ทรัพย์มหาศาล (เรื่องสั้นจุ๊ดจู๋)
โดย: เพียรบรรตา
ในร้านขาย นาฬิกา เก่าแก่แห่งหนึ่งชื่อ เพลา ลักษณะร้านเก่าเป็นห้องแถวไม้ที่อยู่ล๊อคหัวมุมเป็นร้านขาย ซ่อม นาฬิกามาตั้งแต่รุ่นปู่ มีพ่อกับลูก ทำในสิ่งที่รักคือธุรกิจเกี่ยวกับนาฬิกา ทั้งขาย ทั้งซ่อม ทั้งตรวจเช็ค หรือกระทั่งรับซื้อเพื่อสะสมในร้านของเขามี นาฬิกาแบรนด์ ดังระดับโลก อยู่หลายเรือน นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของที่แห่งนี้ นาฬิกาเรือนโปรดของคุณพ่อที่หวงแสนหวงหลังจากที่ได้รับเป็นมรดกจากคุณปู่ก็เห็นว่าจะเป็น นาฬิกาตัวใหญ่ยักษ์อยู่กลางร้าน ที่มีเสียงในทุก1ชั่วโมงและ มีสัญญาณเตือนเมื่อถึงตอนเที่ยงวัน กับ เที่ยงคืน นาฬิกาตัวนี้คุณพ่อขัดทุกวี่วัน สะอาดแวววับจับตา ฝรั่งเดินผ่านไปมาก็ขอซื้อให้ราคาสูงนับว่าเทียบเท่ารถสปอร์ต หรือบ้างก็ เข้ามาเยี่ยมชมนาฬิกาโบราณอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครเคยได้เอาออกจากร้านได้ เพราะถูกปฎิเสธการขายทุกราย ทำได้เพียงถ่ายภาพคู่ ก็นับว่าเป็นบุญสุดๆแล้ว ในเวลาต่อมาคุณพ่อก็แก่ลง แก่ลง ตามกาลเวลา แต่นาฬิกาทุกเรือนในร้านก็ยังเดินได้อย่างตรงเปะในเวลานั้นเองลูกชายก็แอบคิดไปบ้างแว๊บๆ ว่าถ้าพ่อของเขาตายเขาอาจจะขายนาฬิกาให้กับชาวต่างชาติเพื่อนำเงินไปซื้อทรัพยสินส่วนตัวตามที่ตนเองเคยฝันอยากได้คอนโดกลางเมืองใหญ่ หรืออาจได้ขับรถหรู ยิ่งนับวันเข้าเขาก็ยิ่งมีความโลภขึ้นไปทุกที แต่แล้วคุณพ่อก็ป่วยหนักเป็นโรคทั่วไปตามความชราภาพ จนกระทั่งคุณพ่อกำลังจะจากเขาไป ก็บอกกับเขาว่าฝากดูแลนาฬิกาที่คุณปู่รักมากที่สุดในชีวิตและให้กับพ่อดูแลเรื่อนนั้น พ่อพูดทั้งน้ำตาและเสียงกระเส่าเต็มทีโอดครวนพยายามพูดยื้อประโยคฝืนชีวิตอันโอดครวนแหบแห้งช่วงเวลาที่ถูกนับถอยหลังของชีวิตที่กำลังจากไปทีละน้อย ดูแลนาฬิกาคุณปู่ยังไงก็ได้ในวิธีของแกนะลูก พ่อกล่าวและสิ้นลมไป ลูกชายรู้สึกเสียใจกับการจากไปของพ่อแต่ความโลภก็ทวีโหมเข้าหัวใจลูกชายอย่างรุนแรงกระแทกจนใจเต้นสะท้านว่าถึงเวลาที่ความฝันจะเป็นจริง พ่อฟื้นสะอึกขึ้นมาและพูดเฮือกสุดท้ายก่อนจากไปว่า ในการตั้งเวลามันมีอยู่ 3 อย่างที่นักซ่อมนาฬิกาคนทั่วโลกรู้ดี คือเรื่องเข็มที่มี3เข็ม แต่ความลับในการตั้งเวลาแบบที่พ่อสอนยังจำได้ไช่ไหมพ่อพูดด้วยความทรมานเสียงของพ่อลดลงครึ่งเสียงพูดด้วยความทรมานกว่าจะจบประโยคได้ ลูกชายเริ่มงง