏว่า เพื่อนขับออก exit ไปทางหลวงสายอื่นเสียแล้ว ฮ่าๆๆ ข้อคิดครั้งนี้คือ อย่าไว้ใจคนที่ไม่มี sense of direction ขับรถโดยลำพังเด็ดขาด

ไปถึงน้ำตกไนแอการ่าเป็นเวลาสี่โมงเย็น วิ่งไปที่ขายตั๋วเรือเป็นจุดแรก เพราะอยากนั่งไปชมน้ำตก โชคดีได้ตั๋วเรือเที่ยวสุดท้าย พวกเราวิ่งกันหน้าตั้งไปที่จุดลงเรือ โอ้โห นำ้ตกคนสร้างช่างยิ่งใหญ่ตระการตาเหลือเกิน ตื่นเต้นมากตอนนั่งเรือเข้าไปใกล้ๆน้ำตก แต่เรือก็ไม่สามารถฝ่าความแรงของสายน้ำเข้าไปได้ เปียกปอนกันทั้งตัว เดินเล่นกันจนค่ำ ได้เวลาขับรถกลับนิวยอร์กต่อ ด้วยความเหนื่อยล้าทุกคนเผลอหลับรวมถึงคนขับด้วย ตื่นขึ้นมาทั้งคันเพราะเสียงรถเริ่มแล่นไปเจอ bump เล็กๆก่อนออกนอกถนน ตอนนี้เลยเป็นสัญญาณว่า ต้องแวะหาโรงแรมนอนกันแล้วเพื่อความปลอดภัย

ตื่นเช้าก้อขับกันต่อ ก่อนจะไปถึงสนามบินก้อไม่วายแวะไปเที่ยวสนาม New York Yankee ที่เขต Bronx ต่อ ถึงเวลาบอกลานิวยอร์กแล้ว นิวยอร์กเป็นเมืองที่เที่ยวง่ายและสนุกที่สุด ไปกี่ครั้งก้อไม่เคยเบื่อ เที่ยวไม่เคยทั่ว มีอะไรใหม่ๆให้แปลกใจได้เสมอ

พระจันทร์ Couch Surfing 

ปีที่สามที่มาอยู่ที่นี่เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวเลยก้อว่าได้ โดยเฉพาะครึ่งปีหลังเมื่อมีเพื่อนจากไทยมาร่วมแบ่งปันความสนุก พวกเราเลยจัดทริปไปเที่ยวกันบ่อยๆ พวกเราหนีเที่ยวไปฝั่งแปซิฟิก North west ของอเมริกา เริ่มด้วยการบินไปเจอเพื่อนที่ Oregon เช่ารถขับไป Washington แวะนอนบ้านเพื่อนที่ Olympia ขับต่อไปชิม First Starbucks ที่ Seattle ฝ่าสายฝนไปชมความงามของ Mt. Rainier แล้วจึงวกกลับมาเที่ยว Portland ตบท้ายด้วย San Francisco รวมเบ็ดเสร็จเที่ยวไป 10 วัน แต่มีที่นอนฟรีทุกวัน 

Olympia เป็นชื่อเมืองที่คนไม่ค่อยรู้จัก เป็นเมืองหลวงของรัฐ Washington State เมืองสงบ สะอาด สวยงาม ติดริมทะเล  แต่ที่ติดใจคือ อพาร์ทเม้นที่เพื่อนเช่าอยู่มีต้นเชอร์รี่เพียบ เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก เก็บลูกแดงๆทานได้เลยคะ ฮ่าๆ ขับขึ้นไปทางเหนือไม่ถึงชั่วโมงก้อเข้าเขต Seattle ทุกคนคงเคยได้ยินที่มาของกาแฟชื่อดัง Starbucks นะคะ เปิดขายครั้งแรกที่นี่คะ ร้านก้อยังมีอยู่ เป็นแค่ร้านเล็กๆอยู่บริเวณ Pike Place Market ซึ่งเป็นตลาดขายปลาและโยนปลาโชว์ มีนักท่องเทียวมาเยือนที่นี่เยอะมากคะ Seattle เป็นเมืองที่มีร้านกาแฟทุกหัวมุมถนนคะ  คอกาแฟเลยหลงรักเมืองนี้กันมาก

