เรื่องเล่าจาก ความตาย(1)

กระทู้สนทนา
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันแห่งความสำเร็จจากความพยายามอันหนักหน่วง อดหลับอดนอนมาหลายเดือน ในที่สุดเขาก็ได้เลื่อนตำแหน่ง ผลงานชิ้นนี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ค่ำคืนวันนี้คงต้องฉลอง   
      
      หลังชวนเพื่อนสนิทได้2คน เอกชัย ก็เตรียมการฉลองโต้รุ่งขึ้น ระหว่างกำลังออกรถ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น แม่ของเขาโทรมาหาเป็นรอบที่ห้า เขาไม่ได้รับเลยสักครั้ง เนื่องจากวันนี้งานยุ่งทั้งวัน ตอนนี้ก็กำลังจะยุ่งอีก(กับการฉลองใหญ่) เขารู้ดีว่าแม่จะคุยเรื่องอะไรกับเขา พรุ่งนี้เป็นเสาร์
เขาสัญญาว่าจะกลับบ้าน “เอาน่ะ กลับแน่ๆพรุ่งนี้ ถ้าพรุ่งนี้ลุกไหวนะแม่”เขาคิดในใจ(เพียงแค่คิดเท่านั้น ไม่ได้รับโทรศัพท์)   
      
       เอกชัยไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีหลังจากเขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ เขาเลือกทำงานต่อที่นั่น ด้วยความที่เขาเป็นคนตั้งใจทำงานมาก มุ่งมั่นและต้องการจะประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุดทำให้เขามอบเวลาทุกอย่างให้กับงาน งาน และงานของเขา(อ่อ แต่อาจจะไม่ทุกอย่างครับ)
ด้วยความที่เขาเป็นเด็กต่างจังหวัด แสงสีในเมืองหลวงจึงเป็นสิ่งดึงดูดเขาให้หลงลืมบ้านเกิดและมารดาที่อาศัยอยู่กับน้องชายวัยมัธยมต้นของเขาไปจนหมดสิ้น งาน เพื่อนฝูง การฉลองและแสงสีคือลมหายใจของเขาทั้งหมดตอนนี้   
        
       ระหว่างเดินทางไปที่ผับอีกแห่งหนึ่ง หลังจากพวกเขาเริ่มมึนและตาลายจากร้านแรก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก นี่แม่จะโทรมาทำไมบ่อยนักน้า พรุ่งนี้ผมก็จะกลับบ้านอยู่แล้ว วันนี้ขอฉลองความสำเร็จให้เต็มที่หน่อยเถอะนะแม่ เขาคิดอยู่ในใจและกดวางสายไปอีกครั้ง ทันใดนั้นเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจาก
โทรศัพท์มือ สิ่งที่ไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้น เพื่อนที่เป็นคนขับรถหลับในและขับรถพุ่งข้ามเกาะกลางถนนเข้าไปชนเสาไฟฟ้าฝั่งตรงข้ามอย่างเต็มแรง เขาได้ยินเสียงร้องอันโหยหวนของเพื่อนที่นั่งด้านข้างคนขับดังลั่นและนั่นเป็นเสียงสุดที่เขาได้ยิน และหลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง เขาไม่รู้สึกตัวอีก   
      
       เขาลืมตาตื่นขึ้น มองไปรอบตัวเห็นรถกู้ภัยอยู่สามคัน เจ้าหน้าที่กู้ภัย หมอ พยาบาล เสียงหวอและไทยมุงเต็มไปหมด พอจำเหตุการณ์ได้ เอกชัยก็สะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที เขานอนอยู่ข้างถนนห่างจากรถที่ชนระยะหนึ่ง พอได้สติ เขาก็รีบสำรวจร่างกายของตัวเองทันที ค่อยยังชั่วเขาปลอดภัยดี ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ ถึงว่าไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเขา เขาคงบาดเจ็บน้อยที่สุด หลังจากละสายตาจากตัวเอง เขาก็มองเห็นภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยและหมอหามแปลของเพื่อนทั้งสองที่นอนแน่นิ่งอยู่ขึ้นรถไป ดูท่าเพื่อนของเขาทั้งสองคงแย่แน่ เขาวิ่งตามขึ้นรถกู้ภัยอีกคันหนึ่งตามไป รถมุ่งตรงสู่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ไม่มีใครสังเกตและพูดคุยกับเขา ทุกคนดูยุ่งวุ่นวายกับเหตุการณ์ไปหมด เขารู้สึกเสียใจและตกใจมากกับเรื่องนี้
      
