ผมก็เป็นคนนึงที่อยากเป็นเจ้าของกิจการโดยใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา แต่ไม่อยากไปกู้เขามาลงทุน ดังนั้นจึงต้องเป็นมนุษย์เงินเดือนเพื่อหาทุนและประสบการณ์ครับ
ผมต้องซื้อประกัน + LTF เพื่อลดภาษี จึงต้องหาจังหวะในการซื้อ LTF โดยอิง SET เห็นเค้าซื้อตัวยอดนิยม กำไร 143% ก็เอาบ้าง แต่ของผมขาดทุนเกือบ 10% ครับ แต่ก็ยังทำใจได้ครับเพราะคิดง่ายๆว่า "ตราบใดที่ขาดทุนน้อยกว่าภาษีที่ลดได้ก็ยังกำไร" แต่พอไปซื้อกองทุนก็ขาดทุน อันนี้ยอมไม่ได้ครับ
ลดภาษีก็แล้ว กองทุนก็แล้ว ต้องทำให้เงินงอกเงยครับ เลยลองหาความท้าทายให้ตัวเองโดยการลงสนามรบที่ไม่มีพวกอย่าง "ตลาดหุ้น" ครับ
เริ่มตอนกลางเดือนมกราคม 57 ด้วยทุน 20,000 บาทครับ ตอนนั้น SET = 1305 จุด คิดแบบที่เค้าบอกกันว่าอยู่ให้รอดในช่วง sideway โดยไม่ขาดทุนก็บุญแล้ว สำหรับผมคิดต่อครับ "ถ้าเสียก็เป็นค่าหน่วยกิจ" หนังสือก็หามาอ่านครับทังพี่เม่า เล่นอย่างเซียน รวยหุ้น รวยนาน รวยทนทาน บลาๆๆ
มุ่งมั่นว่าจะต้องเป็นคน 3% ในตลาดให้ได้ พอถามตัวเองว่าจะเป็นแนวไหนก็ยังหาคำตอบไม่ได้ครับ VI ก็แลดูดีแต่ VI กลางดอยคงไม่รวยอย่าง VI ตีนดอยหรอกครับ เพราะผมยังจินเอาว่าภาพรวมยังลงอยู่ (ตอนนั้นเฮียจียังหายไปจากสินธรทีละหลายๆวัน เลยยังไม่มองขึ้น)
เมื่อเงินน้อยและไม่อยากดอยเลยต้องเล่นรอบครับ ศึกษาพวก indicator ต่างๆเช่น MACD, RSI, etc. และก็สังเกตได้ว่ามันมีความสัมพันธ์กันจริงครับ เข้า-ออก ตามรอบน่าจะเป็นวิธีที่ดีสำหรับตอนนี้ถึงแม้โอกาสในการเกิดความผิดพลาดจะสูงกว่า ผมเข้าออกตามกราฟตั้งราคาตามจินครับ เริ่มจาก BTS, JAS เติมเงินอาทิตย์ละ 20,000...

ทุกวันต้องอ่านสินธร ก่อนนอนต้องดูกราฟ ดูดาว ตื่นมาต้องดูดาว
ผ่านไป 1 เดือน...... ปอดใหญ่ขี้นด้วยทุน 80,000 มีกำไรราว 2,000

ได้ข้อคิดว่าอย่ากลัวที่จะตกรถ

ให้รอคันต่อไปจะดีกว่า
และแล้ววิกฤตก็มาในวันที่กำนันสั่งทุบหุ้นชิน ผม stop loss น้าแอ๊ดโดยขาดทุน 12 บาท เพราะเกิดแตกตื่นตามเค้า ซื้อ 217 ขาย 205

ผมรวมเงินที่เหลือไปเคาะ Dแตก ที่ 105 เพราะคิดว่าส้มคงมาหล่นที่นี่ และแล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับผม....มันตกไปที่ 102 ในตอนบ่าย ผมทนไม่ได้ ขายทิ้งไปที่ 103 กำไรทั้งเดือนหายวับในวันเดียว

ผมสมน้ำหน้าตัวเองที่ขาดทุนเพราะความกลัว+โลภ
หลังจากนั้นก็ศึกษาเพื่มเรื่องงบ พื้นฐานบริษัท ฯลฯ ตั้งจุด stop loss ที่ 10% จุดขายตามฟินครับ
ถึงวันนี้ก็ดีขี้นตามลำดับครับ หุ้นเล็ก กลาง ใหญ่ ลองหมดครับ (แพงสุดที่ซื้อก็ SCCC ครับ) ขยายปอดไปที่ 150,000 ครับ

