กระทู้นี้ขอเน้นระบายละกันนะครับ ยอมรับว่า ณ ขนาดนี้ เหล้าเข้าปากจขกท.ไปเยอะพอสมควรแล้ว เพราะฉนั้น ถ้าเขียนอะไรวกไปวนมา หรืออ่านไม่รู้เรื่องก็ขออภัยนะครับ เพราะต้องการใช้panitp เป็นที่ระบายครับ
ผมเป็นตำรวจ ไปเรียนป.โทด้าน National Security ที่อังกฤษ ระหว่างอยู่ในช่วงเรียนภาษา แฟนเก่าผมก็lineมาบอกเลิก เนื่องจากเธอต้องการลงหลักปักฐานที่จังหวัดในบ้านเกิด จึงไม่คิดที่จะมาอยู่กรุงเทพกับผมอีกต่อไป
ช่วงนั้นผมเฮิร์ทน่าดู เพื่อนคนไทยก็มาชวนกินเหล้าบ่อยๆ จนผมติดเหล้าอยู่ช่วงนึว (ปกติผมหลับยากอยู่แล้ว แต่พอกินเหล้าแลว้หลับง่าบ เลยชอบกินเป็นประตำ)
เพื่อนชาวมาเลเซียคนนึง จะยุให้ผมจีบเพื่อนสาวชาวจีนคนนึง ช่วงนั้นผมค่อนข้างสนิทกับเธอ เวลามีแข่งโอลิมปิกโดยเฉพาะรายการใดที่ไทยเจอกับจีน ผมจะชวนเธอมาดูด้วยกันเป็นประจำ (รวมทั้งมวยคู่แก้ว พงษ์ประยูร ปะทะ ซูชิหมิงด้วย) ที่สำคัญเธอเป็นคนสวยเสียด้วยสิ
หลังจากแก้วพ่ายซูชิหมิงในรอบชิง ผมก็ต้องไปเลี้ยงข้าวเธอตามที่พนัน ในช่วงนั้นมีนักเรียนใหม่4คนเข้ามาเรียนรวมกับเรา 1ในนั้นเป็นจิตแพทย์ชาวไต้หวัน ที่มาเรียนป.โทด้านจิตวิทยา สาวจีนคนนนั้นก็บังคับให้ผมเลี้ยงข้าวเธอด้วย ในฐานะเพื่อนใหม่ที่พูดภาษาเดียวกับเธอ
ช่วงแรก ผมไม่ค่อยสนิทกับจิตแพทย์คนนั้นเท่าไหร่ เธอดูเป็นคนเงียบๆ มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
แต่หลังๆ เนื่องจากเธอพูดไทยได้หลายคำอยู่(แฟนเก่าเป็นคนลาว) ประกอบกับเมื่อผมเร่ิมสนิทกับเธอ เริ่มรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ดูลึกลับแต่น่าค้นหา ผมก็เริ่มชอบเธอ ผมบอกไอ้คนมาเลเซียคนนั้นว่า "ไม่ต้องมายุอั้วเรื่อง(ชื่อเล่นสาวจีน)แล้ว อั้วรุ้ดีว่าตอนนั้นอั้วรักใคร" ตอนหลังสาวจีนคนนั้นก็มาล้อผม บอกว่าไอ้มาเลย์บอกเธอหมดแล้ว ว่าผมชอบสาวไต้หวัน
ไม่นานต่อมา ผมก็แอบเห็นไอ้มาเลย์จูบกับสาวจีน ผมก็ไปล้อ2คนนั้น 2คนนั้นก็เขิลๆ แต่ไม่กล้าปฏิเสธไร
แต่ทางฝั่งสาวไต้หวัน เมื่อเราเรียนจบคอร์สภาษา ก็ไปดื่มฉลองกัน และวันนั้น ผมกลับบ้านกับเธอ ไปส่งเธอหน้าห้อง และด้วยความเมา ผมเคาะห้องเธอหลังจากเมาได้ที่แล้ว เมื่อเธอออกมา ผมพูดเป็นภาษาจีนไปว่า "ฉันอยากจะบอกอะไรเธอบางอย่าง บางอย่างที่ฉันอยากจะปิดเอาไว้ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า ยังไงฉันต้องพูดออกไป ฉันอยากบอกเธอมานานแล้ว ว่าฉันรักเธอ"
เธอนิ่งไปซักพักนึง แต่กลับตอบผมเป็นภาษาอังกฤษในทำนองที่ว่า เธอไม่เชื่อว่าผมพูดจากใจจริง เธอคิดว่าผมชอบสาวจีนคนนั้น แต่พอสาวจีนคนนั้นไปคบกับไอ้หนุ่มมาเลย์ ผมถึงเปลี่ยนมาจีบเธอ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่เธอเป็นจิตแพทย์ เธอรู้ดีว่าจะพูดยังไง ให้ผมยอมกลับไปโดยดี ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็เลยต้องกลับไปก่อน
