สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในแนวรบอินเตอร์ คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง

กระทู้สนทนา
มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 9 มีนาคม 2557
การเมืองไทยกำลังเล่นกันแบบไม่ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้

ดับเครื่องชน ด่าให้แรงที่สุด เหยียดหยามกันอย่างไม่คิดชีวิต เรียกเสียงเฮด้วยความสะใจ
เอาไว้ก่อน ข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ชื่อที่เอ่ยถึงบ่อยๆ บนเวทีม็อบ นอกจาก ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ โอ๊ค เจ๊แดง
จากตระกูลชินวัตรแล้ว ก็ยังมี เฉลิม ธาริต ฯลฯ

และอีกหนึ่งชื่อ คือ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ และรองนายกรัฐมนตรี

สุรพงษ์เป็นนักการเมืองจากเชียงใหม่ เดิมเคยสังกัด ปชป. มาก่อน
แล้วเปลี่ยนขั้วมาอยู่กับพรรคของทักษิณ

กลายเป็นสมาชิกที่เหนียวแน่นของพรรคเพื่อไทย ที่อวตารมาจากพรรคเดิมๆ ที่ถูกยุบมาหลายหน

เสี่ยปึ้งมักพูดจาชื่นชมเสี่ยแม้วอย่างเปิดเผย และเหยียดหยามอีกฝ่ายแบบไม่ให้ราคา
ทำให้กลายเป็นเป้าการระดมยิงของอีกฝ่าย

ผลงานสำคัญของเสี่ยปึ้ง ได้แก่ การแก้ไขปัญหาพระวิหารที่รัฐบาลก่อนทำเอาไว้
ร่วมกับคณะทนายและทีมข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ โดยรับช่วงจากรัฐบาลก่อน

ทำให้ผลการตัดสินของศาลโลกที่ออกมา เป็นชัยชนะร่วมกันของทุกฝ่าย

ในวิกฤตที่เหมือนจะหาทางออกไม่พบ สัปดาห์ก่อน เสี่ยปึ้งประกาศว่า ได้ทำหนังสือเชิญ
นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ เข้ามาดูการชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อในประเทศไทย

เพื่อจะขอความเห็นว่า ควรจะแก้ไขข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างไร

ไอเดียของสุรพงษ์ มีเสียงตอบรับทั้งบวกและลบ รวมถึงมีกลุ่ม "บัวแก้วเสรี"
อันเป็นคนในกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาค้านด้วย

เลขาฯยูเอ็นจะมาเยือนหรือไม่ก็ตาม แต่ผลทางการเมืองของข่าวนี้ ทำให้อีกฝ่าย
ต้องออกมาเอะอะว่าจะเป็นการสาวไส้ให้ยูเอ็นกิน

ในการชุมนุมของ กปปส.รอบนี้ สุรพงษ์หรือเสี่ยปึ้ง มีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษา
ศรส.หรือศูนย์รักษาความสงบ

และมีบทบาทในการประชุม การออกหน้ามาแถลงข่าวแบบไม่กลัวเปลืองตัว

ถือเป็นรัฐมนตรีที่พยายามทำงาน ไม่ใส่เกียร์ว่าง เหมือนรัฐมนตรีหลายคน
ที่ดำดินหายไปจากโลกนี้

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของเสี่ยปึ้ง รับผลกระทบเต็มๆ
เพราะถูกม็อบเข้ามาปิดกระทรวง และยังแวะเวียน ยกขบวนมาดูเป็นพักๆ
ทำให้รัฐมนตรีและข้าราชการต้องย้ายที่ทำงานไปยังที่ปลอดภัย

การแถลงข่าวของ "ศรส." สุรพงษ์จะนำเสนอท่าทีของต่างประเทศ องค์กรต่างประเทศ
ที่แสดงความห่วงใยสถานการณ์ในประเทศไทย

สะท้อนจุดเด่นสำคัญของรัฐบาล ในเรื่องการต่างประเทศ อันเป็นผลจากการไปเยือน
ประเทศต่างๆของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกฯ จากการเลือกตั้งตามระบอบ
ประชาธิปไตย หลังจากอยู่ในเงารัฐประหาร 2549 มาหลายปี

สร้างความไม่พอใจต่อคู่ต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย ที่ภาคภูมิใจมาตลอดว่า
เฉพาะพวกเขาเท่านั้นที่คุยกับฝรั่งรู้เรื่องเพราะมีการศึกษาสูง ผ่านการเรียน
เมืองนอกเมืองนามาแล้ว

และหยิบเอาเรื่องนี้ไปโจมตีอย่างหนัก หักล้างกันทุกเม็ด เอากันตั้งแต่ภาษาอังกฤษ
ของนายกฯ ของ รมว.ต่างประเทศ กิริยาอาการที่เปิ่นเทิ่นมันเทศ

โดยไม่ได้นึกว่า สาระสำคัญไม่ใช่เรื่องพูดเก่ง พ่นสำเนียงได้เหมือนฝรั่งหรือไม่
แต่อยู่ที่เนื้อหาสาระของสิ่งที่พูด และตัวบุคคลที่พูด มีความชอบธรรม ที่จะมา
พูดในเนื้อหาสาระนั้น แทนประชาชน แทนประเทศขนาดไหน

ถ้ามาจากรัฐประหาร มาจากค่ายทหาร ต่อให้พูดเก่งกว่าฝรั่ง ก็ไม่มีใครอยากฟัง

ความยอมรับจากต่างประเทศ ทำให้การล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเที่ยวนี้ประสบ
ปัญหาอย่างมาก เพราะสื่อต่างประเทศนำเอาไปแฉทุกวัน ขณะที่รัฐบาลต่างประเทศ
ก็เรียกร้องให้กลับสู่แนวทางที่มีกฎหมายรองรับ

บังคับให้อีกฝ่ายต้องเปิดแนวรบอินเตอร์ขึ้นมาสู้บ้าง

สู้ได้แค่ไหน ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ สถานการณ์จะเป็นผู้ตัดสิน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394380031&grpid=&catid=01&subcatid=0100


อ่านคอลัมน์นี้  แล้วต้องนึกถึงวันวาน  ที กปปส.จัดแถลงข่าว  เชิญสถานทูตนานาประเทศมาฟังแถลงการณ์
แต่มีสถานทูต  ตอบรับ  การจัดการแถลงข่าวครั้งนั้นน้อยมาก
จนไม่กี่วันมานี้  คปท.ต้องจัดขบวนม็อบ  ไปเยี่ยมสถานทูต  8   ประเทศ  เพื่อให้รับทราบ
ท่าทีของกปปส.  แต่สถานทูตสหรัฐอเมริกา  ก็ยังไม่สนใจอยู่ดี   .....
แล้วแบบนี้   กองทัพ  จะปฏิวัติไหม  ปฏิวัติ  ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของนานาประเทศ
ให้เคารพกฎหมาย      ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่