[CR] ไปฮ่องกงด้วยตัวเอง (บ้านนอก ไปเมืองนอก 2014)


เริ่มจากการจองตั๋วโปรโมชั่นของแอร์เอเชียค่ะ เป็นครั้งแรกของพี่ชาย และน้องชายที่จะไปเมืองนอกเลยอยากให้สบายๆกันหน่อย เลือกโรงแรม 4 ดาว ไม่ต้องเจอที่แคบๆ อยู่ใจกลางเมือง เลยเลือกที่นี้ Kimberley hotel

ขึ้นเครื่องตอนเช้าตรู เครื่องออก 6.45 ถึงฮ่องกง 10.15 เมื่อถึงสนามบินที่ฮ่องกง เราก็เดินตามเพื่อนๆในลำเดียวกันเดินออก มาขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปด่านตม. และรับกระเป๋า ไม่เสียตังค์ค่ะ เมื่อเดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า ทางขวามือจะเห็นเคาน์เตอร์ที่จะซื้อบัตร Octopus Card ในรูปที่ 4 จะเห็นป้ายที่เขียนว่า Train Tickets มีบัตรหลายแบบขาย บอกเค้าไปว่าเราจะซื้อบัตร Octopus ซื้อแบบ 100 HK$ มีค่ามัดจำ  50 HK$ และเมื่อนำบัตรมาคืน เราจะโดนหักค่าธรรมเนียม 9 HK$

ออกจากจุดซื้อตั๋วรถไฟ เดินตามป้ายที่เขียนว่า To City เราสามารถเลือกไปได้หลายทาง รถไฟฟ้า หรือขึ้นรถเมล์ เราเลือกขึ้นรถเมล์แบบไปถึงโรงแรมเลยโดยไม่ต้องต่อรถ เลือกสาย A21 ราคา 33 HK$ ใช้เวลา 45 นาที ได้ชมเมืองไปด้วยเหมาะสำหรับคนมาครั้งแรก อีกวิธีที่จะไปคือ นั่งรถเมลล์สาย S1ราคาน่าจะ 9 HK$ ไปลง Tung chung แล้วไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีส้ม ไปลง Lai King เปลี่ยนไปขึ้นสายสีแดง ไปลง Tsim sha tsui ค่ารถไฟ 15.2 HK$ ไปทางออก B2 เพื่อเดินไปโรงแรม รวม 24.2 HK$ ถูกกว่านั่งรถเมลล์สาย A21 นิดหน่อย

รถเป็นรถ 2 ชั้น ชั้นล่างมีที่ให้เก็บกระเป๋า วางทับๆกันไป มีจอบอกเราตลอดทางว่าตอนนี้เราอยู่เลขอะไรที่ไหน อย่างโรงแรมเรา อยู่เลข 12 ก็จะคอยดูจากจอ ชั้นล่างมีจอทีวี 2 จุด และมีตัววิ่งอยู่บนหัวคนขับ มีข้อความห้ามคุยกับคนขับเพื่อความปลอดภัยดังนั้นห้ามถาม รถเมล์มาถึงจุดหมาย เราต้องเดินต่อเข้าซอยมาตามแผนที่ของโรงแรม ต่อแถวเช็คอิน แอบตื่นเต้นเพราะเราภาษาอังกฤษแย่มาก โรงแรมนี้เสียค่ามัดจำ 2,000 HK$ เป็นเงินไทย เกือบหมื่นนึงแน่ะ ใครไม่มีเงินสดก็รูดการ์ดกันไป แต่เราใช้เงินสดอ่ะ หลังจากเก็บกระเป๋าก็ออกไปหาอะไรกินกัน อากาศหนาวกว่าที่คิดไว้ 19 องศาในตอนกลางวัน 9 องศา ในตอนกลางคืน วันแรกเลือกร้านนี้เลยค่ะ อยู่ถนนหลังโรงแรม ในย่านนาธาน ราคามื้อแรก 800 กว่าบาท 198 HK$