แต่หลังจากนั้น ผมก็ยังได้มีโอกาสช่วยเหลือเธออีกหลายๆสถานการณ์ ทั้งการทำรายงาน ที่ผมช่วยเธอเกลาภาษาจนแทบไม่ได้นอน (ก็แทบไม่ได้นอนทั้งคู่นั่นแหละ บางที ผมก็เผลอๆงีบไปบ้าง ตื่นมาตี4ตี5 ก็เจอเธออยู่ข้างๆ) รวมถึงช่วยเธอย้ายบ้าน และเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็รู้สึกว่าเธอไว้ใจผมมากขึ้น เราได้เจอกันบ่อยขึ้น ไปดูหนังบ้เาง ไปกินข้าวกันบ้าง ไปกินเหล้ากันบ้าง (ผมเคยถามเธอเป็นภาษาไทยว่าไปไหนต่อ เธอก็ตอบเป็นภาษาไทยว่า "ไปกินเหล้ากัน") วันเกิดเธอ ก็ได้สาวจีนคนนั้นช่วยสอนผมเขียนการ์ดให้เธอเป็นภาษาจีน
ในที่สุด เราก็ได้คบหากัน แต่ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็ต้องย้ายไปอยู่เมืองนอตติงแฮม เลยได้เจอเธอน้อยลง แต่ก็นัดเจอกันทุกครั้งที่ผมเข้าลอนดอน
ผมเจอเธอครั้งสุดท้ายในเดือนตุลาคม 2556 ผมเข้ามาลอนดอน และชวนเธอไปกินข้าว จากนั้นก็ไปช็อปปิ้งในตัวเมืองด้วยกันต่อ จนเลยเที่ยงืนเลย
พฤศจิกาบย 2556 ผมไปเที่ยวไอร์แลนด์เหนือกับเพื่อนคนไทย เธอlineมาบอกผมว่าพ่อเธอป่วยเป็นมะเร็วง เธอต้องกลับไต้หวันกระทันหัน ผมlineถามว่า มะรืนนี้ผมจะกลับ รอผมก่อนได้ป่าว แต่ไม่ได้ เพราะแม่เธอจองตั๋ววันนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว เราเลยต้องจากกันอย่างเศร้า และก็ไม่ได้พบกันอีกเลย
ทั้งไอ้หนุ่มมาเลย์และสาวจีนพยายามปลอบผมตามประสาเพื่อนที่ดี แต่ผมก็คิดถึงเธอตลอด แต่บางทีไม่รู้จะlineไปคุยอะไรกับเธอ นอกจากHow are you? What's going on? Happy new year. Happy Valentine day? ผมเคยส่งเพลงไปหาเธอ ทั้งเพลงจีน,เพลงเกาหลี(sub eng) และเพลงไทย(sub chinese) รวมถึงเพลงไทยบางเพลงที่ไม่มีซับ แต่ผมแปลให้เธอฟังด้วย
ทุกวันนี้ผมกลับมารับราชการดังเดิม ส่วนเธอก็ประกอบอาชีพจิตแพทย์ของเธอ ในโรงพยาบาลเมืองไท่จง เรายังไม่มีโอกาสมาเจอซึ่งกันและกัน แต่เธอได้ยุติความสัมพันธ์กับผมเรียบร้อยแล้วล่ะคัรบ
ผมยังได้คุยlineกับเธอบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก เพราะผมไม่รู้จะคุยอะไรกับเธอ เมื่อกี้ก่อนตั้งกระทู้เพิ่งมีโอกาสได้คุยกัน หลังจากที่ถามทุกข์สุขและหน้าที่การงานของแต่ละฝ่าย ตามด้วยคำอวยพรจากเธอแล้ว ผมก็พูดว่า "One thing I regret that I haven't had a chance to say goodbye to you, I didn't expect that dinner would be the last time I saw you"