เพราะเขาไม่ค่อยได้ใส่ใจกับการงานด้านการซ่อมเลย เอาแต่ขายอย่างเดียว พ่อพูดต่อไปว่ามีแผ่นเหล็กสลักข้อความการตั้งเวลาไว้อย่างดี ด้านหลังของนาฬิกา เมื่อพ่อพูดจบก็จากเขาไปทิ้งไว้แต่ความเสียใจ และความทรงจำเขาได้แต่นั่งร้องไห้กอดศพพ่อ และจัดพิธีทุกอย่างเรียบร้อยผู้คนต่างพากันโศกเศร้ากับช่างนาฬิกาที่อยู่คู่ผู้คนมาเป็นรุ่นที่สองในขณะที่ทุกๆคนส่วนใหญ่ในงานศพก็ใส่นาฬิกาข้อมือที่เคยซื้อเคยซ่อมจากร้าน เพลา เมื่อเวลาแห่งความโศกเศร้าผ่านไปเขาก็เดินไปที่นาฬิกาเรือนยักษ์อยู่ตรงเสากลางของร้าน เพลา เขาลองนึกและทำตามที่พ่อบอกเรื่องการตั้งเวลาที่เป็นวิธีของปู่ ตั้งไม่เหมือนใครในโลกนี้เลย วิธีที่ว่าส่งต่อให้กับพ่อจนทำให้เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ เขาได้พบแผ่นเหล็กที่พ่อบอกมีฝุ่นคร่ำคละเกาะเต็มไปหมด เมื่อลองใช้ปากเป่าฝุ่นนั้นออกก็มีอักษร สองสามบรรทัดให้เห็นชัดเจนแต่ดูเหมือนไม่ไช่การตั้งนาฬิกาธรรมดา ข้อความนั้นเขียนว่า
“ทรัพย์ ที่มีค่ามหาศาล คือ กาลเวลา ไม่ใช่นาฬิการาคาแพงๆ”
ชายหนุ่มก้มหน้าร้องไห้และนึกถึงความผิดที่ตัวเองได้คิดจะขายนาฬิกาตระกูล เขาเดินไปขอโทษพ่อที่รูปของพ่อแล้วบอกกับพ่อว่า ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงเปิดร้านนาฬิกา ทั้งที่เรายังกินน้ำพริกกันอยู่ รู้แล้วว่าทำไมพ่อส่งให้ผมเรียนโรงเรียนวัด รู้แล้วว่าทำไมพ่อไม่ให้ผมใสนาฬิกาดีๆเหมือนเพื่อนทั้งที่บ้านของเราก็เปิดร้านนาฬิกา แม้จะไม่รวยเหมือนใครๆ แต่เราก็ได้ใช้เวลาในชีวิตของเราอย่างคุ้มค่าด้วยทรัพยมหาศาลที่พ่อสอนให้ลูกชาย เรียกมันว่าเวลา
เขานับก้าวถอยหลังแล้วหวนนึกถึงตัวอักษรบนแผ่นเหล็กที่เขาอ่านทำให้เขาตั้งเวลาชีวิตตัวเองใหม่ ลืมเรื่อง คอนโด รถสปอตร์ และชีวิตที่หรูหรา เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของพ่อเพื่อซ่อมนาฬิกาให้กับลูกค้าต่อไป
“ทรัพย์มหาศาลคือ เวลา ไม่ไช่นาฬิกาแพงๆ” เป็นคำขวัญติดหน้าร้าน ของเขา เพลา พาณิชย์ ในเวลาต่อมาร้านของเขามีชื่อเสียงโด่งดังในการซ่อมนาฬิกามากกว่าที่จะขายนาฬิกา....เพราะร้านเขาทำให้หลายคนรู้ว่าเวลาคือทรัพย์มหาศาลมากกว่า นาฬิกาแพง จริงๆ ลูกค้าทุกคนนำคำขวัญร้านเพื่อไปปรับใช้กับการตั้งเวลาชีวิตตัวเอง
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ แม่ว่าสำบัดสำนวนของเราอาจจะไม่อร่อยเท่าใครๆ /
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทรัพย์มหาศาล (เรื่องสั้นจุ๊ดจู๋)