การข้ามถนนของที่นี้จะต้องรอสัญญาณไฟน่ะค่ะ สุดถนนนาธานติดทะเล เดินเล่น ถ่ายรูปตามท่าเรือ เดินเลาะริมฝั่งไปเรื่อย จะเจอสถานที่ที่เราต้องถ่ายรูป เช่น ท่าเรือเก่าข้ามฝั่งไปฝั่งฮ่องกง หอนาฬิกา หอศิลปะ อย่าลืมแว่ะซื้อทาร์ตไข่กิน อร่อยค่ะ 4 ชิ้น 28 HK$ กินไปถ่ายไป คือคนไทย แต่คนฮ่องกงยืนกินให้เสร็จแล้วค่อยเดิน

และแล้วเราก็เดินมาจนถึง  Avenue of Star ถ่ายรูปกันสนุกเลย ไม่พลาดที่จะหาชื่อซุปตาร์คนโปรดเพื่อถ่ายรูปร่วมกับชื่อเค้า แก่ขนาดนี้คนโปรดก็คงมีอยู่คนเดียว แจ๊คกี้ฉาง

หาเก้าอี้นั่งรอเวลา 2 ทุ่ม เพื่อดูแสงสี ริมฝั่งของเกาะ ได้กลิ่นปลาหมึกโชยมาหอมมากจนต้องต่อแถวซื้อกิน อร่อยจริงๆ เรามาที่นี้ตั้งแต่ 5 โมงเย็น เดินจนทั่วเมื่อยก็เมื่อย ยิ่งมึดก็ยิ่งหนาวเสื้อผ้าที่ใส่มันบางเกินไป อีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มแสดงแต่เราทนกับความหนาวไม่ไหว ไปหลบทุกมุม เดินเข้าร้านสตาร์บัคซื้อกาแฟก็หวังจะหลบลมหนาว แต่ดันมีคนคิดแบบเราคนเต็มร้านเลยไม่มีที่นั่งเศร้าๆ มานั่งหน้าร้านก็ไม่ได้ช่วยอะไรทนๆ ทนไม่ไหวจ้า... กลับโรงแรมดีกว่า คิดไว้ว่าพรุ่งนี้มาใหม่ ได้แต่คิดเพราะเอาจริงๆก็ไม่ได้มา 555

กลับเข้าโรงแรมมาใส่เสื้อเพิ่มแล้วไปม่งก๊กกัน..... การขึ้นรถไฟฟ้าก็จำสีเอา ดูป้ายเหมือนบ้านเราเลย ต้องมีคู่มือแผนที่รถไฟฟ้าอยู่ในมือด้วยจะดีที่สุด เวลาเปลี่ยนรถเราก็ต้องดูว่าจะต้องไปเปลี่ยนที่ไหน สีอะไร วางแผนก่อนขึ้นรถนิดนึงเพื่อความเข้าใจทั้งกลุ่ม ในรถไฟฟ้าจะมีที่ให้นั่งน้อยกว่าที่ยืน มีที่สำหรับคนแก่ คนพิการ คนท้อง แถวนึงเลยประมาณ 3-4 ที่ คนแก่ขึ้นทุกคนจะรีบให้นั่งทันทีเลย ไม่เหมือนบ้านเรา ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อย่างเดียว MTR จะให้บริการ 6.00 น. - 24.00 น.


ถึงม่งก๊ก ก็เดินๆ ดูของเล็งไว้ก่อน แล้วค่อยเดินมาซื้อ เดินกันขาลากเลย ต้องแว่ะกินของทอด ของต้ม ของกินเล่นที่มีชื่อของที่นี้ร้านนี้คนกินเยอะ โลเคชั่นตรงนี้ถ่ายหนังหลายเรื่อง หัวมุมถนน ต้องยืนกินหน้าร้านให้เสร็จแล้วค่อยเดินต่อน่ะจ๊ะ หนวดปลาหมึกอร่อยมากมีทั้งทอดและปิ้ง อย่าลืมลองกินเต้าหู้เหม็น ที่เหม็นจริง คนกินอร่อยแต่คนไม่กินต้องเดินหนี คิดว่าส้วมแตก 555 น้ำจิ้มมีหลายแบบให้เลือกส่วนใหญ่เค็ม ไม่ถูกปากคนไทย ถนนนี้มีรองเท้าแบรด์นหลายแบรด์นลดราคา ร้านรองเท้าก็เยอะ 2 ฝั่งถนน มีร้านขายของเล่น ร้านเสื้อผ้า ร้านยาจีน มีให้เดินประมาณ 3 ซอยใหญ่ มีอีกซอยเป็นพวกร้านของเล่น ได้เวลากลับโรงแรมแล้ว ต้องไปขึ้นรถไฟฟ้า MTR โดยให้หาตึก Citi Bank แล้วเดินไปที่นั้นจะเจอสถานีรถไฟ