เธอก็ตอบว่า "It's not a big deal, don't be regretted for this, look forward don't look back, I can tell you that I won't forget you and I want to thank you for everything you've tried the best for me, I'm really appreciate it"
ผมก็ตอบว่า "For me, I'll keep you in my mind"
แล้วเธอก็ตอบว่า "Anyway, I hope you can find a girl who loves you as much as you love her"
ผมก็ตอบว่า "Hopefully it doesn't take so long"
จากนั้นก็คุยกันอีกนิดหน่อย แล้วก็ลากัน
ถ้าใครถามผมว่า ชอบเธอตรงไหน ผมเดาว่าเป็นเพราะ (เดานะ เพราะจริงๆก็ไม่ทราบหรอก เหตุผลน่ะ)
1.เธอดูเป็นคนเงียบๆ มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี แต่น่าค้นหา (นิสัยดีด้วยแหละ จริงๆขี้สงสารขี้เกรงใจจะตาย) ประกอบกับเรียนจิตวิทยา หลายครั้ง แม้จะหน้านิ่งๆ ไร้รอยยิ้ม แต่เธอก็สามารถพูดให้ผมสบายใจขึ้นมาได้
2.จากเดิมที่เค้าคิดว่าผมไม่จริงใจ ผมสามารถพิสูจน์ได้ในระดับนึง จนทำให้เค้าไว้ใจ และให้โอกาสผมช่วยเหลือยามที่เค้าต้องการความช่วยเหลือ (ตอนบอกลาก่อนกลับไทย ผมประทับใจคำว่า appreciate ของเค้ามากเลย)
3.language barrier มันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างนึงนะ อีกอย่างเค้าพูดไทยได้หลายคำอยู่ เลยน่ารักไปอีกแบบ (ประโยคแรกที่เค้าตั้งใจจะโชว์ผมว่าเค้าพูดไทยได้ คือคำว่า "กูเกลียดเมิง"
นึกไม่อกอว่าจะเขียนอะไรต่อดี ไว้ถ้าผมนึกกออกจะมาเพิ่มเติมภายหลังละกันนะคัรย
แต่ขอลงเพลงที่ตรงๆ และเคยส่งให้เธอก่อนละกัน

อันนี้มีซับจีน



คิดถึงคนๆนึงมากมาย
ผมเป็นตำรวจ ไปเรียนป.โทด้าน National Security ที่อังกฤษ ระหว่างอยู่ในช่วงเรียนภาษา แฟนเก่าผมก็lineมาบอกเลิก เนื่องจากเธอต้องการลงหลักปักฐานที่จังหวัดในบ้านเกิด จึงไม่คิดที่จะมาอยู่กรุงเทพกับผมอีกต่อไป
ช่วงนั้นผมเฮิร์ทน่าดู เพื่อนคนไทยก็มาชวนกินเหล้าบ่อยๆ จนผมติดเหล้าอยู่ช่วงนึว (ปกติผมหลับยากอยู่แล้ว แต่พอกินเหล้าแลว้หลับง่าบ เลยชอบกินเป็นประตำ)
เพื่อนชาวมาเลเซียคนนึง จะยุให้ผมจีบเพื่อนสาวชาวจีนคนนึง ช่วงนั้นผมค่อนข้างสนิทกับเธอ เวลามีแข่งโอลิมปิกโดยเฉพาะรายการใดที่ไทยเจอกับจีน ผมจะชวนเธอมาดูด้วยกันเป็นประจำ (รวมทั้งมวยคู่แก้ว พงษ์ประยูร ปะทะ ซูชิหมิงด้วย) ที่สำคัญเธอเป็นคนสวยเสียด้วยสิ
หลังจากแก้วพ่ายซูชิหมิงในรอบชิง ผมก็ต้องไปเลี้ยงข้าวเธอตามที่พนัน ในช่วงนั้นมีนักเรียนใหม่4คนเข้ามาเรียนรวมกับเรา 1ในนั้นเป็นจิตแพทย์ชาวไต้หวัน ที่มาเรียนป.โทด้านจิตวิทยา สาวจีนคนนนั้นก็บังคับให้ผมเลี้ยงข้าวเธอด้วย ในฐานะเพื่อนใหม่ที่พูดภาษาเดียวกับเธอ
ช่วงแรก ผมไม่ค่อยสนิทกับจิตแพทย์คนนั้นเท่าไหร่ เธอดูเป็นคนเงียบๆ มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
