สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่าน วันนี้เราจะมาขอเล่าประสบการณ์แอบชอบคนๆนึงในร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งครับ
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น เกือบๆเดือนแล้ว มันเริ่มจากที่เรามีความคิดว่าอยากจะหาอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน (เพราะว่าตอนนี้ก็ตกงานมาหลายเดือนแล้ว) ก็เลยมีความคิด ปิ๊ง ! ขึ้นมาว่า เออ น่าจะไปหาหนังสือสร้างแรงบันดาลใจสักเล่มมาอ่าน ก็เลยไปร้านหนังสือแห่งหนึงในห้าง ด้วยความที่เราไม่ได้ไปร้านนี้มานานมากกก ก็เลยสะดุดตาเข้ากับพนักงานคนนึง วินาทีนั้น เราไม่รู้ว่าความรู้สึกของเราชอบหรือหลงเค้านะ เรารู้อย่างเดียวว่าวันนั้น เรายิ้มมีความสุขมากกก ตลอดเวลาที่อยู่ในร้านนั้น ได้เห็นเค้าทำงาน แบกของ จัดหนังสือ รู้สึกว่าเค้าทำงานเก่งจัง ขยันมาก ซึ่งสวนทางกับหน้าตาของเค้าที่เราไม่เคยเห็นเค้ายิ้มเลย ทั้งๆที่เพื่อนร่วมงานของเค้าก็ดูเฮฮาดี หรือว่า เค้าคงจะเหนื่อยมั้ง แต่เราก็ยังแอบมองเค้าอยู่เรื่อยๆ สารภาพเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกปลื้มใครจนอยากทำความรู้จักแบบนี้มาก่อนและเราเองก็ไม่ชอบทำความรู้จักกับใครก่อนด้วยเช้นกัน....
หลังจากวันแรกที่เห็นเค้า ทำให้เราหาเหตุผลให้กับตัวเอง เพื่อที่จะได้ไปร้านหนังสือแห่งนั้นให้ได้ เราไปแทบจะทุกวันตอนเย็นหลังร้านปิด (ที่บ้านเราขายของ) แค่อยากไปให้เห็นหน้าเค้า ทั้งๆที่ในใจก็ค้านตัวเองว่า ไปหาหนังสือดีๆสักเล่มอ่านนะ ไปหาหนังสือทำ Bakery ขาย (ว่างงานไงเลยมีความคิดว่าจะทำขาย) ก็ไปอยู่โซนคู่มือทำอาหารตลอด จริงๆไม่ใช่อะไรหรอก เพราะว่าถ้าเรายืนตรงโซนนั้นจะทำให้เราเห็นหน้าเค้าชัดๆ เวลาที่เค้าอยู่บนเคาเตอร์พอดี
บางทีเราคิดว่าเราโรคจิตหรือป่าวนะ ที่ไปยืนอ่านหนังสือในร้านเค้านานขนาดนั้นเพียงเพราะอยากเห็นหน้า ในใจก็อยากจะคุยทำความรู้จัก แต่ก็ไม่กล้าเพราะเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็น Y หรือป่าว... เราเริ่มไปร้านบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น ซื้อหนังสือนิยายเล่มหนาๆมาอ่าน แต่เอากลับมาวางทับกระดาษซะงั้น จนมีอยู่วันนึงที่เราได้คุยกับเค้าถึงแม้มันจะไม่ใช่บทสนทนาก็ตาม เราถามเค้าว่าหนังสือนิยายเล่มนี้ มีเล่มใหม่อีกไหมเพราะว่า ปกหนังสือเล่มนี้เหมือนดูเก่าๆ เค้าเอาไปเช็คให้แล้วบอกกับเราว่า "เล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายแล้วนะครับ ไม่มีเล่มใหม่แล้ว"พร้อมสายตาที่จ้องมองเราเขม็ง และนั้นคือประโยคและท่าทางที่คืนนั้นเรานึกถึงเค้าทีไรแล้วนอนอมยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว (มโนเนอะ) และก็มีเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่งที่ทำให้เราช็อกที่สุดคือ เราแอบมองเค้า(เช่นเคย)ในขณะที่เค้าเหมือนจะรุ้ตัว เค้าหันขวับ! กลับมาที่เรา จนเราสะดุ้งตัวทำอะไรไม่ถูก รีบหนีออกจากร้านเลยที่เดียว ตอนนั้นเราไม่ได้มาร้านหนังสือเป็นอาทิตย์เลยเพราะ อายมาก แต่สุดท้ายก็เข้าไปใหม่ คิดว่าเค้าคงลืมไปแล้ว 555
เราเคยทำแม้กระทั่ง ส่งจดหมายสมัครงาน เพื่อจะไปสมัครงานตำแหน่งพนักงานร้านขายหนังสือที่เดียวกับเค้า เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆเค้า ได้คุย ได้ทำงานกับเค้า แต่ผลสุดท้าย ทางบริษัทก็ไม่ได้ตอบอีเมล์ที่เราส่งใบสมัครงานกลับมา ตอนหลังเราเลยรู้ว่า ตำแหน่งที่เราสมัครนั้นเต็มแล้ว เพราะเห็นพนักงานหน้าใหม่ๆ ในร้านเยอะแยะ ไปหมด
สุดท้าย เราก็ดีใจนะ เพราะถึงแม้ว่าเราไม่ได้รู้จักเค้า แต่อย่างน้อยก็คิดในแง่ดี ว่าเค้าก็ทำให้เรารักการอ่านหนังสือมากขึ้น จากแต่ก่อนที่เราไม่เคยคิดจะไปซื้อหนังสือเลย เพราะในเน็ตก้หาความรู้ได้เหมือนกัน แต่ก็เพราะเป็นเค้าน่ะแหละ ที่ทำให้เราเปิดโลกใหม่ๆ มีหนังสืออะไรสนุกๆให้เยอะแยะ (รวมทั้งหนังสือที่เคยซื้อมาแล้วทิ้งในบ้านเอาไว้) ต่อจากนี้ไปก็ขอให้นายมีความสุขกับงานที่ทำนะ ยิ้มเยอะๆ กับลูกค้าบ้าง เราจะไปแวะร้านหนังสือของนายบ่อยๆนะ ถ้านายไม่เบื่อขี้หน้าเราซะก่อน แต่...เอ๊ะ นี้ก็ตอนเย็นร้านจะปิดแล้วนี่ พิมม์เพลิน งั้นขอให้ตัวไปร้านหนังสือก่อนนะครับบบ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบครับบบ สวัสดีครับ
[Y] หลงพนักงานร้านหนังสือ
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น เกือบๆเดือนแล้ว มันเริ่มจากที่เรามีความคิดว่าอยากจะหาอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน (เพราะว่าตอนนี้ก็ตกงานมาหลายเดือนแล้ว) ก็เลยมีความคิด ปิ๊ง ! ขึ้นมาว่า เออ น่าจะไปหาหนังสือสร้างแรงบันดาลใจสักเล่มมาอ่าน ก็เลยไปร้านหนังสือแห่งหนึงในห้าง ด้วยความที่เราไม่ได้ไปร้านนี้มานานมากกก ก็เลยสะดุดตาเข้ากับพนักงานคนนึง วินาทีนั้น เราไม่รู้ว่าความรู้สึกของเราชอบหรือหลงเค้านะ เรารู้อย่างเดียวว่าวันนั้น เรายิ้มมีความสุขมากกก ตลอดเวลาที่อยู่ในร้านนั้น ได้เห็นเค้าทำงาน แบกของ จัดหนังสือ รู้สึกว่าเค้าทำงานเก่งจัง ขยันมาก ซึ่งสวนทางกับหน้าตาของเค้าที่เราไม่เคยเห็นเค้ายิ้มเลย ทั้งๆที่เพื่อนร่วมงานของเค้าก็ดูเฮฮาดี หรือว่า เค้าคงจะเหนื่อยมั้ง แต่เราก็ยังแอบมองเค้าอยู่เรื่อยๆ สารภาพเลยว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกปลื้มใครจนอยากทำความรู้จักแบบนี้มาก่อนและเราเองก็ไม่ชอบทำความรู้จักกับใครก่อนด้วยเช้นกัน....
