เห็นมีคนถามว่ามีโอตาคุคนไหนได้ดีมั่งนอกจาก Danny Choo? งั้นกระผมขอจัดให้ก็แล้วกันครับ XD

เอาล่ะ น่าจะถึงแก่เวลา....... ผมขอกล่าวอะไรสั้นๆ แต่อยากให้คนในกระทู้นี้ได้อ่านกัน

1. ก่อนอื่นเลย ผมขอบอกว่า "ผมไม่ได้เป็นโอตาคุและไม่ได้เป็น Wannabe โอตาคุด้วย"
2. ผมเข้าใจความหมายของคำว่า "โอตาคุ" ที่ญี่ปุ่นดี รวมถึงคดีที่ทำให้คนญี่ปุ่นเลิกใช้ โอตาคุ ในความหมายที่ดี
3. ส่วนไอ้เรื่องป่วยเรือเนี่ย ผมใส่ให้มันดูเนียนๆเป็นโอตาคุหน่อยๆเท่านั้น (แต่ก็เล่นนะ) เค้าล้อเล่น

จุดประสงค์ที่ตั้งกระทู้ ส่วนนึง คือ
1. รับคำท้าจ่าดราม่า ในการหาโอตาคุแบบ Danny Choo แต่นอกเหนือจาก Danny Choo
2. ที่จริงผมอยากจะให้เป็นประเด็นหลักของกระทู้นี้เลยนะ แต่น่าเสียดายมากกลับไม่มีคนสนใจ(ตรงท้ายๆกระทู้ที่บ่งบอกให้เอาความมุ่งมั่นของโอตาคุเปลี่ยนให้เป็นพลัง) คือ ประเด็น
การแก้ปัญหาพวกที่เข้าข่ายโอตาคุ ทำยังไงให้กลับมาเป็นกำลังขับเคลื่อนสังคมให้มีประสิทธิภาพยังไงได้มากกว่า

บอกตามตรง ผมอ่าน DRAMA ADDICT นอกจากจ่าจะมั่วเรื่องข้อมูลอนิเมะ เรื่อง“น้องสาวของผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก”   หัวเราะ

ผมเบื่อแล้ว กับพวกอคติที่ต้องการดูถูกเหยียดหยามคนสักกลุ่มหนึ่งให้ด้อยไปกว่าตนเองที่สูงส่งด้วยการมองว่าอาชญากรรมในโลก ล้วนมาจากเกมและการ์ตูนทั้งสิ้น ผมถามจริงๆเถอะ ไอ้วิธีการแบบนั้นมันช่วยแก้ปัญหาอะไรแบบสร้างสรรค์ได้ไหม? เขียนดราม่าแบบนั้นให้ตาย มันมีอะไรดีขึ้นไหม?

แทนที่จะมาบอกว่าโอตาคุไม่ดีแบบนู้นแบบนี้ ไปมองวิธีการแก้ปัญหาโอตาคุแบบชาติที่เจริญแล้วดีกว่า เช่น
ที่ญี่ปุ่น กองกำลังป้องกันตัวเองกำลังใช้กลยุทธิ์ล่อโอตาคุไปเป็นทหาร เอ้ย กองกำลังป้องกันตัวเอง รัวๆ

เป็นการยิงนัดเดียวได้นกหลายตัว คือเอาประชากรที่สุขภาพทรุดโทรมเพราะเป็นโอตาคุมาเทรนให้สุขภาพดี และโยกประชากรที่ไม่ทำรายได้มาเป็นข้าราชการที่มีประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งยังใช้อุตสาหกรรมสื่อโมเอะของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย

http://akibatan.com/2013/07/shimada-humikane-designs-military-recruitment-moe-character/

ขอบคุณนะครับสำหรับทุกคนที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้ ยิ้ม

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โอตาคุส่วนมากที่ได้ดีแล้วนั้น จะเอาพลังในการหมกมุ่น หมกมุ่น และหมกมุ่นเปลี่ยนเป็นพลังงานในการสร้างงานของตัวเองจนโด่งดัง
ผมจะลองรวบรวมมาก็แล้วกัน

บุคคลแรกเลย โอตาคุไอด้อลมาสเตอร์....ว่าแต่เบอร์เซิร์กตูล่ะ? อาจารย์ Kentaro Miura



ผู้ยอมทิ้งงานวาดไปพักนึง เพื่อไปเล่นเกมไอด้อลมาสเตอร์ (ปัจจุบัน พักงานเนื่องจากปัญหาสุขภาพโดยไม่ระบุโรค)

คงไม่ปฏิเสธนะว่าแกเอาพลังในการสร้างสรรค์งานของแกในการทำงานของแกไปหมกมุ่นไปเป็นโอตาคุ IdolMaster ไปพักนึง

ถ้าถามว่าอาจารย์แกประสบความสำเร็จยังไง? ก็ดูยอดขายหนังสือ Berserk สิครับ ไหนจะหนัง Berserk อีก

