*A journey to UK เริ่มต้นจาก step แรก ขอวีซ่าอังกฤษกันเถอะ

สวัสดีค่ะ :')


แนะนำตัว เรามีชื่อว่า ทราย ค่ะ หลักๆแล้วอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์เรื่องการไปเที่ยวให้ทุกคนได้ลองเข้ามาดูกันนะคะ ณ เวลานี้ มีนาคม 2014 ทรายเรียนจบปริญญาตรีแล้วค่ะ กำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมครั้งสุดท้าย รอวันไปทำงาน มีเวลาว่างอย่างนี้ มีหรอที่จะไม่ทำอะไรซักอย่าง 555+ ทรายตัดสินใจเลือกไปเที่ยวที่สถานที่แห่งนึง เป็นที่ๆอยากไปมาตลอด ต่อไปนี้จะมา review การเดินทางครั้งนี้ให้นะคะ ประเทศที่ทรายเลือกไปก็คือ

... สหราชอาณาจักร หรือ ประเทศอังกฤษ ... นั่นเองค่ะ
เป็นที่รู้กันอยู่ว่าที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อนและถ่ายรูปสวยๆ แต่การจะเข้าไปเยือนที่นี่ก็มีขั้นตอนหลายอย่างเหมือนกัน วันนี้มาทำความคุ้นเคยกับ step แรกกันก่อนนะคะ

STEP 1 : Applying for a Visa.

      เนื่องจากมีคำร่ำลือกันมาหนาหูว่า visa อังกฤษเนี่ยถือว่าขอยากกว่าหลายๆประเทศเลย แม้จะเป็น visa ท่องเที่ยวก็เหอะ เงื่อนไขนู่นนี่นั่นยุบยิบ ยิบย่อยไปหมด เพื่อไม่ให้เสียเวลาและเงินเปล่าๆ เราจึงต้องเตรียมการอย่างละเอียดยิบ เริ่มจากศึกษาข้อมูลมหาศาล ต้องยก credit ให้คุณ google & pantip เป็นพิเศษเลยค่ะ ทรายคิดว่าใจความสำคัญคือ เราต้องแสดงให้เค้าเห็นว่าเราจะไม่ไปอย่างคนเร่ร่อน lol เราจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เรามีทุนพอที่จะอาศัยอยู่ในเมืองเค้าได้ และเราจะกลับมาตามกำหนดเวลาของเราอย่างแน่นอน ทรายเริ่มจากการหาตั๋วเครื่องบินก่อน เนื่องจากทริปนี้ไปแบบประหยัด ถึกนิดๆตามสไตล์การเที่ยวของตัวเอง เพราะฉะนั้นทรายก็จะเลือกจากราคาเป็นเรื่องหลักเลยค่ะ 555+ สายการบินที่ราคาไม่แพงมากในความเห็นทราย ก็มี Emirates Airline, Eva Air, ถ้าถูกลงมาหน่อยก็เป็นสายการบินของทาง India อย่าง Jet Airways, Air India ทำนองนั้น แต่คุณก็จะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่อินเดีย+อาหารบนเครื่องมักเป็นอาหารทางแขก ด้วยความที่ตัวเองไม่ชอบเครื่องเทศ ก็เลยขอบายไม่เสี่ยงค่ะ สรุปแล้วก็ได้สายการบินในดวงใจมาเป็น Emirates Airline ค่ะ แวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ ราคาไป-กลับกรุงเทพฯตอนที่ทรายได้คือ THB 30,xxx ซึ่งถือว่าโอเคเลย เวลาก็ดีค่ะ บินดึก ถึงตอนเช้า ไม่เสียเวลาเที่ยว และไม่เสียค่าโรงแรมเพิ่ม (ประหยัดสุดๆบอกแล้ว!)