หลังจากวันแรกที่เห็นเค้า ทำให้เราหาเหตุผลให้กับตัวเอง เพื่อที่จะได้ไปร้านหนังสือแห่งนั้นให้ได้ เราไปแทบจะทุกวันตอนเย็นหลังร้านปิด (ที่บ้านเราขายของ) แค่อยากไปให้เห็นหน้าเค้า ทั้งๆที่ในใจก็ค้านตัวเองว่า ไปหาหนังสือดีๆสักเล่มอ่านนะ ไปหาหนังสือทำ Bakery ขาย (ว่างงานไงเลยมีความคิดว่าจะทำขาย) ก็ไปอยู่โซนคู่มือทำอาหารตลอด จริงๆไม่ใช่อะไรหรอก เพราะว่าถ้าเรายืนตรงโซนนั้นจะทำให้เราเห็นหน้าเค้าชัดๆ เวลาที่เค้าอยู่บนเคาเตอร์พอดี
บางทีเราคิดว่าเราโรคจิตหรือป่าวนะ ที่ไปยืนอ่านหนังสือในร้านเค้านานขนาดนั้นเพียงเพราะอยากเห็นหน้า ในใจก็อยากจะคุยทำความรู้จัก แต่ก็ไม่กล้าเพราะเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็น Y หรือป่าว... เราเริ่มไปร้านบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น ซื้อหนังสือนิยายเล่มหนาๆมาอ่าน แต่เอากลับมาวางทับกระดาษซะงั้น จนมีอยู่วันนึงที่เราได้คุยกับเค้าถึงแม้มันจะไม่ใช่บทสนทนาก็ตาม เราถามเค้าว่าหนังสือนิยายเล่มนี้ มีเล่มใหม่อีกไหมเพราะว่า ปกหนังสือเล่มนี้เหมือนดูเก่าๆ เค้าเอาไปเช็คให้แล้วบอกกับเราว่า "เล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายแล้วนะครับ ไม่มีเล่มใหม่แล้ว"พร้อมสายตาที่จ้องมองเราเขม็ง และนั้นคือประโยคและท่าทางที่คืนนั้นเรานึกถึงเค้าทีไรแล้วนอนอมยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว (มโนเนอะ) และก็มีเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่งที่ทำให้เราช็อกที่สุดคือ เราแอบมองเค้า(เช่นเคย)ในขณะที่เค้าเหมือนจะรุ้ตัว เค้าหันขวับ! กลับมาที่เรา จนเราสะดุ้งตัวทำอะไรไม่ถูก รีบหนีออกจากร้านเลยที่เดียว ตอนนั้นเราไม่ได้มาร้านหนังสือเป็นอาทิตย์เลยเพราะ อายมาก แต่สุดท้ายก็เข้าไปใหม่ คิดว่าเค้าคงลืมไปแล้ว 555
เราเคยทำแม้กระทั่ง ส่งจดหมายสมัครงาน เพื่อจะไปสมัครงานตำแหน่งพนักงานร้านขายหนังสือที่เดียวกับเค้า เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆเค้า ได้คุย ได้ทำงานกับเค้า แต่ผลสุดท้าย ทางบริษัทก็ไม่ได้ตอบอีเมล์ที่เราส่งใบสมัครงานกลับมา ตอนหลังเราเลยรู้ว่า ตำแหน่งที่เราสมัครนั้นเต็มแล้ว เพราะเห็นพนักงานหน้าใหม่ๆ ในร้านเยอะแยะ ไปหมด
สุดท้าย เราก็ดีใจนะ เพราะถึงแม้ว่าเราไม่ได้รู้จักเค้า แต่อย่างน้อยก็คิดในแง่ดี ว่าเค้าก็ทำให้เรารักการอ่านหนังสือมากขึ้น จากแต่ก่อนที่เราไม่เคยคิดจะไปซื้อหนังสือเลย เพราะในเน็ตก้หาความรู้ได้เหมือนกัน แต่ก็เพราะเป็นเค้าน่ะแหละ ที่ทำให้เราเปิดโลกใหม่ๆ มีหนังสืออะไรสนุกๆให้เยอะแยะ (รวมทั้งหนังสือที่เคยซื้อมาแล้วทิ้งในบ้านเอาไว้) ต่อจากนี้ไปก็ขอให้นายมีความสุขกับงานที่ทำนะ ยิ้มเยอะๆ กับลูกค้าบ้าง เราจะไปแวะร้านหนังสือของนายบ่อยๆนะ ถ้านายไม่เบื่อขี้หน้าเราซะก่อน แต่...เอ๊ะ นี้ก็ตอนเย็นร้านจะปิดแล้วนี่ พิมม์เพลิน งั้นขอให้ตัวไปร้านหนังสือก่อนนะครับบบ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบครับบบ สวัสดีครับ