(เกม Idolmaster เป็นเกมที่จะจำลองคนเล่นให้เป็นโอตาคุ.....เอ้ย โปรดิวเซอร์ ในการฝึกตัวละครในเกมให้เป็นดาราดังคับฟ้า เกมนี้เป็นเกมที่ดังมากที่ญี่ปุ่น ปัจจุบันมีภาค Cinderella และ Millennium' s live)




คนที่สองก็น่าจะเป็น Jonathan Ross หรือเป็นที่รู้จักในการเป็นผู้ดำเนินรายการ  Friday Night with Jonathan Ross  ของ BBC



ทำไมคิดว่าแกเป็นโอตาคุ?? เพราะเค้าเคยทำรายการ Japanorama ที่มุ่งเน้นไปที่วัฒนธรรม โอตาคุในประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงรายการ  Adam and Joe Go Tokyo นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้กันว่าแกเป็นนักสะสมของเล่นญี่ปุ่นตัวยง โดยการเอาของเล่นญี่ปุ่นไปโผล่ในรายการทีวีของแกนานๆครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นแฟนพันธุ์แท้ Studio Ghibli นอกจากนี้แกยอมรับว่าตัวเองก็อาจจะเป็น โอตาคุ

เผื่อใครสนใจรายการของแก เชิญทัศนา แล้วจะเห็นว่าแกมุ่งมั่นทำรายการนี้ขนาดไหน
https://www.youtube.com/watch?v=v-QvDoOt6ak


คนถัดมาเอาเป็นผู้หญิงกันมั่ง คือคุณ Shoko Nakagawa 中川 翔子 เธอเป็นทั้ง ไอด้อลญี่ปุ่น นักแสดง  นักพากษ์  นักวาด และนักร้อง
เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาว่านอกจากเธอจะกินแมวเป็นอาหาร.....เอ้ย รักแมว


เธอยังรักในการแต่ง Cosplay เป็นตัวละครในอนิเมะอย่างยิ่ง!!!



ไหนๆแล้วก็มาฟังเธอร้องเพลงกันหน่อยดีกว่าครับ ในเพลง 空色デイズ ของ กุเร็นลากันต์
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

กระทู้นี้เอาแค่ 3 คนก่อนก็น่าจะเพียงพอ

ในกระทู้ที่แล้วมีคนค้านเรื่องการรับ อาโซ่ ทาโร่ เป็นโอตาคุนะครับ....... ผมก็ไม่รู้นะครับว่าคุณจะค้านในประเด็นไหน ในเมื่อตัวเค้าเองยอมรับว่าตัวเค้าเองเป็น "โอตาคุ" (หรือจะไปยัดว่าเค้าเป็น โอตาคุ Wanna be ดีล่ะ?)



แถมแกยังตั้งโดราเอม่อนเป็น ฑูตทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและปรับปรุงสร้างรากฐานอุตสาหกรรมโมเอะให้พัฒนามากขึ้นไปอีก
ปล. ปัจจุบัน วัฒนธรรมโมเอะถือเป็นสินค้าส่งออกด้านวัฒนธรรมที่สำคัญมากของญี่ปุ่น สร้างทั้งงานและสร้างทั้งรายได้เข้าญี่ปุ่น

หวังว่ากระทู้นี้คงจะตอบคำตอบของเค้านะครับ
(ว่าแต่หลังๆช่วยเขียนสเตตัสการเมืองกลางๆหน่อยเถอะ หลังๆนี่เอียงจนแถมเงิบไปตั้งหลายรอบ ผิดฟอร์มจ่าดราม่าเมื่อก่อนสุดๆ)  ยิ้ม



ในความเห็นผมนะ.... ความเป็นโอตาคุ คือ ความหมกหมุ่น หมกหมุ่น และหมกมุ่นกับสิ่งใดสิ่ง 1 มากจนเกินไป
ในที่นี้ผมจะเปรียบมันเป็น "พลัง"
"พลัง" ไม่มีคำว่าถูกหรือผิดเพราะมันขึ้นกับ ผู้ใช้ (User )ของมัน
จะหมกมุ่นในด้านไม่ดีก็ได้ แต่จะเปลี่ยนเป็นพลังในสร้างสรรค์ผลงานมันก็ทำได้
โลกนี้ไม่ได้เป็นสีขาวหรือดำ


ดังนั้นเหล่าโอตาคุและโอตาคุ Wanna be เอ้ย!!
จงเอาความมุ่งมั่นในสาว 2 D และความโกรธแค้นที่ถูกหยามหยันว่าเป็นโอตาคุ
เป็นพลังขับเคลื่อนในการดำรงชีวิต ทำตัวให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิต
แล้วมาประกาศตัวเป็นโอตาคุกันดีกว่าว้อยยยยยย

ถ้าความหวังเป็นแรงขับ"ด้านบวก"ที่สำคัญที่สุดที่ให้ชีวิตประสบความสำเร็จ
ความโกรธแค้นก็เป็นพลังงานด้านลบที่ "ทรงพลัง" ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน!
เยี่ยม

ปล. จขกท.ขอตัวไปป่วยเรือก่อนนะครับ ว่าจะลง Naka วันนี้ ซะหน่อยสงสัยต้องเลื่อนซะแล้ว
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่