คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ยึดตามเกณฑ์ของสภากาชาด การบริจาคอวัยวะนั้นผู้บริจาคต้องมีสาเหตุการเสียชีวิตคือสมองตายเท่านั้นค่ะ เช่น เกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะ มีเลือดออกในสมอง เส้นเลือดในสมองแตก หรือเนื้องอกในสมองชนิดไม่ลุกลาม และต้องอยู่ในเครื่องช่วยหายใจด้วย เพื่อให้อวัยวะภายในยังมีการทำงานอยู่ ส่วนผู้ป่วยในภาวะผักยังไม่ถือว่าสมองตายเพราะแกนสมองยังสามารถทำงานได้ หายใจด้วยตนเองได้ มีการไอ จาม หรือกะพริบตาได้ จึงถือว่ายังไม่เสียชีวิต ไม่สามารถบริจาคอวัยวะได้
ส่วนผู้บริจาคที่ไม่ได้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย อาจพิจารณาให้บริจาคเนื้อเยื่อบางส่วนได้ เช่น ลิ้นหัวใจ หรือดวงตา
เมื่อผู้บริจาคเสียชีวิต ญาติหรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องแจ้งไปที่ที่ผู้บริจาคได้แสดงความจำนงไว้ เช่น บริจาคให้กาชาดก็ต้องติดต่อไปที่กาชาด และญาติต้องลงชื่อยินยอมด้วย ถ้าญาติไม่ยอมลงชื่อจะถือว่าการบริจาคนั้นเป็นโมฆะ ต่อให้ตัวผู้เสียชีวิตจะเต็มใจบริจาคขนาดไหนก็ตาม ดังนั้นหากประสงค์จะบริจาคอวัยวะหรือร่างกาย ผู้บริจาคต้องแจ้งญาติให้เข้าใจ เพื่อที่ญาติจะได้ติดต่อแจ้งศูนย์บริจาคได้ถูกต้อง (ในกรณีไม่ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล) และควรพกบัตรผู้บริจาคอวัยวะไว้เสมอนะคะ
ส่วนการบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่จะต้องมีสาเหตุการเสียชีวิตตามธรรมชาติเท่านั้น อวัยวะภายในจึงยังอยู่ในสภาพดี ให้นักศึกษาแพทย์สามารถทำการศึกษาได้
ไม่มีข้อมูลเรื่องการชันสูตรแต่คิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับความประสงค์ของญาติค่ะ และจากที่บอกว่าผู้บริจาคอวัยวะต้องอยู่ในเครื่องช่วยหายใจ ส่วนตัวเลยคิดว่าถ้าชันสูตรแล้วคงบริจาคได้แค่ลิ้นหัวใจ หรือดวงตา เทียบเท่ากับผู้บริจาคที่ไม่ได้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย (ไม่ได้อยู่ในเครื่องช่วยหายใจ) ค่ะ
ส่วนผู้บริจาคที่ไม่ได้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย อาจพิจารณาให้บริจาคเนื้อเยื่อบางส่วนได้ เช่น ลิ้นหัวใจ หรือดวงตา
เมื่อผู้บริจาคเสียชีวิต ญาติหรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องแจ้งไปที่ที่ผู้บริจาคได้แสดงความจำนงไว้ เช่น บริจาคให้กาชาดก็ต้องติดต่อไปที่กาชาด และญาติต้องลงชื่อยินยอมด้วย ถ้าญาติไม่ยอมลงชื่อจะถือว่าการบริจาคนั้นเป็นโมฆะ ต่อให้ตัวผู้เสียชีวิตจะเต็มใจบริจาคขนาดไหนก็ตาม ดังนั้นหากประสงค์จะบริจาคอวัยวะหรือร่างกาย ผู้บริจาคต้องแจ้งญาติให้เข้าใจ เพื่อที่ญาติจะได้ติดต่อแจ้งศูนย์บริจาคได้ถูกต้อง (ในกรณีไม่ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล) และควรพกบัตรผู้บริจาคอวัยวะไว้เสมอนะคะ
ส่วนการบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่จะต้องมีสาเหตุการเสียชีวิตตามธรรมชาติเท่านั้น อวัยวะภายในจึงยังอยู่ในสภาพดี ให้นักศึกษาแพทย์สามารถทำการศึกษาได้
ไม่มีข้อมูลเรื่องการชันสูตรแต่คิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับความประสงค์ของญาติค่ะ และจากที่บอกว่าผู้บริจาคอวัยวะต้องอยู่ในเครื่องช่วยหายใจ ส่วนตัวเลยคิดว่าถ้าชันสูตรแล้วคงบริจาคได้แค่ลิ้นหัวใจ หรือดวงตา เทียบเท่ากับผู้บริจาคที่ไม่ได้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย (ไม่ได้อยู่ในเครื่องช่วยหายใจ) ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ตายแบบไหนที่อวัยวะส่วนใหญ่บริจาคได้
1> การตายแบบไหนที่อวัยวะส่วนใหญ่เอาไปใช้ได้
2> การตายแบบไหนไม่ต้องมีการชันสูตร ใครเป็นบอกว่าควรชันสูตรหรือไม่
3> ศพที่ต้องมีการชันสูตร อวัยวะใดยังเอาไปใช้ได้อยู่