เพิ่งดูมาสดๆร้อนๆ เลยค่ะ อารมณ์ยังค้างอยู่ 555+ ความรู้สึกแรกเมื่อหนังจบ คือ เห็นด้วยกับรีวิวในกระทู้พันทิป ที่มีคนบอกว่า หนังสนุกน้อยกว่าภาคแรก เราก็คิดว่า เพราะอะไรนะ ? ก็รู้สึกว่ามันมีปัจจัยที่แตกต่างจากภาคแรก เช่น
1. เพราะอย่างแรกเลย ต้องเข้าใจก่อนนะว่า หนังมันเกิดมาเพื่อทำเป็น 3 D เพราะฉะนั้น ก็จะมีฉากที่จงใจโชว์ ( รับใช้ความเป็น 3 D ) เยอะหน่อย คือฉากเล็กฉากน้อย กุ ( ผกก.) ก็จะเก็บแสปร์ จับมันมาทำเป็น 3 D ซะให้หมด ! ค่อนข้างฟุ่มเฟือยเลยทีเดียว แล้วก็จะเป็นไอเดียซ้ำๆนะ หอกหลาวบ้าง เลือดบ้าง หัวคนบ้าง ฯลฯ มุมมองของการไล่ตีรันฟันแทงกัน ก็จะเป็นมุมในมิติเดิมๆ 555+ ของเดิมๆลอยมา ทั้งเรื่องมันอย่างนั้นแหละ ในขณะที่ภาคแรกมันยังมีฉากพุ่งหอก หรือลูกถีบ ลูกกระโจนใส่ ฯลฯ ที่เซอร์ไพรส์กว่านิดนึง ( ไม่ฟุ่มเฟือยหรือซ้ำๆ เหมือนเวอร์ชั่นนี้ )
2. เพราะความเป็นดราม่าน้อยลงมาก หนังชั่วโมงกว่า มีฉากคนคุยกันสัก 10 นาทีเห็นจะได้ นอกนั้นก็แหกปากร้องตะโกนไล่ฟันกันทั้งเรื่อง แต่การดีไซน์ฉากรบกันก็ไม่ค่อยมีอะไรนะ ไม่ค่อยวางแผนรบ ก็ฟันกันไปแบบทื่อๆ อย่างงั้นล่ะ 555+ เมื่อเทียบกับภาคแรก มันยังมีฉากการหักหลัง การวางแผนรบอยู่บ้าง แล้วความสัมพันธ์ของตัวละคร เช่น พระเอก (เลโอไนดัส) กับภรรยา เพื่อนนักรบ ที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า ตัวละครผูกพันและรักกัน ตายเพื่อกันและกันได้จริงๆ มันเลยไม่เกิดขึ้นเหมือนภาคแรก ( ก็ตัวละครเวอร์ชั่นนี้ มันเล่นไม่คุยกันเลย 555+ ) ต่อให้สมมติว่าหนังมันไม่โดนตัดฉากเซ็นเซอร์ออกไป เราว่าก็ยังไม่แสดงถึงความรักหรือความชังของพระเอก-นางเอก คู่นี้ได้อยู่ดี
3. หนังกระตุ้นคนดูด้วยเพลง เพลงจังหวะตื่นเต้นน่ะ ตึ่งตั่ง ตึ่งตั่ง ตึ่งตั่ง ตึ่งตั่งๆๆๆๆ กันทั้งเรื่อง คงเพื่อให้มันเข้ากับฉากไล่ฟันแทงกันที่มีทั้งเรื่อง แต่ก็ให้อารมณ์ หนืดๆ ข้นๆ อืม...อธิบายด้วยคำนี้แหละเหมาะสมแล้ว " หนืด + ข้น " กับเพลงประกอบหนังไป ตื่นตัวจริง อะไรจริง ปกติ จขกท. นอนดึกไม่ได้นะ สัก 2-3 ทุ่มจะเริ่มง่วงแล้ว ( เคยไปดูคอนเสิร์ตยังหลับได้อ่ะ คิดดู อิอิ ) แต่ดูหนังเรื่องนี้ หนังมันเก่งมากที่ทำให้เราหูผึ่งได้ตลอด ปรบมือ แปะๆๆๆ
4. การแสดงของตัวละคร เก่งมากทุกคน อย่างกษัตริย์เปอร์เซีย ตัวโกงในเรื่อง ที่เป็นนักแสดงชาวบราซิล ช่างคัดมาได้สมกับการเป็น God King จริงๆเลย แคสติ้งมาได้เหมาะสมมาก ทั้งน้ำเสียงทรงพลังและ......ความกำยำล่ำสัน คิก คิก อยากรู้ว่าแกพูดจริงได้หยั่งงั้นไหม หรือใช้คอมแต่งเสียงเอาทีหลัง
5. การออกแบบเครื่องแต่งกาย ก็ดีอยู่นะสำหรับตัวละครเอกทั้งหลาย ทั้งนี้ ทำไมเรารู้สึกว่า แก๊งนักรบเปอร์เซียร์กลุ่มที่ใส่หน้ากาก มันคล้ายๆ ดีไซน์หน้ากากที่เคยเห็นคุ้นๆมาจากนักรบญี่ปุ่นในหนังซามูไรเลยวุ้ย คิดอยู่คนเดียวหรือเปล่าเนี่ย 555+ แล้วฉากที่นักรบฝ่ายพระเอกมานั่งๆรวมกัน เค้าคงจงใจให้ดูว่ามีนักรบจำนวนน้อยหรือเปล่า ผู้คนเลยดูเป็นกลุ่มน้อยๆ หรือเค้าประหยัดจำนวนตัวละครประกอบฉาก ?
