*Review สัมภาษณ์ขอ visa USA - freelance ไม่มีใบรับรองการทำงานและเงินเดือน*

กระทู้สนทนา
นัดสัมภาษณ์ 7:00น นาฬิกาไม่ปลุกเลยลุก 6:01น แต่เขาแนะนำไปล่วงหน้า 1 ชั่วโมงนะครับ

ผมซิ่งขึ้นโทล์เวย์-ทางด่วน จากรังสิตลงนานา แล้วจอดรถอาคารมหาทุนพลาซ่าที่สถาบัน FIT .. ต่อวินไปสถานทูต 20฿ ถึง 6:45น อย่างเหลือเชื่อ

เอกสารที่ผมเตรียมไป
-ใบสมัคร DS160 (ตอนแรกปริ๊นท์ใบยืนยันวันนัดไป โดนไล่ให้ไปปริ๊นท์ใบถูกมา) *ใช้และสำคัญที่สุด
-รูปถ่าย 2 นิ้วตัวจริง **ไม่ใช้
-ใบเสร็จการชำระค่าสัมภาษณ์ **ไม่ใช้
-สำเนาทะเบียนบ้านและตัวจริง **ไม่ใช้
-แผนการเดินทางด้วยลายมือ (เขียนสถานที่ที่อยากไปคร่าวๆ) **ไม่ใช้แต่ควรมีมากๆ
-สเตทเมนท์ย้อนหลัง 1 ปี (ยอดต่ำสุดหลักร้อย สูงสุดสองล้านกว่า - ยอดสุดทัายราว 5 แสน) *ใช้พิจารณาสถานะการเงิน สำคัญมาก
-book bank ตัวจริง ย้อนหลัง 6 เดือนไว้ใช้ยืนยันสเตทเมนท์ *ใช้พิจารณาร่วมกับสเตทเมนท์ว่าตัวจริงตรง
-สำเนาโฉนดบ้านที่เป็นชื่อผม (ซื้อสด) *ใช้ดูความเกี่ยวโยงกับประเทศไทย
-สำเนาและตัวจริงสเตทเมนท์บัญชีการซื้อขายหุ้น (รวมกันหลักลัาน แต่เป็นเงินกู้ขาดทุนอยู่เยอะมากด้วย) *ใช้ดูสถานะทางการเงินเพิ่มเติม
-เอกสารประวัติส่วนตัวการทำงาน พร้อมรูปภาพผลงานการเทรน การสอนคลาส การออกสื่อ การแข่งขัน และบรรดาลูกค้า *ใช้พิจารณาตามคำอ้างอิงเกี่ยวกับวิชาชีพและที่มาของรายได้
-สำเนาใบเซอร์วิชาชีพการสอนเวท การโค้ชกีฬา ที่มีวันที่จบและรับรองจากนอก *ใช้พิจารณาอ้างอิงที่มาของความรู้ในวิชาชีพเฉพาะ

**การต่อคิวหนัาสถานทูตช่วงเช้าอากาศเย็นและเจ้าหน้าที่ยังสดชื่น ง่ายต่อการเจรจามากกว่าตอนสายแล้วนะครับ รวมถึงหากมีเอกสารผิดพลาดจะได้มีเวลาแก้**

1.ตรวจสอบเอกสาร DS160 ว่าตรงชื่อและวัน รวมถึงแยกประเภทวีซ่าและจุดประสงค์
2.รับคิวเข้าตรวจร่างกาย ทุกคนมีสิทธิฝากมือถือได้คนละ 1 เครื่องเท่านั้น อุปกรณ์อื่นต้องเดินไปร้านรับฝาก ห่างไป 100 เมตร (tablet / iPad สถานทูตไม่รับ)
3.เปลี่ยนบัตรคิวเข้าไปจัดเอกสารที่พนักงานไทย ผมใช้แค่ passport และ DS160 เพราะไม่มีใบรับรองการทำงานใดใด
4.เข้าช่องสัมภาษณ์โดยคนไทย
-เช็คข้อมูลเบื้องต้น หากไม่ตรงกับที่กรอกในเว็บจะถูกเพ่งเล็งมาก เช่น ชื่อและข้อมูลส่วนตัว การติดต่อ เอกสารที่ใช้ บุคคลอ้างอิงหรือญาติที่นั่น