       โชคดีที่เขารอดมาได้ เอกชัยคิดในใจ แม่เหมือนจะรู้ โทรมาเตือนหลายครั้งแต่เขาไม่ได้รับ เขาเริ่มรู้สึกผิดต่อผู้เป็นแม่ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้กลับบ้านไปเยี่ยมแม่ 5หรือ 10 ปี จำไม่ค่อยได้ ได้แต่ส่งเงินเดือนไปให้ แม่พอใช้หรือไม่ ขาดเหลืออะไรหรือไม่ เขาไม่เคยถาม โรคเบาหวานที่แม่
เป็นอยู่แม่กินยาบ้างหรือเปล่าหนอ น้องชายเกเรให้แม่เหนื่อยใจหรือเปล่า ทุกคำถามหลั่งไหลออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เปอะข้างแก้ม ไม่เป็นไรนะครับ ต่อไปผมจะกลับตัวใหม่ ชีวิตของคนเราช่างไม่มีอะไรแน่นอนเสียจริงๆ เหมือนทุกอย่างแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่พร้อมจะขาดออก โดยไม่มีคำเตือนตลอดเวลา ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่าชีวิตนี้ ผมต้องการอะไรกันแน่ พรุ่งนี้ผมจะกลับไปหาแม่ ซื้อผ้าไปให้แม่ตัดเสื้อใหม่สักสามชุด
      
       หลังรถกู้ภัยที่เขานั่งมาจอดที่รพ.เป็นคันสุดท้าย เขาก็รีบลงจากรถ ตอนนี้เขาหลงทางแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเอาเพื่อนทั้งสองไปที่ไหน ทุกคนดูวุ่นวายกับอุบัติเหตุที่พวกเขาก่อขึ้น ถามใครก็ไม่มีใครสนใจเขา เขาจึงลองเดินไปตามทางเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึงห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน มีป้ายแปะไว้ว่าER เขาเดินเข้าไปที่นั่น ภาพแรกที่เขาเห็นคือร่างของเพื่อนคนขับรถ นอนแน่นิ่งไม่มีสีเลือด ศีรษะเต็มไปด้วยบาดแผล ขาขวาห้อยต่องแต่งอยู่ข้างเตียง เขาเสียชีวิตแล้ว เตียงใกล้ๆกันนั้น คือร่างของเพื่อนที่นั่งด้านข้างคนขับ สภาพที่เขาเห็นไม่ต่างจากเพื่อนคนแรก สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือเศษกระจกขนาดใหญ่ที่ปักอยู่กลางหน้าอกของเพื่อนเขา ครับ เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที     
      
       เอกชัยยืนน้ำตาซึม ก้าวขาไม่ออกอยู่ตรงนั้น รู้สึกผิดที่เป็นคนชวนเพื่อนๆมาฉลอง ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาก้มหน้ามองที่จอโทรศัพท์นั้น    แม่!! แม่โทรมาหาเขาแล้ว ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่เขาอยากจะคุยกับแม่มากที่สุด ขอบคุณแม่จริงๆ เขากดรับโทรศัพท์ทันที แต่ทว่าทำไม
กดรับโทรศัพท์ไม่ได้ เขากดซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ไม่ติด โทรศัพท์คงพังไปจากอุบัติเหตุ ไม่เป็นไรเดี๋ยวขอยืมคนแถวนี้ เขาคิดในใจ เขาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์นั้น สายตาพลันมองไปยังฝั่งตรงข้ามกับเตียงของเพื่อน  เห็นร่างอีกร่างหนึ่งนอนอยู่ เขาเขยิบเข้าไปมองใกล้ๆและตกใจอย่างสุดขีด....นี่ตัวเขาเองนี่ ทำไมถึงเลือดเต็มตัวแบบนี้ ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากแพทย์ที่ตรวจว่า"คนนี้นั่งหลัง ก็เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันทีเหมือนกัน"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่