ค่ำวันศุกร์ ขณะที่ผมเพิ่งกลับมาจากการทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ ผมได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่มีอยู่ใน Contact list เสียงปลายสายเป็นเด็กหนุ่มน้ำเสียงสดใส ผมขอสมมติชื่อว่า “เต่า”ละกันเต่า: สวัสดีคับพี่…บลา ๆ ๆผมร้องอ๋อทันที ที่แท้เป็นเด็กหนุ่มที่เคยติวหนังสือให้เมื่อนานมาแล้ว เราทักทายพอเป็นพิธี จนมาถึงจุดประสงค์ของการโทรมาของเต่า เขายิงคำถามว่า:
“พี่ร้านไหนมีกระเป๋าขายบ้าง? ผมอยากได้กระเป๋าใหม่”
ผมคิดอยู่สักพักอย่างถี่ถ้วน แล้วตอบไปว่า
“แถวอนุเสาวรีย์ก็มี เดี๋ยวพี่พาไปเจอกันพรุ่งนี้เที่ยงนะ ที่โรงเรียน”
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะผมกำลังอยู่บนรถไฟฟ้า มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียงปลายสายถามว่า
“พี่ผมอยู่โรงเรียนแล้วนะคับ พี่ถึงไหนแล้ว”
ผม:
พี่อยู่บน BTS กำลังไปอาจจะช้าประมาณ 30 นาที
เต่า:
ไม่เป็นไรพี่ ผมรอได้
พอถึงโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอนุเสาวรีย์นัก ผมจึงไปเจอเต่าที่นั่น ลืมบอกไปโรงเรียนแห่งนี้มีชื่อว่า โรงเรียนสอนคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งเต่าเป็นศิษย์เก่าที่นั่นคับและเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้พิการทางสายตา 100%
ผมจูงเต่าเดินย้อนมาแถวอนุเสาวรีย์ สายตาของผมสอดส่องหาร้านกระเป๋าตามความประสงค์ของเขา แต่ดูด้วยสายตาของผมแล้วไม่น่าจะถูกใจเขา ผมจึงตัดสินใจพาเต่าไปที่เซ็นเตอร์วัน เผอิญเจอร้านถูกใจผมเลยจัดให้น้องไปเป็นของขวัญ น้องก็ขอบคุณเป็นยกใหญ่ (จริง ๆ น้องเขาต้องการจะซื้อเองคับ)
เวลาคล้อยบ่าย ผมถามน้องว่าจะกลับยังงัย เขาบอกว่าเวลานี้คงใช้รถเมล์ลำบาก อาจจะเป็นแท็กซี่ ผมเลยพาน้องลงมารอแท็กซี่ด้านล่างผมโบกแท็กซี่คันแรก แล้วบอกว่า
“พี่ไปจรัญ 68 ไหมคับ?”
แท็กซี่คันที่หนึ่ง: สายหัว แล้วขับรถออกไป
ผมโบกแท็กซี่คันที่สองแล้วใช้คำถามเดิม แท็กซี่คันที่สอง: ทำหน้าเบ้ แล้วบอกว่าผมจะไปส่งรถ
แท็กซี่คันที่สาม: ลดกระจกลง แล้วส่ายหัว
แท็กซี่คันที่สี่: ขอโทษจริง ๆ ผมอยากไป แต่ผมต้องส่งรถ
แท็กซี่คันที่ 5,6,7 ต่างปฏิเสธเรา มีบางคันโบกไม่จอดอันนี้ไม่เคืองคับ อาจจะไม่สะดวกรับคนตาบอดก็ได้
เต่าก็ถามผมว่า
“เขาไม่ไปเหรอพี่?”
ผม:
“สงสัยรถติด เขาไม่อยากไป”
เต่า:
“ผมเคยนับนะพี่บางทีกว่าจะไปก็คันที่ยี่สิบกว่า ๆ”
ผม: ….
ใกล้ ๆ ห่างไปประมาณไม่ถึงสิบก้าว มีชายหนุ่มนั่งคล่อมมอเตอร์ไซด์รท่าทางเหมือนรอแฟนเขาอยู่ เห็นเหตุการณ์ของเราทั้งหมดเขาเลยพูดเสียงดังขึ้นว่า “พี่เราก็คนเหมือนกัน ทำไมมันไม่รับเรา”
ผม ทำเสียงเอื่อย ๆ:
“สงสัยเขาจะรีบไปส่งรถคับ”
ชายหนุ่ม:
“แ…งเป็นแบบนี้แหละ ทำเป็นเลือกได้ ไม่มีน้ำใจกันหรืองัย มาพี่เดี๋ยวผมจัดให้”
ชายหนุ่มถอดหมวกกันน็อค ถอดแจ็คเก็ต ลุกจากมอเตอร์ไซค์ ดูลักษณะเริ่มของขึ้น เดินไปดักแท็กซี่ก่อนหน้าเรา ผมเห็นแท็กซี่ส่ายหน้าเหมือนเดิมทำให้ชายหนุ่มเพิ่มดีกรีความเดือดเป็นสองเท่า เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ครู่ใหญ่ (เขาพยายามโบกให้หลายคันอยู่) จนมีแท็กซี่คันหนึ่งกำลังส่งลูกค้า ผมก็เลยพุ่งไปถามด้วยประโยคเดิม
”พี่ไปจรัญ 68 ไหมคับ?”