Q:ไปทำอะไรรอบนี้
A:เที่ยวครับ
Q:ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่
A:เป็นฟรีแลนซ์เทรนเนอร์และโค้ชกีฬา แล้วก็ลงทุนในหุ้นด้วยครับ
Q:เคยขอวีซ่าไหม
A:ครั้งแรกครับ
Q:เบอร์ติดต่อที่ลงท้ายด้วย xxxx ของคุณขึ้นตันด้วยอะไร
A:yyy ครับ
Q:จะมีคนรับตลอดไหม
A:มีคุณแม่ครับ เป็นเบอร์บ้านและสตูดิโอส่วนตัวด้วย
Q:ใน 5 ปีที่ผ่านมาไปต่างประเทศมาบ้างไหม
A:ไปภูฎานมาครับ
Q:ที่นั่นสวยไหม ธรรมชาติเป็นยังไง การแต่งตัวของคนมีอะไรเฉพาะไหม
A:สวยมากครับ เอามือเกือบแตะเมฆได้เลย แต่ไปตอนเมษาที่นี่ร้อนที่นั้นหนาว คนพิ้นเมืองมีชุดประจำตัวครับ

Scanมือรอบแรก .. แจกแบบสอบถาม ให้เข้าไปรอเรียกคิว .. ไม่ถึง 10 นาทีก็เรียกไป Scanรอบสองทีละ 10 คน

มีช่องเดียว .. "Please put your left hand" เสร็จแล้วบอกให้ไปต่อแถวลูกศรเขียวข้างหลัง "please get in the green arrow line behind you"

เข้าแถวรอสัมภาษณ์ มี 6 ช่อง 1 ช่องเป็น Diplomatic passport .. สังเกตคนโดน rejected เยอะมาก โดยเฉพาะสาวๆ .. หลายคนหอบเอกสารมาเยอะ แต่พูดไม่ถึง 2 นาทีเขาคืนพาสปอร์ตเลย .. ไม่ต่ำกว่า 10 คนโดนคืนก่อนหน้าผม หลายคนพยายามขอพรีเซ้นต์เอกสาร แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟังทั้งสิ้น คนเหล่านั้นหนัาซีดกันหมด บางคนน้ำตาคลอเลย ได้ยินว่ามาขอแล้วหลายรอบด้วย

ผมเข้าสัมภาษณ์ด้วยรองเท้าผ้าใบส้นหนา เสื้อคอปกสีม่วงนวลตา กันเคราบางบาง ยืนเชิดยิ้มจ้องตาคนสัมภาษณ์ .. การวางตัวหากมีพิรุธเจ้าหน้าที่จะระแวงมากๆ เช่นพูดจาไม่ชัดเจน เสียงเบา ไม่สบตา

ผมเลือกเปิดประโยคก่อน ผมพูดอังกฤษนะครับ แต่เขาถามไทยด้วย อังกฤษด้วย

A:good morning !
Q:good morning

A:should we chat in English or Thai ? (เราคุยกันภาษาไทยหรืออังกฤษดีครับ)
Q:which one do u want?(ภาษาไหนที่คุณต้องการ)
A:both (ทั้งคู่)

Q:what are you going to do in US? (จะไปทำอะไรครับ?
A:I've been reading and watching many things from US , so I wanna go see it(ผมได้อ่านและได้ดูหลายสิ่งที่เกี่ยวกับอเมริกา เลยอยากไปเห็น)

Q:do u know anyone in US? (รู้จักใครในอเมริกาไหม)
A:not at all (ไม่มีเลย)

Q:how long u plan to stay in states? (จะอยู่นานแค่ไหน)
A:probably 8-10 days , after I got US visa I would go for Canada , cause I'm going to Toronto and visit Niagara , better view from that side (ประมาณ 8-10วัน และหลังจากได้วีซ่าอเมริกาจะไปขอแคนาดาด้วย เพราะจะแวะไปโตรอนโต้และน้ำตกไนแองการ่า วิวฝั่งนั้นสวยกว่าของอเมริกา)

Q:when are you going? (จะไปเมื่อไหร่)
A:I put October15th in DS160 , but just found out it would be too cold , so I might go around October 1st or 2nd instead , and by that way I can celebrate my birthday on 3rd over there (ผมกรอกว่า 15ตุลาคม แต่เพิ่งทราบว่าอากาศจะหนาวช่วงนั้น เลยจะเปลี่ยนไปวันที่ 1หรือ2 แทนและจะได้ฉลองวันเกิดในวันที่ 3ที่นั้นเลยดัวย)

Q: October เดือนตุลาใช่ไหม
A:yes, Cathey pacific flight I guess , early will be cheap with promotion (ใช่น่าจะไปสายการบินคาเธ่ย์ ซื้อเร็วจะลดราคาและถูกลง)

Q:are you going alone? (ไปคนเดียวหรอ)
A:yep! .. But will have couple friends too , they went to West side before and this time we will go to east side together (ใช่ แต่มีเพื่อนไปด้วยอีก เพื่อนไปตะวันตกมาแล้ว รอบนี้เลยจะไปตะวันออกด้วยกัน)

Q:with tour? (กับทัวร์หรอ)
A:no , we will have our guide over there , because the agency here will hire them too as well (เปล่า จะมีไกด์ส่วนตัวที่นั่น เพราะเอเจนซี่ที่ไทยก็จ้างที่นั่นเหมือนกัน)

