ก่อนอื่นต้องสวัสดีพี่น้องชาวบลูฯ ทุกท่านนะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในการแชร์ประสบการณ์และความสุขสำหรับการไปท่องเที่ยว หลังจากนั่งดูรีวิว และเก็บข้อมูลในห้องนี้มาตลอด หลายปีด้วยสิ หะหะ ถึงคราวมาแบ่งปันและขอบคุณทุกๆท่านที่เคยรีวิวเรื่องราวของจังหวัดกระบี่ไว้ ซึ่งมีกระทู้มากมายและเราก็อ่านเกือบทุกๆกระทู้ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะคะ
เราเริ่มเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งจองไว้ล่วงหน้า แม้จะมีช้ำใจเล็กน้อยเมื่อมารู้ทีหลังว่า นกแอร์ ลดราคา และถูกกว่าที่เราซื้อครึ่งต่อครึ่ง เป็นประสบการณ์เลยว่า อย่าใจร้อน แบบว่าเค้ากลัวไม่ได้เที่ยวอ่า....
ถึงกระบี่ประมาณ 8.30 น. เราก็เดินหา ร้าน AVIS รถเช่า ที่สนามบินกระบี่ เดินวนๆอยู่ terminal 1 อดรนทนไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่ก็เลยรู้ว่า มันอยู่อาคารใหม่ ชั้นล่างนะค๊า
ติดต่อเช่ารถ Toyota Altis ราคา 1,100 บาทต่อวัน เราตัดสินใจทำประกันชั้น 1 และประกันอุบัติเหตุบุคคลไว้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เดี๋ยวมาดูเหตุผลกันนะคะ
ออกจากสนามบิน เรามุ่งหน้าไป อ.คลองท่อม เพื่อเดินทางไปสระมรกต เป็นที่แรก แวะซื้อไก่ทอด ข้าวเหนียวร้อนๆ โรยกระเทียมเจียว ที่ตลาดใกล้สี่แยก ซื้อน้ำเปล่าคนละขวด จากนั้นก็เดินทางตามแผนที่ไป ตอนไป ก็เห็นทางเข้าน้ำตกร้อน แต่ลงความเห็นกันว่า เดี๋ยวค่อยออกมาละกัน ให้เข้าไปที่ สระมรกตก่อน ถึงจุดหมายกะว่าจะไปปิคนิค คดข้าวเหนียว จกไก่ริมสระมรกต แต่ทำไม่ได้นะคะ ต้องทานให้หมดก่อนเดินเข้าไป 800 เมตร เพราะไม่อนุญาติให้นำอาหารเข้าไปค่ะ แต่น้ำดื่มอนุโลม
สระมรกตยามเช้า ผู้คนยังไม่มากค่ะ เงียบสงบเหมือนสระอโนดาด ปานประหนึ่งเราเป็นกินรี กำลังลงเล่นน้ำ เว่อร์แต่มันได้อารมณ์นี้จริงๆ
ตอนแรกก็กลัวๆ เนื่องจาก หนูเป็นเด็กดอย ทั้งแก๊งค์ว่ายน้ำเป็นแค่คนเดียว มิหน่ำซ้ำชีก็บอกว่า “น้องช่วยใครบ่ได้เน้อ” เราก็เลยคอยมองฝรั่งที่ดำผุดดำว่าย คอยดูเวลาเค้ายืน ว่ามันลึกประมาณไหน ส่องไปส่องมาน่าจะประมาณอก สู้ไหวอยู่นะ เพื่อนที่ส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ประกวด ก็ยังคงไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก แต่ไหนๆก็มาแล้ว หากจม เค้าคงไม่ปล่อยเราตายมั้ง ก็เลยเลียบๆ เคียงๆ จากนั่งริมสระ ก็เอาเท้าหยั่งๆไปเรื่อย ขอบอกว่า หินแถวสระมรกตลื่นและคมมากๆ รากไม้ก็เจ็บเท้าสุดๆไปเลย ระวังกันด้วยนะคะ