เช้าวันที่ 2 ของทริป เราวางแผนไปเที่ยว 2 ที่ แต่กลายเป็นที่เดียว เราเริ่มจากไปหาโจ๊กกินกัน อยู่ถนนเดียวกันกับร้านอาหารที่กินเมื่อวานนี้ ร้านนี้ดังค่ะ เจอคนไทยมากินเยอะ จนเจ้าของร้านพูดไทยได้บางคำ และเมนูก็มีภาษาไทยด้วยน่ะ ทริปนี้ไปกิน 2 ครั้งเจอคนไทยทั้ง 2 ครั้งเลยค่ะ มีทักทายกันบ้างเล็กน้อยตามประสาคนบ้านเดียวกัน รู้สึกรักกันมากตอนอยู่ต่างแดนนี้แหล่ะ 555 (ร้านโจ๊กอยู่ถนน Hau Fook St.)


อิ่มแล้วก็ออกเดินทางไป นองปิง วัดพระใหญ่ วางแผนไว้ว่าเราจะนั่ง MRT สายสีแดง ไปเปลี่ยนเป็นสายสีส้ม ที่สถานี Lai King นั่งต่อไปจนสุดสายลงสถานี Tung Chung ขึ้นรถเมล์สาย 23 ที่ City Gate Outlets เพื่อไปที่วัด ซึ่งอยู่บนเขา ขากลับเราจะนั่งกระเช้าลงมา

สุดสายของรถไฟ จะมาเจอตึก Outlets เห็นรูปแล้วคงรู้สาเหตุของการไม่ได้ไปเที่ยว Disny ก็เพลินกับการช้อปปิ้งกันใหญ่ ได้กันมาคนละชิ้น สองชิ้น เดินไปข้างหลังตึกเราจะเห็นป้ายรถเมล์เยอะแยะเลย ถัดไปจะเห็นสถานนีสำหรับขึ้นกระเช้า เราไปต่อคิวขึ้นรถกันค่ะ คนคิดเหมือนเราเยอะแฮ่ะ นับคนแล้วเราต้องรอรถคันที่ 2 แน่นอน รถมาตรงเวลามากประทับใจ นั่งรถใช้เวลา 45 นาที นั่งชมวิวสวย ทิวทัศน์ชนบท ถนนเค้าแถบมากเลยเวลารถสวนกันแอบเสี่ยว

ถึงแล้ว ถึงทางเดินเข้าวัด แว่ะเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ขวามือของทางเข้า เดินไปตามทางมีร้านค้าขายน้ำ และอาหาร น้ำแอบถูกกว่า 7-11 อ่ะ ถึงทางขึ้นเขา เราเจอน้องหมาพนักงานต้อนรับน่ารักต้องถ่ายรูป อิ อิ ไม่เสียค่าเข้าชม ยกเว้นแต่จะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์จะต้องซื้อตั๋ว เห็นบันไดแล้วคิดถึงดอยสุเทพ สูงเหลือเกิน กว่าจะขึ้นมาได้ ลบแทบจับ วิวสวย ที่นี้เชื่อกันว่าอธิฐานอะไรจะสมปารถนาทุกอย่าง

ลงจากเขาเดินย้อนกลับไป ต้องเดินผ่านร้านขายของที่ระลึก แล้วสังเกตป้ายที่บออกว่า Cabin Car พอเห็นร้านที่ขายของที่ระลึกของ 360 ให้เดินเข้าไป จะผ่านชุมชนร้านค้าแบบจีนๆ ก็เดินกันเพลิน จนพลาดร้านขนมที่มีคนแน่ะนำ เราขี้เกียจย้อนกลับไปแล้ว ซื้อตั๋วนั่งกระเช้ากันเลย ราคาแพงกว่าในเวปที่หาข้อมูลมา คนละ 105 HK$ แบบธรรมดา ตอนแรกก็อยากได้แบบคริสตอล แต่แอบเสียดายเงิน เที่ยวเดียวราคา 165 HK$ เข้าแถวนานหน่อยสำหรับแบบธรรมดา ส่วนแถวคริสตัลจะสั้นกว่าเยอะเลย

