วันนี้ขออนุญาตมาพูดคุยคลายเครียดหน่อย
เพราะเครียดสะสมมากค่ะ
สามีเกลียดงานมาก เพราะไม่ชอบเนื้องาน ไม่ชอบเจ้านาย งานหนักมาก เขาเครียด
กลับบ้านมาหน้าบึ้งตึง บางครั้งเราเองก็เข้าหน้าไม่ติด
อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งต้องระเบิดออกมาว่า ผมเกลียดงาน ผมเกลียดชีวิต
ที่ยังไม่ออกเพราะ หนึ่ง สัญญาเซ็นไปปีนึง เหลืออีกหลายเดือน
สอง จริงๆออกก่อนก็ได้แต่จะถูกปรับตามจำนวนเดือนที่เหลือ แต่ว่าตอนนี้ยังหางานใหม่ไม่ได้ จะออกมาเขาก็กลัวจะคว้าง
กลัวจะมีปัญหาการเงิน กลัวหลายอย่าง (เรากำลังช่วยกันสร้างบ้านค่ะ)
ก็เลยทนอยู่ค่ะ
แต่ใครว่าเขาทนคนเดียว
เราก็ต้องทนนะ ทนมากด้วย
ทุกครั้งที่เขาหน้าบูดบึ้ง หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับชีวิต (ประมาณสัปดาห์ละสองครั้งเป็นอย่างน้อย)
จะมีใครรองรับอารมณ์เขา นอกจากเรา
ที่ได้แต่รับฟัง กอดเขา และปลอบว่าอดทนนะ เดี๋ยวทุกอย่างอาจจะดีขึ้น
เราเคยพยายามช่วยแก้ปัญหา แต่เขาไม่อยากให้เราช่วยเลย
เรารู้จักคนในบริษัทเขา รู้จักหัวหน้าอีกแผนก
เราเคยถามว่า ให้เราช่วยไหม อยากย้ายไปแผนกของพี่ที่เรารู้จักไหม
เขาบอกไม่เอา บริษัทมันเล็ก ย้ายแบบนี้เดี๋ยวเจ้านายเก่าเขม่นแล้วแกล้ง
เราถามหลายครั้งเข้าก็บอกว่า ผมไม่ต้องการย้ายแผนก จบนะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก
และไม่ต้องไปพูดกับใครในบริษัทที่คุณรู้จักนะ (บังเอิญรู้จักอยู่สองสามคน)
เราจะช่วยเขาหาลู่ทางงานใหม่ เราเสนอนั่นเสนอนี่
ในที่สุดเขาก็บอกว่า ผมไม่ได้อยากให้คุณมาช่วยแก้ปัญหา แค่รับฟังอย่างเดียวได้ไหม
เพราะนี่เป็นปัญหาของผม
ทีปัญหาของคุณ ผมยังไม่เข้าไปเสนอโน่นนี่เลย ผมให้กำลังใจอย่างเดียว
(แน่ล่ะสิ งานของชั้นมันเฉพาะทางมาก ปัญหาที่มีเรื่องเนื้องานมันก็เลยเฉพาะทางด้วย คุณจะมาให้คำแนะนำได้ไง
แต่ปัญหาของคุณคืออยากเปลี่ยนงาน อันนี้ชั้นแนะนำได้
เพราะชั้นมีเพื่อนมีฝูง มีคนรู้จัก พอจะไหว้วาน แนะนำ หาลู่ทางกันได้)
แต่ในเมื่อคุณพูดออกมา ว่ากรุณาอย่ามาช่วยแก้
ชั้นก็ได้แต่รับฟังคุณเฉยๆต่อไป และได้แต่ให้กำลังใจ
แต่ก็เหนื่อยเป็นนะคะ
คุณอารมณ์ค้างมาจากงาน ก็มาฟึดฟัดลงที่ชั้นคนเดียว
ชั้นจะไปลงกับใครต่อล่ะ
บางครั้งก็ไปปล่อยอารมณ์ ร้องเพลงเศร้าตอนรดน้ำต้นไม้
คุณจำได้ไหม ต้นไม้ที่คุณกับฉันซื้อมาด้วยกัน
ตอนไปซื้อคุณตื่นเต้นนักหนา ตอนนี้มีฉันรดน้ำใส่ปุ๋ยอยู่คนเดียว
ไม่งั้นมันเฉาตายไปนานแล้ว
คล้ายๆรักของเรานั่นแหละ
คุณจะเคยคิดไหม ทุกครั้งที่คุณพูดว่า คุณเกลียดชีวิตที่เป็นอยู่
ชีวตนั้นน่ะ มันมีฉันอยู่ด้วยนะคะ
มันเป็นชีวิตของเรา ที่เราตั้งใจจะสร้างด้วยกัน
คุณเกลียดทุกอย่างเลยไหม
คุณเกลียดฉันไหมที่เป็นต้นเหตุให้คุณต้องย้ายตามฉันมาถึงนี่
ขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตคุณมันแย่อย่างนี้