วันต่อมาฝนตกทั้งวัน ขอบอกก่อนว่าเมืองนี้ฝนตกบ่อยมาก แต่พวกเราคงไม่ยอมนอนเล่นเสียเวลา เลยขับรถฝ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสายไปเยือน Mt. Rainier ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ บนยอดมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ขนาดไปช่วงเดือนมิถุนายน หิมะยังไม่ละลาย แต่ก้อมีดอกไม้ป่าบานสะพรั่งพอสมควร ได้เห็นภูเขาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยธารนำ้แข็งด้วย

เที่ยวเล่นอยู่ที่นั่นประมาณ 3 วันเลยเดินทางมาเที่ยวที่ Portland ต่อ ในแก๊งไม่มีใครเคยมาที่นี่ เอาเป็นว่าจะขึ้นรถไฟเพื่อไปเดินเล่นที่ตลาดนัด พยายามจะซื้อบัตรขึ้นรถไฟฟ้ากัน ทำยังไงก้อหาซื้อตั๋วไปสถานีที่เราจะไปลงไม่ได้ มีผู้ชายท่าทางไม่เต็มหรือเหมือนคนไร้บ้าน พยายามจะบอกว่า ไม่ต้องซิ้อบัตรขึ้นไปเลยรถไฟฟ้าที่นี่ ฟรี พวกเราก้อหันไปด่าว่ามันบ้า อย่ามาหลอกให้พวกชั้นโดนปรับเลยนะ สุดท้ายรถใกล้จะมาถึง เลยถามคนที่กำลังจะขึ้นรถว่า ซื้อตั๋วยังไง เค้าหันมาบอกว่าฟรี พวกเราเพิ่งถึงบางอ้อ เลยเดินขึ้นรถไฟ ไม่วายโดยคนบ้าคนนั้นตามขึ้นมาหัวเราะใส่หน้า แถมบอกว่า ''I am crazy but not stupid" ฮากันลั่นรถ 

Portland เป็นเมืองที่แปลกออกแนว Hippy และ Punk จะเห็นผู้คนแต่งตัวแนวพังค์เดินกันมากมาย ขับเที่ยวลงมาทางใต้ต่อ ที่เมืองมหาลัยชื่อ Covallis แวะมานอนบ้านพี่ชายเพื่อน ได้มีโอกาสขับรถไปเที่ยว Canon Beach เป็นเมืองชายทะเลที่น่ารักมากคะ มี Haystack Rock อยู่กลางทะเล แถมสถานที่อนุบาลสัตว์น้ำและนกทะเลทั้งหลาย 

สุดท้ายมาจบลงที่ San Francisco นอนฟรีแถมมีห้องนอนและห้องน้ำในตัวให้ด้วย มาอาศัยคอนโดญาติห่างๆข้าพเจ้าเอง ทำเลดีอยู่บนชั้นสูงสุดของตึก มองเห็นวิวสะพาน Golden Gate ได้แบบไกลๆ มาเที่ยวเมืองนี้หลายครั้งแล้ว เลยพาเพื่อนเที่ยวแบบไม่หลงทางเป็นครั้งแรก ขานั่งเครื่องกลับแอลเอแบบแอบเสียวเล็กๆ เพราะนั่งเครื่องบินเล็กที่มีแค่สองแถวครั้งแรก บินไม่สูงมากแต่ยังแอบกลัว

ปล การเที่ยวแบบ Couch surfing ทำให้เราประหยัดค่าที่พักไปได้เยอะมากคะ แถมยังได้รู้จักเจ้าบ้านและมารยาทในการอาศัยบ้านคนอื่นพักตอนไปเที่ยวด้วยคะ เจ้าบ้านส่วนใหญ่มักจะใจดีมีอาหารเช้าให้เราทานเสมอ ฮ่าๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่