ได้แช่แล้วค๊า น้ำไม่ลึกมาก ประมาณอก
เดินไปตรงกลางก็ประมาณอก ทรายก้นสระก็โอเคค่ะ ไม่เจ็บเท้า แต่ระวังหินก้อนใหญ่ในน้ำอยู่เหมือนกัน
จากนั้นเล่นกันพอประมาณ ผู้คนก็เริ่มมากันมากขึ้น เราจึงตัดสินใจจะไป สระบ่อผุด หรือ Blue Pool ซึ่งต้องเดินทางไปอีก 600 เมตร เหนื่อยนะคะ สำหรับสาวออฟฟิศ นั่งทำงานตูดบานตากแอร์ แต่เที่ยววันแรกก็เดินกันเกือบ 2 โล แดดร้อนเปรี้ยงๆ แต่ก็แฮบปี้กันทุกคน ตอนทำงานตากแดดนิดหน่อย โวยวาย เที่ยวแบบนี้ตื่นเช้าก็ได้ ตากแดดไม่มีบ่น เป็นกันไหมคะ
Blue Pool สีสวยจริงๆคะ รอบสระก็เย็นดี นั่งมองกันนานเชียว น่าจะพักเหนื่อยมากกว่า 55 ปรบมือให้น้ำมันผุดขึ้นมาบ้าง ฝรั่งหนุ่มๆ แก้เสื้อ อวดซิกแพ็คมากันหลายกลุ่ม เป็นอาหารตาด้วย ชอบอ่ะ
จากนั้นก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะย้ายก้นไปที่อื่นบ้าง ระยะทางในการเดินกลับมาที่ลานจอดรถก็ปาเข้าไป 600 ม. + 800 ม. = 1,400 ม. X 2 ยังไม่ทันเที่ยงพวกเราเดินเป็นระยะทาง 2.8 กิโล ว๊าววววว
ตอนอยู่แพร่ จอดรถกันทีต้องจอดหน้าร้าน ให้เดินน้อยที่สุด คราวนี้ไม่มีบ่นกันแฮะ...
ตอนเดินลงมาได้ยินเสียง หัวเราะ เสียงกรี๊ดดังมาจากสระมรกต ผู้คนเยอะมาก แน่นสระไปหมด คิดว่า โชคดีที่ตัดสินใจมาที่นี่ก่อน
เราไม่ได้เปลี่ยน เสื้อผ้าที่ลงแช่น้ำนะคะ เพราะเดินไปเดินมาเสื้อผ้าก็เริ่มหมาด ให้เพื่อนที่ไม่ได้ลงเป็นคนขับ ส่วนเพื่อนที่เล่นน้ำก็ใช้วิธีการ เอาถุงก๊อบแก๊บรองตูด เนื่องจากกางเกงมันแห้งช้า ระยะทางจากสระมรกต ไป น้ำตกร้อนก็ไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ น่าจะประมาณ 6 -7 กิโลเมตร
เดินทางมาถึงน้ำตกร้อนจ่ายค่าเข้าแล้วก็ ดิ่งไปที่น้ำตก ลองเอามือแตะน้ำดูก็ร้อนจริงๆ น้องฝนใจร้อนลงไปทั้งตัว สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น มันร้อนจริงๆ
เราเลยค่อยๆหย่อนตัว ให้ร่างกายชินไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จุ่มไปทั้งตัว สบายจริงๆค่ะ ที่เมื่อยๆ เหนื่อยๆ ก็ดีขึ้น ฝรั่งเค้าเล่นกันด้านล่าง น่าสนุกมาก เสียดายจริงๆ ถ้าว่ายน้ำเป็นเราจะไปเล่นบ้าง
จุ่มตัวได้ประมาณ 10 นาที เราก็ขึ้นกัน เนื่องจากคนเริ่มหนาแน่น เราขึ้นคนอื่นจะได้ลงมาก แต่แอบไม่พอใจบางคน ที่ไปนั่งแช่เท้าบนต้นน้ำ ทั้งๆที่ก็ติดป้ายไว้แล้วว่า ห้ามแช่น้ำหลังเชือกกั้น คุณก็ทำ เด็กๆก็ดำผุดดำว่าย... คือ มันน่าเกลียดว่ะเราว่า...