โดย: เพียรบรรตา
ในร้านขาย นาฬิกา เก่าแก่แห่งหนึ่งชื่อ เพลา ลักษณะร้านเก่าเป็นห้องแถวไม้ที่อยู่ล๊อคหัวมุมเป็นร้านขาย ซ่อม นาฬิกามาตั้งแต่รุ่นปู่ มีพ่อกับลูก ทำในสิ่งที่รักคือธุรกิจเกี่ยวกับนาฬิกา ทั้งขาย ทั้งซ่อม ทั้งตรวจเช็ค หรือกระทั่งรับซื้อเพื่อสะสมในร้านของเขามี นาฬิกาแบรนด์ ดังระดับโลก อยู่หลายเรือน นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของที่แห่งนี้ นาฬิกาเรือนโปรดของคุณพ่อที่หวงแสนหวงหลังจากที่ได้รับเป็นมรดกจากคุณปู่ก็เห็นว่าจะเป็น นาฬิกาตัวใหญ่ยักษ์อยู่กลางร้าน ที่มีเสียงในทุก1ชั่วโมงและ มีสัญญาณเตือนเมื่อถึงตอนเที่ยงวัน กับ เที่ยงคืน นาฬิกาตัวนี้คุณพ่อขัดทุกวี่วัน สะอาดแวววับจับตา ฝรั่งเดินผ่านไปมาก็ขอซื้อให้ราคาสูงนับว่าเทียบเท่ารถสปอร์ต หรือบ้างก็ เข้ามาเยี่ยมชมนาฬิกาโบราณอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครเคยได้เอาออกจากร้านได้ เพราะถูกปฎิเสธการขายทุกราย ทำได้เพียงถ่ายภาพคู่ ก็นับว่าเป็นบุญสุดๆแล้ว ในเวลาต่อมาคุณพ่อก็แก่ลง แก่ลง ตามกาลเวลา แต่นาฬิกาทุกเรือนในร้านก็ยังเดินได้อย่างตรงเปะในเวลานั้นเองลูกชายก็แอบคิดไปบ้างแว๊บๆ ว่าถ้าพ่อของเขาตายเขาอาจจะขายนาฬิกาให้กับชาวต่างชาติเพื่อนำเงินไปซื้อทรัพยสินส่วนตัวตามที่ตนเองเคยฝันอยากได้คอนโดกลางเมืองใหญ่ หรืออาจได้ขับรถหรู ยิ่งนับวันเข้าเขาก็ยิ่งมีความโลภขึ้นไปทุกที แต่แล้วคุณพ่อก็ป่วยหนักเป็นโรคทั่วไปตามความชราภาพ จนกระทั่งคุณพ่อกำลังจะจากเขาไป ก็บอกกับเขาว่าฝากดูแลนาฬิกาที่คุณปู่รักมากที่สุดในชีวิตและให้กับพ่อดูแลเรื่อนนั้น พ่อพูดทั้งน้ำตาและเสียงกระเส่าเต็มทีโอดครวนพยายามพูดยื้อประโยคฝืนชีวิตอันโอดครวนแหบแห้งช่วงเวลาที่ถูกนับถอยหลังของชีวิตที่กำลังจากไปทีละน้อย ดูแลนาฬิกาคุณปู่ยังไงก็ได้ในวิธีของแกนะลูก พ่อกล่าวและสิ้นลมไป ลูกชายรู้สึกเสียใจกับการจากไปของพ่อแต่ความโลภก็ทวีโหมเข้าหัวใจลูกชายอย่างรุนแรงกระแทกจนใจเต้นสะท้านว่าถึงเวลาที่ความฝันจะเป็นจริง พ่อฟื้นสะอึกขึ้นมาและพูดเฮือกสุดท้ายก่อนจากไปว่า ในการตั้งเวลามันมีอยู่ 3 อย่างที่นักซ่อมนาฬิกาคนทั่วโลกรู้ดี คือเรื่องเข็มที่มี3เข็ม แต่ความลับในการตั้งเวลาแบบที่พ่อสอนยังจำได้ไช่ไหมพ่อพูดด้วยความทรมานเสียงของพ่อลดลงครึ่งเสียงพูดด้วยความทรมานกว่าจะจบประโยคได้ ลูกชายเริ่มงง