ถือโอกาสนี้เอาผลการเรียนมาส่งพร้อมฝากเนื้อฝากตัวครับ
แนะนำตัวอย่างเป็นทางการครับ
ผมต้องซื้อประกัน + LTF เพื่อลดภาษี จึงต้องหาจังหวะในการซื้อ LTF โดยอิง SET เห็นเค้าซื้อตัวยอดนิยม กำไร 143% ก็เอาบ้าง แต่ของผมขาดทุนเกือบ 10% ครับ แต่ก็ยังทำใจได้ครับเพราะคิดง่ายๆว่า "ตราบใดที่ขาดทุนน้อยกว่าภาษีที่ลดได้ก็ยังกำไร" แต่พอไปซื้อกองทุนก็ขาดทุน อันนี้ยอมไม่ได้ครับ
ลดภาษีก็แล้ว กองทุนก็แล้ว ต้องทำให้เงินงอกเงยครับ เลยลองหาความท้าทายให้ตัวเองโดยการลงสนามรบที่ไม่มีพวกอย่าง "ตลาดหุ้น" ครับ
เริ่มตอนกลางเดือนมกราคม 57 ด้วยทุน 20,000 บาทครับ ตอนนั้น SET = 1305 จุด คิดแบบที่เค้าบอกกันว่าอยู่ให้รอดในช่วง sideway โดยไม่ขาดทุนก็บุญแล้ว สำหรับผมคิดต่อครับ "ถ้าเสียก็เป็นค่าหน่วยกิจ" หนังสือก็หามาอ่านครับทังพี่เม่า เล่นอย่างเซียน รวยหุ้น รวยนาน รวยทนทาน บลาๆๆ
มุ่งมั่นว่าจะต้องเป็นคน 3% ในตลาดให้ได้ พอถามตัวเองว่าจะเป็นแนวไหนก็ยังหาคำตอบไม่ได้ครับ VI ก็แลดูดีแต่ VI กลางดอยคงไม่รวยอย่าง VI ตีนดอยหรอกครับ เพราะผมยังจินเอาว่าภาพรวมยังลงอยู่ (ตอนนั้นเฮียจียังหายไปจากสินธรทีละหลายๆวัน เลยยังไม่มองขึ้น)
เมื่อเงินน้อยและไม่อยากดอยเลยต้องเล่นรอบครับ ศึกษาพวก indicator ต่างๆเช่น MACD, RSI, etc. และก็สังเกตได้ว่ามันมีความสัมพันธ์กันจริงครับ เข้า-ออก ตามรอบน่าจะเป็นวิธีที่ดีสำหรับตอนนี้ถึงแม้โอกาสในการเกิดความผิดพลาดจะสูงกว่า ผมเข้าออกตามกราฟตั้งราคาตามจินครับ เริ่มจาก BTS, JAS เติมเงินอาทิตย์ละ 20,000...
ผ่านไป 1 เดือน...... ปอดใหญ่ขี้นด้วยทุน 80,000 มีกำไรราว 2,000
และแล้ววิกฤตก็มาในวันที่กำนันสั่งทุบหุ้นชิน ผม stop loss น้าแอ๊ดโดยขาดทุน 12 บาท เพราะเกิดแตกตื่นตามเค้า ซื้อ 217 ขาย 205
ผมรวมเงินที่เหลือไปเคาะ Dแตก ที่ 105 เพราะคิดว่าส้มคงมาหล่นที่นี่ และแล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับผม....มันตกไปที่ 102 ในตอนบ่าย ผมทนไม่ได้ ขายทิ้งไปที่ 103 กำไรทั้งเดือนหายวับในวันเดียว
หลังจากนั้นก็ศึกษาเพื่มเรื่องงบ พื้นฐานบริษัท ฯลฯ ตั้งจุด stop loss ที่ 10% จุดขายตามฟินครับ
ถึงวันนี้ก็ดีขี้นตามลำดับครับ หุ้นเล็ก กลาง ใหญ่ ลองหมดครับ (แพงสุดที่ซื้อก็ SCCC ครับ) ขยายปอดไปที่ 150,000 ครับ
ถือโอกาสนี้เอาผลการเรียนมาส่งพร้อมฝากเนื้อฝากตัวครับ