ที่น้ำตกร้อนมีห้องอาบน้ำ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่แม่บ้านแจ้งเราว่า เปลี่ยนได้อย่างเดียวนะคะ ไม่เข้าใจ ว่าทำไมไม่ให้อาบ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรก็เช็ดตัว ทาครีม เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เดินทางต่อเพื่อเข้าตัวเมืองกระบี่
ตอนนี้ก็บ่าย 2 แล้ว เริ่มหิวกัน เราก็เลยบุกทะลวงข้ามกระบี่ ไป อ่าวนาง ตามหาร้าน ครัวธาราฯ หลังสึนามิ แต่หาไม่เจอ ระหว่างทางเจอ ร้านวังทรายซีฟู๊ด ก่อน แต่ละคนไม่เอาแล้ว ครัวธาราฯ ค่อยกินวันอื่นอยู่กันอีกหลายวัน ก็เลยจัดไป ที่ร้านวังทรายซีฟู๊ด อยากกินปู น้องพนักงานเสิร์ฟบอกหมด แต่สั่งเมนูปูได้ เราก็จัดไป ปูอบวุ้นเส้น ต้มยำทะเล ฯลฯ สักพักเด็กเสิร์ฟยกจานปูนึ่งไปให้อีกโต๊ะที่มาทีหลัง และอีกโต๊ะหนึ่งที่เป็นต่างชาติ เล่นเอาคนอยากกินปูเคือง ค้อนเด็กกันให้ควัก เราว่าเด็กเสิร์ฟน่าจะหนาวๆร้อนๆ อยู่เหมือนกันนะ แล้วก็มองหน้ากัน "ทำไมเค้าไม่ให้เรากินปู" หันไปถามว่าทำไมโต๊ะนั้นสั่งได้ เด็กเสิร์ฟก็ทำหน้ามึน ก็ไม่เป็นไร เราค่อยไปกินวันอื่น ร้านอื่น วันนี้พวกเราอารมณ์ดีมากกว่าจะมาเสียให้อะไรแบบนี้
อาหารโดยรวมก็โอเคค่ะ ต้มยำอร่อยดี ซดแล้วชื่นใจ
ที่ต่อไปคือ “สุสานหอย” ค่ะ ผู้อาวุโสที่รีเควสมา เพราะเห็นป้ายแนะนำสุสานหอยมาตลอดทาง
น่าจะสาสมใจพี่ท่านแล้วละ
เค้ามีให้เดินไปดูหอยใหญ่ๆ อีก 800 เมตร อาจจะเพราะเพลียแดดกัน มองหน้ากันแล้วพูดว่า “ รอที่รถ” สรุปรอที่รถกันทุกคนก็เลยไปโรงแรมที่เราจองไว้กับ Booking.com “โรงแรมโฮมเทล”
ขณะนั่งรถ เราก็เปลี่ยนโปรแกรมกันนิดหน่อย จะขยับ เที่ยวเกาะพีพี มาวันพรุ่งนี้แทนวันสุดท้ายเนื่องจากว่ากลัวพลาดเครื่องบิน เราโทรจองกับ Barracudas tour ราคา 1200 บาทต่อคน แต่พอไป Check in ที่ โฮมเทล เราเจอราคา 1,100 บาทต่อคน ซึ่งเป็นของ Barracudas เช่นกัน เราไปกัน 5 คน ประหยัดได้ตั้ง 500 บาท เลยถามน้องเค้า ว่าหากเรายกเลิกกับทัวร์ แล้วมาเลือกของน้องจะโอเคไหม ? ทางโฮมเทล หัวเราะและแจ้งว่าได้ครับ “แล้วแต่พี่” ก็เลยตัดสินใจตอนนั้น และบอกกับบริษัททัวร์ตามตรงว่า “เราเลือกของโฮมเทลนะ เพราะถูกกว่าน้อง 100 บาทอะ” เค้าก็โอเค
เข้าห้องพักที่ โฮมเทล ห้องตกแต่งทันสมัยนะคะ ไม่ได้ถ่ายห้องพักมาค่ะ ก็เก๋ดีค่ะ ตกแต่งแบบผนังปูนเปลื่อย เตียงนุ่ม ผ้าปูและหมอนสะอาด เอาหน้าซุกได้เลย พักสัก 2 ชั่วโมงก็ลงมาเดินเล่นที่ถนนคนเดิน เนื่องจากเราวางแผนไว้แล้วว่า จะพักที่นี่เนื่องจากถนนคนเดินนี่แหละค่ะ หาที่จอดรถค่อนข้างยากเพราะถนนคนเดินอีกเช่นกัน
เดินเล่นกันจนเหนื่อยก็มานั่งดื่มกันนิดหน่อย ด้านล่างของโฮมเทลจะเป็นร้านอาหาร ขายเครื่องดื่ม ค๊อกเทล อร่อยใช้ได้เลยค่ะ กินเสร็จก็เข้านอนกัน
กระทู้ตอนที่สอง ไปดำน้ำที่พีพี ด้วยกันนะคะ....
ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ
สาวเหนือ ลงจากดอยไปเที่ยวกระบี่ 4 วัน 3 คืน เปียกตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย #1
เราเริ่มเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งจองไว้ล่วงหน้า แม้จะมีช้ำใจเล็กน้อยเมื่อมารู้ทีหลังว่า นกแอร์ ลดราคา และถูกกว่าที่เราซื้อครึ่งต่อครึ่ง เป็นประสบการณ์เลยว่า อย่าใจร้อน แบบว่าเค้ากลัวไม่ได้เที่ยวอ่า....
ถึงกระบี่ประมาณ 8.30 น. เราก็เดินหา ร้าน AVIS รถเช่า ที่สนามบินกระบี่ เดินวนๆอยู่ terminal 1 อดรนทนไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่ก็เลยรู้ว่า มันอยู่อาคารใหม่ ชั้นล่างนะค๊า
ติดต่อเช่ารถ Toyota Altis ราคา 1,100 บาทต่อวัน เราตัดสินใจทำประกันชั้น 1 และประกันอุบัติเหตุบุคคลไว้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เดี๋ยวมาดูเหตุผลกันนะคะ
ออกจากสนามบิน เรามุ่งหน้าไป อ.คลองท่อม เพื่อเดินทางไปสระมรกต เป็นที่แรก แวะซื้อไก่ทอด ข้าวเหนียวร้อนๆ โรยกระเทียมเจียว ที่ตลาดใกล้สี่แยก ซื้อน้ำเปล่าคนละขวด จากนั้นก็เดินทางตามแผนที่ไป ตอนไป ก็เห็นทางเข้าน้ำตกร้อน แต่ลงความเห็นกันว่า เดี๋ยวค่อยออกมาละกัน ให้เข้าไปที่ สระมรกตก่อน ถึงจุดหมายกะว่าจะไปปิคนิค คดข้าวเหนียว จกไก่ริมสระมรกต แต่ทำไม่ได้นะคะ ต้องทานให้หมดก่อนเดินเข้าไป 800 เมตร เพราะไม่อนุญาติให้นำอาหารเข้าไปค่ะ แต่น้ำดื่มอนุโลม
สระมรกตยามเช้า ผู้คนยังไม่มากค่ะ เงียบสงบเหมือนสระอโนดาด ปานประหนึ่งเราเป็นกินรี กำลังลงเล่นน้ำ เว่อร์แต่มันได้อารมณ์นี้จริงๆ
ตอนแรกก็กลัวๆ เนื่องจาก หนูเป็นเด็กดอย ทั้งแก๊งค์ว่ายน้ำเป็นแค่คนเดียว มิหน่ำซ้ำชีก็บอกว่า “น้องช่วยใครบ่ได้เน้อ” เราก็เลยคอยมองฝรั่งที่ดำผุดดำว่าย คอยดูเวลาเค้ายืน ว่ามันลึกประมาณไหน ส่องไปส่องมาน่าจะประมาณอก สู้ไหวอยู่นะ เพื่อนที่ส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ประกวด ก็ยังคงไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก แต่ไหนๆก็มาแล้ว หากจม เค้าคงไม่ปล่อยเราตายมั้ง ก็เลยเลียบๆ เคียงๆ จากนั่งริมสระ ก็เอาเท้าหยั่งๆไปเรื่อย ขอบอกว่า หินแถวสระมรกตลื่นและคมมากๆ รากไม้ก็เจ็บเท้าสุดๆไปเลย ระวังกันด้วยนะคะ
ได้แช่แล้วค๊า น้ำไม่ลึกมาก ประมาณอก