แต่หลังๆ เนื่องจากเธอพูดไทยได้หลายคำอยู่(แฟนเก่าเป็นคนลาว) ประกอบกับเมื่อผมเร่ิมสนิทกับเธอ เริ่มรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ดูลึกลับแต่น่าค้นหา ผมก็เริ่มชอบเธอ ผมบอกไอ้คนมาเลเซียคนนั้นว่า "ไม่ต้องมายุอั้วเรื่อง(ชื่อเล่นสาวจีน)แล้ว อั้วรุ้ดีว่าตอนนั้นอั้วรักใคร" ตอนหลังสาวจีนคนนั้นก็มาล้อผม บอกว่าไอ้มาเลย์บอกเธอหมดแล้ว ว่าผมชอบสาวไต้หวัน
ไม่นานต่อมา ผมก็แอบเห็นไอ้มาเลย์จูบกับสาวจีน ผมก็ไปล้อ2คนนั้น 2คนนั้นก็เขิลๆ แต่ไม่กล้าปฏิเสธไร
แต่ทางฝั่งสาวไต้หวัน เมื่อเราเรียนจบคอร์สภาษา ก็ไปดื่มฉลองกัน และวันนั้น ผมกลับบ้านกับเธอ ไปส่งเธอหน้าห้อง และด้วยความเมา ผมเคาะห้องเธอหลังจากเมาได้ที่แล้ว เมื่อเธอออกมา ผมพูดเป็นภาษาจีนไปว่า "ฉันอยากจะบอกอะไรเธอบางอย่าง บางอย่างที่ฉันอยากจะปิดเอาไว้ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า ยังไงฉันต้องพูดออกไป ฉันอยากบอกเธอมานานแล้ว ว่าฉันรักเธอ"
เธอนิ่งไปซักพักนึง แต่กลับตอบผมเป็นภาษาอังกฤษในทำนองที่ว่า เธอไม่เชื่อว่าผมพูดจากใจจริง เธอคิดว่าผมชอบสาวจีนคนนั้น แต่พอสาวจีนคนนั้นไปคบกับไอ้หนุ่มมาเลย์ ผมถึงเปลี่ยนมาจีบเธอ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่เธอเป็นจิตแพทย์ เธอรู้ดีว่าจะพูดยังไง ให้ผมยอมกลับไปโดยดี ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็เลยต้องกลับไปก่อน
แต่หลังจากนั้น ผมก็ยังได้มีโอกาสช่วยเหลือเธออีกหลายๆสถานการณ์ ทั้งการทำรายงาน ที่ผมช่วยเธอเกลาภาษาจนแทบไม่ได้นอน (ก็แทบไม่ได้นอนทั้งคู่นั่นแหละ บางที ผมก็เผลอๆงีบไปบ้าง ตื่นมาตี4ตี5 ก็เจอเธออยู่ข้างๆ) รวมถึงช่วยเธอย้ายบ้าน และเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็รู้สึกว่าเธอไว้ใจผมมากขึ้น เราได้เจอกันบ่อยขึ้น ไปดูหนังบ้เาง ไปกินข้าวกันบ้าง ไปกินเหล้ากันบ้าง (ผมเคยถามเธอเป็นภาษาไทยว่าไปไหนต่อ เธอก็ตอบเป็นภาษาไทยว่า "ไปกินเหล้ากัน") วันเกิดเธอ ก็ได้สาวจีนคนนั้นช่วยสอนผมเขียนการ์ดให้เธอเป็นภาษาจีน
ในที่สุด เราก็ได้คบหากัน แต่ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็ต้องย้ายไปอยู่เมืองนอตติงแฮม เลยได้เจอเธอน้อยลง แต่ก็นัดเจอกันทุกครั้งที่ผมเข้าลอนดอน
ผมเจอเธอครั้งสุดท้ายในเดือนตุลาคม 2556 ผมเข้ามาลอนดอน และชวนเธอไปกินข้าว จากนั้นก็ไปช็อปปิ้งในตัวเมืองด้วยกันต่อ จนเลยเที่ยงืนเลย
พฤศจิกาบย 2556 ผมไปเที่ยวไอร์แลนด์เหนือกับเพื่อนคนไทย เธอlineมาบอกผมว่าพ่อเธอป่วยเป็นมะเร็วง เธอต้องกลับไต้หวันกระทันหัน ผมlineถามว่า มะรืนนี้ผมจะกลับ รอผมก่อนได้ป่าว แต่ไม่ได้ เพราะแม่เธอจองตั๋ววันนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว เราเลยต้องจากกันอย่างเศร้า และก็ไม่ได้พบกันอีกเลย