ฉันก็ไม่รู้จะแก้ไขยังไงเหมือนกัน
พอฉันเครียด คุณก็บอกว่า อย่าเครียดสิ เห็นคุณเครียดมันทำให้ผมเครียดเพิ่ม
ได้ค่ะ คุณเข้าใจถูกแล้วว่า ดิฉันนั้นเป็นมนุษย์แต่ภายนอก ภายในก่ออิฐถือปูนแข็งแรง
พร้อมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ศรีภรรยา
มีหน้าที่รับความทุกข์ของคุณฝ่ายเดียว
ดิฉันไม่เครียดก็ได้ค่ะ
จะไม่เครียดกับเมื่อคิดว่า คุณอาจจะออกมาอยู่บ้านเฉยๆเพื่อ "ค้นหาตัวเอง"สักพักหนึ่ง
จะไม่เครียดเรื่องเงินส่งค่าบ้านที่ตอนนี้สร้างไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ซึ่งถ้าคุณไม่มีเงินเดือนตรงนี้มาช่วย ดิฉันก็คงต้องหาทางกู้ยืมมา
จะไม่เครียดเรื่องที่เราวางแผนจะมีลูก ถ้าคุณไม่มีงาน ก็อาจจะยังไม่ควรมีลูก
จะไม่เครียดที่จะต้องอธิบายให้ครอบครัวของฉันฟัง ว่าทำไมคุณออกจากงาน(ที่หลายๆคนเห็นว่าเป็นงานที่ดีมาก)
จะไม่เครียดที่จะต้องตอบคำถามของแม่ให้ได้ว่า "แล้วเขาจะออกมาให้ลูกเลี้ยงเขาหรือ"
ดิฉันไม่เครียดก็ได้ค่ะ เพราะวางแผนไว้แล้วว่าดิฉันจะทำงานจนร่ำรวย เพื่อเลี้ยงคุณและลูก(ในอนาคต)ให้ได้
แต่บางครั้งเวลาที่เห็นสามีคนอื่นเขาตั้งใจทำงาน หนักเอาเบาสู้เพื่อลูกเพื่อเมีย
ฉันก็แอบสะท้อนใจอยู่ลึกๆนะคะ
ขอบคุณที่มีพื้นที่ให้ได้ระบาย และ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
การมีสามีที่เกลียดงานและเกลียดชีวิตที่เป็นอยู่นี่เป็นเรื่องยากนะคะ
เพราะเครียดสะสมมากค่ะ
สามีเกลียดงานมาก เพราะไม่ชอบเนื้องาน ไม่ชอบเจ้านาย งานหนักมาก เขาเครียด
กลับบ้านมาหน้าบึ้งตึง บางครั้งเราเองก็เข้าหน้าไม่ติด
อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งต้องระเบิดออกมาว่า ผมเกลียดงาน ผมเกลียดชีวิต
ที่ยังไม่ออกเพราะ หนึ่ง สัญญาเซ็นไปปีนึง เหลืออีกหลายเดือน
สอง จริงๆออกก่อนก็ได้แต่จะถูกปรับตามจำนวนเดือนที่เหลือ แต่ว่าตอนนี้ยังหางานใหม่ไม่ได้ จะออกมาเขาก็กลัวจะคว้าง
กลัวจะมีปัญหาการเงิน กลัวหลายอย่าง (เรากำลังช่วยกันสร้างบ้านค่ะ)
ก็เลยทนอยู่ค่ะ
แต่ใครว่าเขาทนคนเดียว
เราก็ต้องทนนะ ทนมากด้วย
ทุกครั้งที่เขาหน้าบูดบึ้ง หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับชีวิต (ประมาณสัปดาห์ละสองครั้งเป็นอย่างน้อย)
จะมีใครรองรับอารมณ์เขา นอกจากเรา
ที่ได้แต่รับฟัง กอดเขา และปลอบว่าอดทนนะ เดี๋ยวทุกอย่างอาจจะดีขึ้น
เราเคยพยายามช่วยแก้ปัญหา แต่เขาไม่อยากให้เราช่วยเลย
เรารู้จักคนในบริษัทเขา รู้จักหัวหน้าอีกแผนก
เราเคยถามว่า ให้เราช่วยไหม อยากย้ายไปแผนกของพี่ที่เรารู้จักไหม
เขาบอกไม่เอา บริษัทมันเล็ก ย้ายแบบนี้เดี๋ยวเจ้านายเก่าเขม่นแล้วแกล้ง
เราถามหลายครั้งเข้าก็บอกว่า ผมไม่ต้องการย้ายแผนก จบนะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก
และไม่ต้องไปพูดกับใครในบริษัทที่คุณรู้จักนะ (บังเอิญรู้จักอยู่สองสามคน)
เราจะช่วยเขาหาลู่ทางงานใหม่ เราเสนอนั่นเสนอนี่
ในที่สุดเขาก็บอกว่า ผมไม่ได้อยากให้คุณมาช่วยแก้ปัญหา แค่รับฟังอย่างเดียวได้ไหม
เพราะนี่เป็นปัญหาของผม
ทีปัญหาของคุณ ผมยังไม่เข้าไปเสนอโน่นนี่เลย ผมให้กำลังใจอย่างเดียว
(แน่ล่ะสิ งานของชั้นมันเฉพาะทางมาก ปัญหาที่มีเรื่องเนื้องานมันก็เลยเฉพาะทางด้วย คุณจะมาให้คำแนะนำได้ไง
แต่ปัญหาของคุณคืออยากเปลี่ยนงาน อันนี้ชั้นแนะนำได้
เพราะชั้นมีเพื่อนมีฝูง มีคนรู้จัก พอจะไหว้วาน แนะนำ หาลู่ทางกันได้)
แต่ในเมื่อคุณพูดออกมา ว่ากรุณาอย่ามาช่วยแก้
ชั้นก็ได้แต่รับฟังคุณเฉยๆต่อไป และได้แต่ให้กำลังใจ
แต่ก็เหนื่อยเป็นนะคะ
คุณอารมณ์ค้างมาจากงาน ก็มาฟึดฟัดลงที่ชั้นคนเดียว
ชั้นจะไปลงกับใครต่อล่ะ
บางครั้งก็ไปปล่อยอารมณ์ ร้องเพลงเศร้าตอนรดน้ำต้นไม้
คุณจำได้ไหม ต้นไม้ที่คุณกับฉันซื้อมาด้วยกัน
ตอนไปซื้อคุณตื่นเต้นนักหนา ตอนนี้มีฉันรดน้ำใส่ปุ๋ยอยู่คนเดียว
ไม่งั้นมันเฉาตายไปนานแล้ว
คล้ายๆรักของเรานั่นแหละ
คุณจะเคยคิดไหม ทุกครั้งที่คุณพูดว่า คุณเกลียดชีวิตที่เป็นอยู่
ชีวตนั้นน่ะ มันมีฉันอยู่ด้วยนะคะ
มันเป็นชีวิตของเรา ที่เราตั้งใจจะสร้างด้วยกัน
คุณเกลียดทุกอย่างเลยไหม
คุณเกลียดฉันไหมที่เป็นต้นเหตุให้คุณต้องย้ายตามฉันมาถึงนี่
ขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตคุณมันแย่อย่างนี้
ฉันก็ไม่รู้จะแก้ไขยังไงเหมือนกัน
พอฉันเครียด คุณก็บอกว่า อย่าเครียดสิ เห็นคุณเครียดมันทำให้ผมเครียดเพิ่ม
ได้ค่ะ คุณเข้าใจถูกแล้วว่า ดิฉันนั้นเป็นมนุษย์แต่ภายนอก ภายในก่ออิฐถือปูนแข็งแรง
พร้อมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ศรีภรรยา
มีหน้าที่รับความทุกข์ของคุณฝ่ายเดียว
ดิฉันไม่เครียดก็ได้ค่ะ
จะไม่เครียดกับเมื่อคิดว่า คุณอาจจะออกมาอยู่บ้านเฉยๆเพื่อ "ค้นหาตัวเอง"สักพักหนึ่ง
จะไม่เครียดเรื่องเงินส่งค่าบ้านที่ตอนนี้สร้างไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ซึ่งถ้าคุณไม่มีเงินเดือนตรงนี้มาช่วย ดิฉันก็คงต้องหาทางกู้ยืมมา
จะไม่เครียดเรื่องที่เราวางแผนจะมีลูก ถ้าคุณไม่มีงาน ก็อาจจะยังไม่ควรมีลูก
จะไม่เครียดที่จะต้องอธิบายให้ครอบครัวของฉันฟัง ว่าทำไมคุณออกจากงาน(ที่หลายๆคนเห็นว่าเป็นงานที่ดีมาก)
จะไม่เครียดที่จะต้องตอบคำถามของแม่ให้ได้ว่า "แล้วเขาจะออกมาให้ลูกเลี้ยงเขาหรือ"
ดิฉันไม่เครียดก็ได้ค่ะ เพราะวางแผนไว้แล้วว่าดิฉันจะทำงานจนร่ำรวย เพื่อเลี้ยงคุณและลูก(ในอนาคต)ให้ได้
แต่บางครั้งเวลาที่เห็นสามีคนอื่นเขาตั้งใจทำงาน หนักเอาเบาสู้เพื่อลูกเพื่อเมีย
ฉันก็แอบสะท้อนใจอยู่ลึกๆนะคะ
ขอบคุณที่มีพื้นที่ให้ได้ระบาย และ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