แต่ที่ว่ามาทั้งหมดเนี่ย คุณอาจจะดูจบแล้วอยากบ่นนะ แต่ในท้ายที่สุด คุณก็จะไม่บ่นมันหรอก 5555+ คือ เอาเถอะ ! ดูจบแล้วเรารู้สึกขำๆ ว่านี่ถ้ามันมี ภาค 3 ก็อาจจะเจอกันอีกแน่ๆ และจะเป็นคนแรกๆ ที่ไปดู ไม่รอวันพุธ 100 บาท 5555+ หนังมันยังไงของมันก็ไม่รู้นะ แต่จบลงด้วยคำว่า " เออ...เอาเถอะ ! " จริงๆ 555+ ปกติเราชอบแนวดราม่าที่มีประเด็นอะไรๆสักหน่อยนะ แต่เรื่องนี้.......เป็นข้อยกเว้นจริงๆ 555+
ที่เทพสุดๆ คือ มันยังได้คะแนนตั้ง 7-7.5/10 ในเว็บรีวิวหนังด้วยนะเออ ( ขอทราบหลักเกณฑ์การให้คะแนนด้วยค่ะ 555+ )
รีวิว 300 : Rise of an Empire หนังที่ดูแล้วอาจอยากบ่นนิดๆ แต่สุดท้ายก็จะไม่บ่นมันหรอก 555+(ไม่สะปอย) + เปรียบเทียบภาคแรก
เพิ่งดูมาสดๆร้อนๆ เลยค่ะ อารมณ์ยังค้างอยู่ 555+ ความรู้สึกแรกเมื่อหนังจบ คือ เห็นด้วยกับรีวิวในกระทู้พันทิป ที่มีคนบอกว่า หนังสนุกน้อยกว่าภาคแรก เราก็คิดว่า เพราะอะไรนะ ? ก็รู้สึกว่ามันมีปัจจัยที่แตกต่างจากภาคแรก เช่น
1. เพราะอย่างแรกเลย ต้องเข้าใจก่อนนะว่า หนังมันเกิดมาเพื่อทำเป็น 3 D เพราะฉะนั้น ก็จะมีฉากที่จงใจโชว์ ( รับใช้ความเป็น 3 D ) เยอะหน่อย คือฉากเล็กฉากน้อย กุ ( ผกก.) ก็จะเก็บแสปร์ จับมันมาทำเป็น 3 D ซะให้หมด ! ค่อนข้างฟุ่มเฟือยเลยทีเดียว แล้วก็จะเป็นไอเดียซ้ำๆนะ หอกหลาวบ้าง เลือดบ้าง หัวคนบ้าง ฯลฯ มุมมองของการไล่ตีรันฟันแทงกัน ก็จะเป็นมุมในมิติเดิมๆ 555+ ของเดิมๆลอยมา ทั้งเรื่องมันอย่างนั้นแหละ ในขณะที่ภาคแรกมันยังมีฉากพุ่งหอก หรือลูกถีบ ลูกกระโจนใส่ ฯลฯ ที่เซอร์ไพรส์กว่านิดนึง ( ไม่ฟุ่มเฟือยหรือซ้ำๆ เหมือนเวอร์ชั่นนี้ )
2. เพราะความเป็นดราม่าน้อยลงมาก หนังชั่วโมงกว่า มีฉากคนคุยกันสัก 10 นาทีเห็นจะได้ นอกนั้นก็แหกปากร้องตะโกนไล่ฟันกันทั้งเรื่อง แต่การดีไซน์ฉากรบกันก็ไม่ค่อยมีอะไรนะ ไม่ค่อยวางแผนรบ ก็ฟันกันไปแบบทื่อๆ อย่างงั้นล่ะ 555+ เมื่อเทียบกับภาคแรก มันยังมีฉากการหักหลัง การวางแผนรบอยู่บ้าง แล้วความสัมพันธ์ของตัวละคร เช่น พระเอก (เลโอไนดัส) กับภรรยา เพื่อนนักรบ ที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า ตัวละครผูกพันและรักกัน ตายเพื่อกันและกันได้จริงๆ มันเลยไม่เกิดขึ้นเหมือนภาคแรก ( ก็ตัวละครเวอร์ชั่นนี้ มันเล่นไม่คุยกันเลย 555+ ) ต่อให้สมมติว่าหนังมันไม่โดนตัดฉากเซ็นเซอร์ออกไป เราว่าก็ยังไม่แสดงถึงความรักหรือความชังของพระเอก-นางเอก คู่นี้ได้อยู่ดี