แท็กซี่: พยักหน้ารับ
หัวใจผมพองโตมาก แต่คนที่น่าจะดีใจกว่าผมคือชายหนุ่มคนนั้นที่พยายามโบกแท็กซี่ให้เราหลายคัน เขาเดินไปเปิดประตูด้านข้างคนขับพร้อมเอาแบงค์ร้อยยัดในมือคนขับ แล้วพูดว่า
“พี่เป็นคนมีน้ำใจจริง ๆ คนไทยมันต้องอย่างนี้”
ขณะเดียวกันผมก็บอกว่าไม่ต้องให้แท็กซี่หรอกเดี๋ยวผมจัดการเอง ชายหนุ่มแจ้งความประสงค์ว่านี่คือเงินน้ำใจส่วนค่าแท็กซี่นั่นให้ผมจัดการต่างหาก
ผมเอาค่ารถให้เต่าไปอีกจำนวนหนึ่งแล้วบอกว่า
“พี่ส่งแค่นี้นะ แล้วเจอกัน”
แท็กซี่: ทำหน้างง ๆ ประมาณว่าอยู่ ๆ ตรูก็ได้ทิปมาเฉย ๆ (ผมเดาว่าเขาไม่ได้กะจะปฏิเสธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว)
ขณะผมจะเดินกลับผมกล่าวขอบคุณชายหนุ่มคนนั้น ตอนนั้นแฟนสาวเขามาพอดี ผมก็เลยบอกว่า
“พี่ได้แฟนเป็นคนดีจริง ๆ ขอบคุณคับ”
หญิงสาวทำหน้าเอ๋อ ๆ เพราะอาจจะงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น
* เรายืนอยู่ประมาณสิบกว่านาที แต่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก อากาศค่อนข้างร้อนคับ
* ขอบคุณเหล่าแท็กซี่คับที่ทำให้ผมรู้จักแท็กซี่ที่มีน้ำใจและชายหนุ่มนิรนามเพิ่มขึ้นอีกคน ^_^
คุณเคยเจอประสบการณ์คล้ายแบบนี้บ้างไหม?
ที่มา:
http://goo.gl/yKqOP5
ผมรักแท็กซี่ไทย
“พี่ร้านไหนมีกระเป๋าขายบ้าง? ผมอยากได้กระเป๋าใหม่”
ผมคิดอยู่สักพักอย่างถี่ถ้วน แล้วตอบไปว่า
“แถวอนุเสาวรีย์ก็มี เดี๋ยวพี่พาไปเจอกันพรุ่งนี้เที่ยงนะ ที่โรงเรียน”
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะผมกำลังอยู่บนรถไฟฟ้า มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียงปลายสายถามว่า
“พี่ผมอยู่โรงเรียนแล้วนะคับ พี่ถึงไหนแล้ว”
ผม: พี่อยู่บน BTS กำลังไปอาจจะช้าประมาณ 30 นาที
เต่า: ไม่เป็นไรพี่ ผมรอได้
พอถึงโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอนุเสาวรีย์นัก ผมจึงไปเจอเต่าที่นั่น ลืมบอกไปโรงเรียนแห่งนี้มีชื่อว่า โรงเรียนสอนคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งเต่าเป็นศิษย์เก่าที่นั่นคับและเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้พิการทางสายตา 100%
ผมจูงเต่าเดินย้อนมาแถวอนุเสาวรีย์ สายตาของผมสอดส่องหาร้านกระเป๋าตามความประสงค์ของเขา แต่ดูด้วยสายตาของผมแล้วไม่น่าจะถูกใจเขา ผมจึงตัดสินใจพาเต่าไปที่เซ็นเตอร์วัน เผอิญเจอร้านถูกใจผมเลยจัดให้น้องไปเป็นของขวัญ น้องก็ขอบคุณเป็นยกใหญ่ (จริง ๆ น้องเขาต้องการจะซื้อเองคับ)
เวลาคล้อยบ่าย ผมถามน้องว่าจะกลับยังงัย เขาบอกว่าเวลานี้คงใช้รถเมล์ลำบาก อาจจะเป็นแท็กซี่ ผมเลยพาน้องลงมารอแท็กซี่ด้านล่างผมโบกแท็กซี่คันแรก แล้วบอกว่า
“พี่ไปจรัญ 68 ไหมคับ?”