เดินไปตรงกลางก็ประมาณอก ทรายก้นสระก็โอเคค่ะ ไม่เจ็บเท้า แต่ระวังหินก้อนใหญ่ในน้ำอยู่เหมือนกัน
จากนั้นเล่นกันพอประมาณ ผู้คนก็เริ่มมากันมากขึ้น เราจึงตัดสินใจจะไป สระบ่อผุด หรือ Blue Pool ซึ่งต้องเดินทางไปอีก 600 เมตร เหนื่อยนะคะ สำหรับสาวออฟฟิศ นั่งทำงานตูดบานตากแอร์ แต่เที่ยววันแรกก็เดินกันเกือบ 2 โล แดดร้อนเปรี้ยงๆ แต่ก็แฮบปี้กันทุกคน ตอนทำงานตากแดดนิดหน่อย โวยวาย เที่ยวแบบนี้ตื่นเช้าก็ได้ ตากแดดไม่มีบ่น เป็นกันไหมคะ
Blue Pool สีสวยจริงๆคะ รอบสระก็เย็นดี นั่งมองกันนานเชียว น่าจะพักเหนื่อยมากกว่า 55 ปรบมือให้น้ำมันผุดขึ้นมาบ้าง ฝรั่งหนุ่มๆ แก้เสื้อ อวดซิกแพ็คมากันหลายกลุ่ม เป็นอาหารตาด้วย ชอบอ่ะ
จากนั้นก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะย้ายก้นไปที่อื่นบ้าง ระยะทางในการเดินกลับมาที่ลานจอดรถก็ปาเข้าไป 600 ม. + 800 ม. = 1,400 ม. X 2 ยังไม่ทันเที่ยงพวกเราเดินเป็นระยะทาง 2.8 กิโล ว๊าววววว
ตอนอยู่แพร่ จอดรถกันทีต้องจอดหน้าร้าน ให้เดินน้อยที่สุด คราวนี้ไม่มีบ่นกันแฮะ...
ตอนเดินลงมาได้ยินเสียง หัวเราะ เสียงกรี๊ดดังมาจากสระมรกต ผู้คนเยอะมาก แน่นสระไปหมด คิดว่า โชคดีที่ตัดสินใจมาที่นี่ก่อน
เราไม่ได้เปลี่ยน เสื้อผ้าที่ลงแช่น้ำนะคะ เพราะเดินไปเดินมาเสื้อผ้าก็เริ่มหมาด ให้เพื่อนที่ไม่ได้ลงเป็นคนขับ ส่วนเพื่อนที่เล่นน้ำก็ใช้วิธีการ เอาถุงก๊อบแก๊บรองตูด เนื่องจากกางเกงมันแห้งช้า ระยะทางจากสระมรกต ไป น้ำตกร้อนก็ไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ น่าจะประมาณ 6 -7 กิโลเมตร
เดินทางมาถึงน้ำตกร้อนจ่ายค่าเข้าแล้วก็ ดิ่งไปที่น้ำตก ลองเอามือแตะน้ำดูก็ร้อนจริงๆ น้องฝนใจร้อนลงไปทั้งตัว สภาพเลยเป็นอย่างที่เห็น มันร้อนจริงๆ
เราเลยค่อยๆหย่อนตัว ให้ร่างกายชินไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จุ่มไปทั้งตัว สบายจริงๆค่ะ ที่เมื่อยๆ เหนื่อยๆ ก็ดีขึ้น ฝรั่งเค้าเล่นกันด้านล่าง น่าสนุกมาก เสียดายจริงๆ ถ้าว่ายน้ำเป็นเราจะไปเล่นบ้าง
จุ่มตัวได้ประมาณ 10 นาที เราก็ขึ้นกัน เนื่องจากคนเริ่มหนาแน่น เราขึ้นคนอื่นจะได้ลงมาก แต่แอบไม่พอใจบางคน ที่ไปนั่งแช่เท้าบนต้นน้ำ ทั้งๆที่ก็ติดป้ายไว้แล้วว่า ห้ามแช่น้ำหลังเชือกกั้น คุณก็ทำ เด็กๆก็ดำผุดดำว่าย... คือ มันน่าเกลียดว่ะเราว่า...