3. หนังกระตุ้นคนดูด้วยเพลง เพลงจังหวะตื่นเต้นน่ะ ตึ่งตั่ง ตึ่งตั่ง ตึ่งตั่ง ตึ่งตั่งๆๆๆๆ กันทั้งเรื่อง คงเพื่อให้มันเข้ากับฉากไล่ฟันแทงกันที่มีทั้งเรื่อง แต่ก็ให้อารมณ์ หนืดๆ ข้นๆ อืม...อธิบายด้วยคำนี้แหละเหมาะสมแล้ว " หนืด + ข้น " กับเพลงประกอบหนังไป ตื่นตัวจริง อะไรจริง ปกติ จขกท. นอนดึกไม่ได้นะ สัก 2-3 ทุ่มจะเริ่มง่วงแล้ว ( เคยไปดูคอนเสิร์ตยังหลับได้อ่ะ คิดดู อิอิ ) แต่ดูหนังเรื่องนี้ หนังมันเก่งมากที่ทำให้เราหูผึ่งได้ตลอด ปรบมือ แปะๆๆๆ
4. การแสดงของตัวละคร เก่งมากทุกคน อย่างกษัตริย์เปอร์เซีย ตัวโกงในเรื่อง ที่เป็นนักแสดงชาวบราซิล ช่างคัดมาได้สมกับการเป็น God King จริงๆเลย แคสติ้งมาได้เหมาะสมมาก ทั้งน้ำเสียงทรงพลังและ......ความกำยำล่ำสัน คิก คิก อยากรู้ว่าแกพูดจริงได้หยั่งงั้นไหม หรือใช้คอมแต่งเสียงเอาทีหลัง
5. การออกแบบเครื่องแต่งกาย ก็ดีอยู่นะสำหรับตัวละครเอกทั้งหลาย ทั้งนี้ ทำไมเรารู้สึกว่า แก๊งนักรบเปอร์เซียร์กลุ่มที่ใส่หน้ากาก มันคล้ายๆ ดีไซน์หน้ากากที่เคยเห็นคุ้นๆมาจากนักรบญี่ปุ่นในหนังซามูไรเลยวุ้ย คิดอยู่คนเดียวหรือเปล่าเนี่ย 555+ แล้วฉากที่นักรบฝ่ายพระเอกมานั่งๆรวมกัน เค้าคงจงใจให้ดูว่ามีนักรบจำนวนน้อยหรือเปล่า ผู้คนเลยดูเป็นกลุ่มน้อยๆ หรือเค้าประหยัดจำนวนตัวละครประกอบฉาก ?
แต่ที่ว่ามาทั้งหมดเนี่ย คุณอาจจะดูจบแล้วอยากบ่นนะ แต่ในท้ายที่สุด คุณก็จะไม่บ่นมันหรอก 5555+ คือ เอาเถอะ ! ดูจบแล้วเรารู้สึกขำๆ ว่านี่ถ้ามันมี ภาค 3 ก็อาจจะเจอกันอีกแน่ๆ และจะเป็นคนแรกๆ ที่ไปดู ไม่รอวันพุธ 100 บาท 5555+ หนังมันยังไงของมันก็ไม่รู้นะ แต่จบลงด้วยคำว่า " เออ...เอาเถอะ ! " จริงๆ 555+ ปกติเราชอบแนวดราม่าที่มีประเด็นอะไรๆสักหน่อยนะ แต่เรื่องนี้.......เป็นข้อยกเว้นจริงๆ 555+
ที่เทพสุดๆ คือ มันยังได้คะแนนตั้ง 7-7.5/10 ในเว็บรีวิวหนังด้วยนะเออ ( ขอทราบหลักเกณฑ์การให้คะแนนด้วยค่ะ 555+ )