     เนื่องจากการจองตั๋วเครื่องบินครั้งนี้กำหนดให้เราต้องจ่ายเงินเลย ทำไงดีนะ visa ก็ยังไม่ได้ แต่จะไปจองหลังได้ visa ก็เสียดายตั๋ว สรุปก็คือ จ่ายเลยค่ะ ยิ่งสร้างความกดดันว่า ต้องขอให้ได้นะ ขั้นตอนถัดไปเมื่อมีตั๋วไป-กลับแล้ว ลำดับถัดไปคือ การหาที่อยู่ค่ะ เนื่องจากยังไม่ได้วางโปรแกรมการเที่ยวอย่างละเอียด ทรายคงแนะนำเหมือนที่คนอื่นแนะนำค่ะ คือการทำ booking แบบยกเลิกได้ไปก่อน ให้เห็นว่าอย่างน้อยเราก็มีที่นอนแล้วนะ เวปจองโรงแรมที่ทรายใช้คือ booking.com ค่ะ เราเลือกแบบที่เป็น cancel ได้ แต่ก็แนะนำเพิ่มเติมว่าลองดูที่ราคาเหมาะสมกับความต้องการของเรานิดนึงก็ดีค่ะ อย่าเลือกแบบอะไรก็ได้ไปเลย เพราะในกรณีที่ visa ของเราได้ช้า หรือมีปัญหาจองโรงแรมแบบยกเลิกไม่ได้ (ซึ่งราคาจะถูกลง) แล้วมันเต็ม เราก็อาจจะต้องใช้บริการโรงแรมที่เราจองไว้แรกสุดจริงๆก็ได้ค่ะ ทรายเลือกโรงแรมแถว Barking ซื่งก็ไม่รู้อีกว่าแถวนั้นเป็นยังไง แต่เห็นว่าใกล้สถานี tube ของลอนดอนก็โอเคแล้วค่ะ ราคาต่อคืนก็ประมาณ 2,800 บาท ไว้จะมา review โรงแรมตอนไปถึงอีกทีนะคะ

    ทีนี้ก็มาถึงเรื่องเอกสารที่ต้องใช้ ทริปนี้ทรายไปกับคุณป๊าค่ะ ก็เลยมีแนวทาง 2 แบบสำหรับการเตรียมเอกสาร คือแบบของทรายและแบบของคุณป๊าค่ะ มาดูกันเลย

A. ในกรณีที่คุณเป็นนักเรียน ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ใดๆ สิ่งสำคัญของคุณคือ
1. หนังสือเดินทาง เชควันหมดอายุดีๆนะคะ จะต้องมีวันเหลือก่อนถึงวันหมดอายุของพาสปอร์ตอย่างน้อย 6 เดือน ถ้าไม่ถึง อดเลยค่ะ ไปทำใหม่เลยสบายใจสุด ต้องถ่ายสำเนาหน้าที่มีข้อมูลของเราไว้ด้วย 1 ใบค่ะ ถ้าใครมีพาสปอร์ตเล่มเก่าที่มีประวัติการเดินทางใดๆ แนะนำให้ติดไปด้วยค่ะ ของทรายเล่มที่แล้วมีวีซ่าของอเมริกา และเชนเกนอยู่ เลยไม่พลาดที่จะเอาไปแน่นอนค่ะ เผื่อจะช่วยได้บ้าง
2. รูปถ่ายสำหรับติด visa 1 รูป แนะนำให้ไปถ่ายที่ร้านค่ะ บอกเค้าชัดๆเลยว่าถ่ายรูป visa อังกฤษ เพราะรายละเอียดยิบย่อยมีอยู่ค่ะ ต้องเห็นกี่เซนฯ นู่นนี่นั่น (สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับรูปได้จากเวปขอวีซ่าอังกฤษด้วยค่ะ)
3. ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา
4. บัตรประชาชน พร้อมสำเนา
5. หนังสือรับรองความเป็นนักเรียน ในกรณีของทราย รับรองความเป็นนิสิตแล้วค่ะ รายละเอียดก็จะต้องมีว่าเราเป็นนักเรียนชั้นไหน คณะไหน เรียนอยู่ที่ไหน ตอนนี้อยู่ในเทอมอะไร
6. หนังสือรับรอง sponsor นี่ก็สำคัญมากกก สำหรับเราที่ไม่มีรายได้ ต้องมีคนออกค่าใช้จ่ายให้เรา ในทริปนี้ทรายให้คุณปาปาออกให้ค่ะ ก็ไปด้วยกันนี่หน่า สำหรับแบบฟอร์ม สามารถทิ้ง e-mail ไว้ได้ค่ะ ทรายส่งให้หลังไมค์ได้
7. สำเนาหนังสือเดินทาง+บัตรประชาชนของคุณ sponsor ของเรา
8. หลักฐานอื่นๆของคุณ sponsor ของเราเช่น หนังสือรับรองการทำงาน รับรองเงินเดือน ทรายอาจเตรียมละเอียดไป ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เพื่อความชัวร์ก็อยากให้เค้าได้เห็นว่า sponsor เราน่ะ support เราได้จริงๆนะ ของทรายใช้สำเนาสมุดธนาคารของคุณปาปาแนบไปด้วยค่ะ
9. travel itinerary ตีตารางเลยค่ะ วันนี้ไปไหน พักที่ไหน (ส่งให้หลังไมค์ได้ค่ะ)
10. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
11. ใบจองโรงแรม