เพราะเขาไม่ค่อยได้ใส่ใจกับการงานด้านการซ่อมเลย เอาแต่ขายอย่างเดียว พ่อพูดต่อไปว่ามีแผ่นเหล็กสลักข้อความการตั้งเวลาไว้อย่างดี ด้านหลังของนาฬิกา เมื่อพ่อพูดจบก็จากเขาไปทิ้งไว้แต่ความเสียใจ และความทรงจำเขาได้แต่นั่งร้องไห้กอดศพพ่อ และจัดพิธีทุกอย่างเรียบร้อยผู้คนต่างพากันโศกเศร้ากับช่างนาฬิกาที่อยู่คู่ผู้คนมาเป็นรุ่นที่สองในขณะที่ทุกๆคนส่วนใหญ่ในงานศพก็ใส่นาฬิกาข้อมือที่เคยซื้อเคยซ่อมจากร้าน เพลา เมื่อเวลาแห่งความโศกเศร้าผ่านไปเขาก็เดินไปที่นาฬิกาเรือนยักษ์อยู่ตรงเสากลางของร้าน เพลา เขาลองนึกและทำตามที่พ่อบอกเรื่องการตั้งเวลาที่เป็นวิธีของปู่ ตั้งไม่เหมือนใครในโลกนี้เลย วิธีที่ว่าส่งต่อให้กับพ่อจนทำให้เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ เขาได้พบแผ่นเหล็กที่พ่อบอกมีฝุ่นคร่ำคละเกาะเต็มไปหมด เมื่อลองใช้ปากเป่าฝุ่นนั้นออกก็มีอักษร สองสามบรรทัดให้เห็นชัดเจนแต่ดูเหมือนไม่ไช่การตั้งนาฬิกาธรรมดา ข้อความนั้นเขียนว่า
“ทรัพย์ ที่มีค่ามหาศาล คือ กาลเวลา ไม่ใช่นาฬิการาคาแพงๆ”
ชายหนุ่มก้มหน้าร้องไห้และนึกถึงความผิดที่ตัวเองได้คิดจะขายนาฬิกาตระกูล เขาเดินไปขอโทษพ่อที่รูปของพ่อแล้วบอกกับพ่อว่า ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงเปิดร้านนาฬิกา ทั้งที่เรายังกินน้ำพริกกันอยู่ รู้แล้วว่าทำไมพ่อส่งให้ผมเรียนโรงเรียนวัด รู้แล้วว่าทำไมพ่อไม่ให้ผมใสนาฬิกาดีๆเหมือนเพื่อนทั้งที่บ้านของเราก็เปิดร้านนาฬิกา แม้จะไม่รวยเหมือนใครๆ แต่เราก็ได้ใช้เวลาในชีวิตของเราอย่างคุ้มค่าด้วยทรัพยมหาศาลที่พ่อสอนให้ลูกชาย เรียกมันว่าเวลา
เขานับก้าวถอยหลังแล้วหวนนึกถึงตัวอักษรบนแผ่นเหล็กที่เขาอ่านทำให้เขาตั้งเวลาชีวิตตัวเองใหม่ ลืมเรื่อง คอนโด รถสปอตร์ และชีวิตที่หรูหรา เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของพ่อเพื่อซ่อมนาฬิกาให้กับลูกค้าต่อไป
“ทรัพย์มหาศาลคือ เวลา ไม่ไช่นาฬิกาแพงๆ” เป็นคำขวัญติดหน้าร้าน ของเขา เพลา พาณิชย์ ในเวลาต่อมาร้านของเขามีชื่อเสียงโด่งดังในการซ่อมนาฬิกามากกว่าที่จะขายนาฬิกา....เพราะร้านเขาทำให้หลายคนรู้ว่าเวลาคือทรัพย์มหาศาลมากกว่า นาฬิกาแพง จริงๆ ลูกค้าทุกคนนำคำขวัญร้านเพื่อไปปรับใช้กับการตั้งเวลาชีวิตตัวเอง
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ แม่ว่าสำบัดสำนวนของเราอาจจะไม่อร่อยเท่าใครๆ /
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้