เย้... ถึงคิวแล้ว กระเช้านั่งได้ 6 คน พนักงานจะถามว่ามาด้วยกันไหมเค้าจะจัดให้นั่งด้วยกัน แรกๆก็สนุกดี แต่พอมาถึงช่วงต่อระว่างลดระดับ จำไม่ผิดรู้สึกมี 5 ระดับ ผ่านเสาไปมันจะเสียวมาก แน่ะนำเลยว่า ให้ซื้อตั๋วตอนขึ้น และกลับด้วยรถ ความเสียวจะน้อยลง สำหรับคนกลัวความสูง

วันที่ 3 หมดแรงกันทุกคน หนุ่มๆ สาวๆ เดินเยอะไปหน่อย เราเลยตัดทุกแผนที่วางไว้ออกหมด ตื่นสายหน่อย ซื้อของฝากที่ยังขาด เที่ยงเช็คเอ้า ได้เงินคืนมา 2,000 HK$ จากมัดจำของโรงแรม ฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วไปกินโจ๊กร้านเดิม อำลาฮ่องกง ดูของอีกเล็กน้อย แล้วกลับมาเอากระเป๋า กะเวลาไว้ไปนั่งรอที่สนามบินก่อนเครื่องออก 3 ชั่วโมง ขึ้นรถไฟฟ้าไป Lai King เปลี่ยนไปขึ้นสายสีส้ม ลงสถานนี Tung Chung ไปเดินดูของฝากที่ City Gate Outlets อีกรอบ กินข้าวเย็นที่นั้น แล้วเดินมาขึ้นรถบัสสาย S1 ไปสนามบิน ค่ารถจำไม่ได้ แต่แพงขึ้นกว่าในเวปบอกนิดหน่อย ก่อนไปเช็คอินโหลดกระเป๋า เอาบัตร Octopus ไปคืนพร้อมรับมัดจำเงินในบัตร แต่เท่าที่หาข้อมูลมาไม่มีใครบอกเลยว่าไปแลกคืนที่ไหน เอาละซิต้องใช้ภาษาอังกฤษอันมีน้อยนิด ถามแม่บ้านเค้าก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เหมือนเราเลย เค้าก็ใช้ภาษามือแทน น่ารักจัง แล้วเราก็เจอ... ด้วยภาษามือนี้แหล่ะ หลังจากขึ้นลิฟลงลิฟให้มั่วไปหมด อันที่จริงพอเรามาถึงช่องเช็คอิน มองไปฝั่งขวามือจะมีทางเดินขึ้นไปรถไฟฟ้า เราก็เดินตามทางนั้นไป เลี้ยวซ้ายเราจะเห็นเคาว์เตอร์ เดินไปประมาณ 50 เมตร เอาบัตรยื่นให้พนักงาน เราจะได้เงินคืน เช็คอินรอขึ้นเครื่ง ระหว่างนั้นก็หาทางใช้เศษตังค์ให้หมด ไม่หมดก็ไม่ต้องเครียดน่ะเก็บเป็นที่ระลึกแล้วกัน บินกลับกรุงเทพอย่างปลอดภัย พัก กทม. หนึ่งคืนก่อนกลับบ้านนอก


สรุปร้านค้า
1. Citygate Outlets ของแบรนด์เนม ทุกอย่าง รองเท้า เสื้อผ้า ฯลฯ

2.  Godwell อยู่ Tsim sha tsui หาแผนที่ได้ใน goolgle ถ้าต้องการซื้อน้ำหอมราคาถูกต้องร้าน (รูปเอามาจาก google map )

3. Lung Shing Cosmetics ร้านน้ำหอม เครื่องสำอางค์คล้ายๆ Godwell  (รูปเอามาจาก google map)

4. ร้านเสื้อผ้ามือสอง และเสื้อผ้าไม่ผ่านQC ราคาถูกตามสภาพ

5. ร้านข้าวมันไก่

6. ร้านโจ๊กแสนอร่อย








ค่าใช้จ่าย
ค่าตั๋ว + โรงแรม 3.5 ดาว + ค่ากิน + รถ + ช้อปปิ้ง 12,000
ชื่อสินค้า:   ฮ่องกง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่