ฺB. ในกรณีที่คุณเป็นพนง.เงินเดือน หรือพูดง่ายๆก็คือในกรณีที่คุณทำงานแล้วค่ะ
1. หนังสือเดินทาง เงื่อนไขเดียวกับด้านบนเลยค่ะ
2. รูปถ่าย visa ตามเงื่อนไขเดียวกับด้านบนค่ะ
3. ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา
4. บัตรประชาชน พร้อมสำเนา
5. หนังสือรับรองการทำงาน อันนี้สำคัญมากสำหรับคนทำงาน ควรดูเป็นทางการนะ มีหัวกระดาษข้อมูลที่อยู่บริษัทก็จะดูเรียบร้อยดีค่ะ รายละเอียดคือคุณเป็นใคร ทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ เริ่มทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ และบริษัทอนุญาตให้คุณหยุดงานเมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ มีลายเซ็นกำกับของผู้เกี่ยวข้องให้ชัดเจน (ในที่นี้ก็หมายถึงคุณเจ้านายเรานั่นแหละค่ะ 555+)
6. หลักฐานทางการเงิน ข้อนี้บางคนเลือกจะใช้เป็น statement จากธนาคาร หรือเอกสารรับรองเงินเดือน ใดๆก็แล้วแต่ คุณปาปาทรายเลือกเป็นสำเนาสมุดธนาคารเนี่ยแหละค่ะ (แนบตัวจริงไปด้วย แต่เค้าคืนมา) ควรจะให้เป็นบัญชีที่เงินเข้า-ออกสม่ำเสมอ ไม่กระโดดไปมาเป็นก้อนโตๆ ไม่งั้นคงจะดูน่าสงสัยสำหรับเค้าน่ะค่ะ ย้อนหลังให้เห็นอย่างน้อย 6 เดือน และ update ให้ถึงเดือนล่าสุดเลยค่ะ
7. travel itinerary
8. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
9. ใบจองโรงแรม

หลักๆมีเท่านี้ค่ะ เมื่อเตรียมเอกสารแล้ว ก็ต้องไปเตรียมดาวน์โหลด application form + ทำนัดค่ะ ขออนุญาตมาต่อกันกระทู้หน้านะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็ลองถามมาได้นะคะ เผื่อว่าตอบได้ มั่นใจ จะรีบตอบให้ทันทีค่ะ

Thank you, have a nice day!
*Sine

-- follow my ig @amatanuntang
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่