แท็กซี่คันที่หนึ่ง: สายหัว แล้วขับรถออกไป
ผมโบกแท็กซี่คันที่สองแล้วใช้คำถามเดิม แท็กซี่คันที่สอง: ทำหน้าเบ้ แล้วบอกว่าผมจะไปส่งรถ
แท็กซี่คันที่สาม: ลดกระจกลง แล้วส่ายหัว
แท็กซี่คันที่สี่: ขอโทษจริง ๆ ผมอยากไป แต่ผมต้องส่งรถ
แท็กซี่คันที่ 5,6,7 ต่างปฏิเสธเรา มีบางคันโบกไม่จอดอันนี้ไม่เคืองคับ อาจจะไม่สะดวกรับคนตาบอดก็ได้
เต่าก็ถามผมว่า “เขาไม่ไปเหรอพี่?”
ผม: “สงสัยรถติด เขาไม่อยากไป”
เต่า: “ผมเคยนับนะพี่บางทีกว่าจะไปก็คันที่ยี่สิบกว่า ๆ”
ผม: ….
ใกล้ ๆ ห่างไปประมาณไม่ถึงสิบก้าว มีชายหนุ่มนั่งคล่อมมอเตอร์ไซด์รท่าทางเหมือนรอแฟนเขาอยู่ เห็นเหตุการณ์ของเราทั้งหมดเขาเลยพูดเสียงดังขึ้นว่า “พี่เราก็คนเหมือนกัน ทำไมมันไม่รับเรา”
ผม ทำเสียงเอื่อย ๆ: “สงสัยเขาจะรีบไปส่งรถคับ”
ชายหนุ่ม: “แ…งเป็นแบบนี้แหละ ทำเป็นเลือกได้ ไม่มีน้ำใจกันหรืองัย มาพี่เดี๋ยวผมจัดให้”
ชายหนุ่มถอดหมวกกันน็อค ถอดแจ็คเก็ต ลุกจากมอเตอร์ไซค์ ดูลักษณะเริ่มของขึ้น เดินไปดักแท็กซี่ก่อนหน้าเรา ผมเห็นแท็กซี่ส่ายหน้าเหมือนเดิมทำให้ชายหนุ่มเพิ่มดีกรีความเดือดเป็นสองเท่า เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ครู่ใหญ่ (เขาพยายามโบกให้หลายคันอยู่) จนมีแท็กซี่คันหนึ่งกำลังส่งลูกค้า ผมก็เลยพุ่งไปถามด้วยประโยคเดิม
”พี่ไปจรัญ 68 ไหมคับ?”
แท็กซี่: พยักหน้ารับ
หัวใจผมพองโตมาก แต่คนที่น่าจะดีใจกว่าผมคือชายหนุ่มคนนั้นที่พยายามโบกแท็กซี่ให้เราหลายคัน เขาเดินไปเปิดประตูด้านข้างคนขับพร้อมเอาแบงค์ร้อยยัดในมือคนขับ แล้วพูดว่า
“พี่เป็นคนมีน้ำใจจริง ๆ คนไทยมันต้องอย่างนี้”
ขณะเดียวกันผมก็บอกว่าไม่ต้องให้แท็กซี่หรอกเดี๋ยวผมจัดการเอง ชายหนุ่มแจ้งความประสงค์ว่านี่คือเงินน้ำใจส่วนค่าแท็กซี่นั่นให้ผมจัดการต่างหาก
ผมเอาค่ารถให้เต่าไปอีกจำนวนหนึ่งแล้วบอกว่า
“พี่ส่งแค่นี้นะ แล้วเจอกัน”
แท็กซี่: ทำหน้างง ๆ ประมาณว่าอยู่ ๆ ตรูก็ได้ทิปมาเฉย ๆ (ผมเดาว่าเขาไม่ได้กะจะปฏิเสธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว)
ขณะผมจะเดินกลับผมกล่าวขอบคุณชายหนุ่มคนนั้น ตอนนั้นแฟนสาวเขามาพอดี ผมก็เลยบอกว่า
“พี่ได้แฟนเป็นคนดีจริง ๆ ขอบคุณคับ”
หญิงสาวทำหน้าเอ๋อ ๆ เพราะอาจจะงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น
* เรายืนอยู่ประมาณสิบกว่านาที แต่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก อากาศค่อนข้างร้อนคับ
* ขอบคุณเหล่าแท็กซี่คับที่ทำให้ผมรู้จักแท็กซี่ที่มีน้ำใจและชายหนุ่มนิรนามเพิ่มขึ้นอีกคน ^_^
คุณเคยเจอประสบการณ์คล้ายแบบนี้บ้างไหม?
ที่มา: http://goo.gl/yKqOP5