ทั้งไอ้หนุ่มมาเลย์และสาวจีนพยายามปลอบผมตามประสาเพื่อนที่ดี แต่ผมก็คิดถึงเธอตลอด แต่บางทีไม่รู้จะlineไปคุยอะไรกับเธอ นอกจากHow are you? What's going on? Happy new year. Happy Valentine day? ผมเคยส่งเพลงไปหาเธอ ทั้งเพลงจีน,เพลงเกาหลี(sub eng) และเพลงไทย(sub chinese) รวมถึงเพลงไทยบางเพลงที่ไม่มีซับ แต่ผมแปลให้เธอฟังด้วย
ทุกวันนี้ผมกลับมารับราชการดังเดิม ส่วนเธอก็ประกอบอาชีพจิตแพทย์ของเธอ ในโรงพยาบาลเมืองไท่จง เรายังไม่มีโอกาสมาเจอซึ่งกันและกัน แต่เธอได้ยุติความสัมพันธ์กับผมเรียบร้อยแล้วล่ะคัรบ
ผมยังได้คุยlineกับเธอบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก เพราะผมไม่รู้จะคุยอะไรกับเธอ เมื่อกี้ก่อนตั้งกระทู้เพิ่งมีโอกาสได้คุยกัน หลังจากที่ถามทุกข์สุขและหน้าที่การงานของแต่ละฝ่าย ตามด้วยคำอวยพรจากเธอแล้ว ผมก็พูดว่า "One thing I regret that I haven't had a chance to say goodbye to you, I didn't expect that dinner would be the last time I saw you"
เธอก็ตอบว่า "It's not a big deal, don't be regretted for this, look forward don't look back, I can tell you that I won't forget you and I want to thank you for everything you've tried the best for me, I'm really appreciate it"
ผมก็ตอบว่า "For me, I'll keep you in my mind"
แล้วเธอก็ตอบว่า "Anyway, I hope you can find a girl who loves you as much as you love her"
ผมก็ตอบว่า "Hopefully it doesn't take so long"
จากนั้นก็คุยกันอีกนิดหน่อย แล้วก็ลากัน
ถ้าใครถามผมว่า ชอบเธอตรงไหน ผมเดาว่าเป็นเพราะ (เดานะ เพราะจริงๆก็ไม่ทราบหรอก เหตุผลน่ะ)
1.เธอดูเป็นคนเงียบๆ มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี แต่น่าค้นหา (นิสัยดีด้วยแหละ จริงๆขี้สงสารขี้เกรงใจจะตาย) ประกอบกับเรียนจิตวิทยา หลายครั้ง แม้จะหน้านิ่งๆ ไร้รอยยิ้ม แต่เธอก็สามารถพูดให้ผมสบายใจขึ้นมาได้
2.จากเดิมที่เค้าคิดว่าผมไม่จริงใจ ผมสามารถพิสูจน์ได้ในระดับนึง จนทำให้เค้าไว้ใจ และให้โอกาสผมช่วยเหลือยามที่เค้าต้องการความช่วยเหลือ (ตอนบอกลาก่อนกลับไทย ผมประทับใจคำว่า appreciate ของเค้ามากเลย)
3.language barrier มันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างนึงนะ อีกอย่างเค้าพูดไทยได้หลายคำอยู่ เลยน่ารักไปอีกแบบ (ประโยคแรกที่เค้าตั้งใจจะโชว์ผมว่าเค้าพูดไทยได้ คือคำว่า "กูเกลียดเมิง"
นึกไม่อกอว่าจะเขียนอะไรต่อดี ไว้ถ้าผมนึกกออกจะมาเพิ่มเติมภายหลังละกันนะคัรย
แต่ขอลงเพลงที่ตรงๆ และเคยส่งให้เธอก่อนละกัน