Q:how many people, can you tell? (จะไปกี่คนบอกได้ไหม)
A:around 2 or 3 (2-3คน)

Q:what is your friend doing , a job? (เพื่อนทำงานอะไร)
A:stock investor (นักลงทุนในหุ้น)

Q:are you a stock investor? (แล้วคุณเล่นหันไหม)
A:yes, but not that rich as them (เล่นแต่ไม่รวยเท่าพวกเขา)

Q:so what are you doing right now? (ตอนนี้ทำอะไรอยู่)
A:a freelance personal trainer and sport coach , also own a training studio (เทรนเนอร์อิสระและโค้ชกีฬา มีสตูดิโอของตัวเองด้วย)

Q:fitness trainer or lifestyle trainer? (เทรนเนอร์ฟิตเนสหรือไลฟ์สไตล์)
A:bodybuilding and sport is my best (ถนัดแนวเพาะกายและเทรนนักกีฬามากสุด)

Q:how much do you charge? (คิดราคาเท่าไหร่)
A:at studio 1,000฿ outside from 1,500฿-2,500฿ depend on individual or group (พันบาทที่สตู และพันหัาถึงสองพันหัาขึ้นอยู่กับเดี่ยวหรือกลุ่ม)

Q:how many client do you have now? (มีลูกคัากี่คนตอนนี้)
A:around 10 individual not include teaching class and team sport (ประมาณ 10 คนเดี่ยว ไม่รวมคลาสสอนหนังสือและทีมกีฬา)

Q:where did u learn to be a professional? (ไปเรียนทักษะวิชาชีพจากไหน)
A:here is biography and my working pictures and certifications (ยื่นสารพัดประวัติและรวมรูปการสอน การอบรม การออกสื่อต่างๆ และใบรับรองของอเมริกา)

Q:who gonna be your sponsor? (ใครจะออกค่าใช้จ่ายให้)
A:me myself, I'm a grown man, man! (ผม ผมเอง ผมโตเป็นหนุ่มแล้วนะ)

Q:can I see your statement? (ขอดูสเตทเมนท์หน่อย)
A:can I show all the book bank and stock and house book too? (ขอแสดงหนังสือเงินฝากและใบหุ้นและโฉนดบ้านด้วยนะ)

Q:do u have a girlfriend? (มีแฟนไหม)
A:yes , the one with six pack in the picture (มีครับ คนที่มีกลัามท้องในรูปที่เขาถืออยู่)

Q:is she going with you? (ไปด้วยไหม)
A:yes sure (แน่นอน)

Q:what is she doing? (ทำงานอะไร)
A:ermm.. Still so young , let's say still study (เอิ่มยังเด็กมาก เอาเป็นว่าเรียนอยู่)

Q:what country have u been visit before? (ไปประเทศไหนมาบ้าง)
A:Bhutan last year and Singapore long long time ago (ภูฎานปีก่อนและสิงคโปร์นานมาแล้ว)

Q:Bhutan last year? (ภูฎานปีก่อนหรอ แล้วพลิกเล่มหาวีซ่า)
A:yea, their Olympic committee invited me to help them with the organize (ใช่ โอลิมปิกของเขาเชิญไปช่วยงาน)

Q:u didn't travel a lot lately , why you want to go to the states now? (คุณแทบจะไม่เคยเดินทางมาก่อนเลย ทำไมถึงจะอยากไปอเมริกาตอนนี้)
A:because I deserved it , I'm working so hard now and that's my dream to do so (เพราะว่าผมสมควรจะได้มัน ผมทำงานหนักมากและนั่นเป็นความฝันที่ผมต้องการจะทำ)

Q:okay, your visa has been approved , enjoy your trip in US! (ตกลง คุณได้รับการรับรองวีซ่า ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวในอเมริกาครับ)
A:alright,thanks you !

ประมาณนี้ครับ .. พยายามตอบชัดเจนเสียงดัง เล่นมุขตลก เล่นเสียงให้เขารู้ว่ามั่นใจไม่ไดักลัวหรือปกปิดอะไร .. แนะนำอย่าเล่นคำถาม-คำตอบ ปลายปิด .. พยายามใหัตัวเองมีโอกาสได้เล่าและพรีเซ้นต์เอกสารเยอะๆ .. พยายามแสดงความมั่นคงในวิชาชีพในไทย รวมถึงสถานะทางการเงินที่ใช้จ่ายได้ตอนไปด้วยครับ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับคนที่สนใจจะขอวีซ่าอเมริกานะครับ ขอให้ทุกคนที่วางแผนอยากไปอเมริกาโชคดีครับผม  ยิ้ม

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  วีซ่า
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่