ที่น้ำตกร้อนมีห้องอาบน้ำ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่แม่บ้านแจ้งเราว่า เปลี่ยนได้อย่างเดียวนะคะ ไม่เข้าใจ ว่าทำไมไม่ให้อาบ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรก็เช็ดตัว ทาครีม เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เดินทางต่อเพื่อเข้าตัวเมืองกระบี่
ตอนนี้ก็บ่าย 2 แล้ว เริ่มหิวกัน เราก็เลยบุกทะลวงข้ามกระบี่ ไป อ่าวนาง ตามหาร้าน ครัวธาราฯ หลังสึนามิ แต่หาไม่เจอ ระหว่างทางเจอ ร้านวังทรายซีฟู๊ด ก่อน แต่ละคนไม่เอาแล้ว ครัวธาราฯ ค่อยกินวันอื่นอยู่กันอีกหลายวัน ก็เลยจัดไป ที่ร้านวังทรายซีฟู๊ด อยากกินปู น้องพนักงานเสิร์ฟบอกหมด แต่สั่งเมนูปูได้ เราก็จัดไป ปูอบวุ้นเส้น ต้มยำทะเล ฯลฯ สักพักเด็กเสิร์ฟยกจานปูนึ่งไปให้อีกโต๊ะที่มาทีหลัง และอีกโต๊ะหนึ่งที่เป็นต่างชาติ เล่นเอาคนอยากกินปูเคือง ค้อนเด็กกันให้ควัก เราว่าเด็กเสิร์ฟน่าจะหนาวๆร้อนๆ อยู่เหมือนกันนะ แล้วก็มองหน้ากัน "ทำไมเค้าไม่ให้เรากินปู" หันไปถามว่าทำไมโต๊ะนั้นสั่งได้ เด็กเสิร์ฟก็ทำหน้ามึน ก็ไม่เป็นไร เราค่อยไปกินวันอื่น ร้านอื่น วันนี้พวกเราอารมณ์ดีมากกว่าจะมาเสียให้อะไรแบบนี้
อาหารโดยรวมก็โอเคค่ะ ต้มยำอร่อยดี ซดแล้วชื่นใจ
ที่ต่อไปคือ “สุสานหอย” ค่ะ ผู้อาวุโสที่รีเควสมา เพราะเห็นป้ายแนะนำสุสานหอยมาตลอดทาง
น่าจะสาสมใจพี่ท่านแล้วละ
เค้ามีให้เดินไปดูหอยใหญ่ๆ อีก 800 เมตร อาจจะเพราะเพลียแดดกัน มองหน้ากันแล้วพูดว่า “ รอที่รถ” สรุปรอที่รถกันทุกคนก็เลยไปโรงแรมที่เราจองไว้กับ Booking.com “โรงแรมโฮมเทล”
ขณะนั่งรถ เราก็เปลี่ยนโปรแกรมกันนิดหน่อย จะขยับ เที่ยวเกาะพีพี มาวันพรุ่งนี้แทนวันสุดท้ายเนื่องจากว่ากลัวพลาดเครื่องบิน เราโทรจองกับ Barracudas tour ราคา 1200 บาทต่อคน แต่พอไป Check in ที่ โฮมเทล เราเจอราคา 1,100 บาทต่อคน ซึ่งเป็นของ Barracudas เช่นกัน เราไปกัน 5 คน ประหยัดได้ตั้ง 500 บาท เลยถามน้องเค้า ว่าหากเรายกเลิกกับทัวร์ แล้วมาเลือกของน้องจะโอเคไหม ? ทางโฮมเทล หัวเราะและแจ้งว่าได้ครับ “แล้วแต่พี่” ก็เลยตัดสินใจตอนนั้น และบอกกับบริษัททัวร์ตามตรงว่า “เราเลือกของโฮมเทลนะ เพราะถูกกว่าน้อง 100 บาทอะ” เค้าก็โอเค
เข้าห้องพักที่ โฮมเทล ห้องตกแต่งทันสมัยนะคะ ไม่ได้ถ่ายห้องพักมาค่ะ ก็เก๋ดีค่ะ ตกแต่งแบบผนังปูนเปลื่อย เตียงนุ่ม ผ้าปูและหมอนสะอาด เอาหน้าซุกได้เลย พักสัก 2 ชั่วโมงก็ลงมาเดินเล่นที่ถนนคนเดิน เนื่องจากเราวางแผนไว้แล้วว่า จะพักที่นี่เนื่องจากถนนคนเดินนี่แหละค่ะ หาที่จอดรถค่อนข้างยากเพราะถนนคนเดินอีกเช่นกัน
เดินเล่นกันจนเหนื่อยก็มานั่งดื่มกันนิดหน่อย ด้านล่างของโฮมเทลจะเป็นร้านอาหาร ขายเครื่องดื่ม ค๊อกเทล อร่อยใช้ได้เลยค่ะ กินเสร็จก็เข้านอนกัน
กระทู้ตอนที่สอง ไปดำน้ำที่พีพี ด้วยกันนะคะ....
ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