ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจ้า ตอนนี้เปลี่ยนเพจใหม่
อย่าลืมไปเป็นกำลังใจให้หญิงปุ๊กได้ที่เพจหญิงปุ๊ก พาเที่ยว

https://www.facebook.com/yingpookpateaw

ถ้าชอบกดไลท์ ถ้าใช่กดแชร์ด้วยเด้อค่ะ มีคำถามส่งหน้าไมค์หลังไมค์มาโลด
ส่งไปที่เพจจะตอบได้เร็ว เพราะเฟสมันมีแจ้งเตือนจ้า ติ้งๆๆ


เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา เป็ดปุ๊กโชคดีมากๆๆ ได้มีโอกาสไปฉลองปีใหม่ที่โรงแรม Burj Al Arab หรือโรงแรมเรือใบ หนึ่งในสัญลักษณ์ของดูไบ ค่ะ

ซึ่งโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่หรูที่สุดในโลก 7 ดาว คิดว่าชีวิตนี้ขอไปเหยียบสักครั้งก็สุดยอดแล้วค่ะ วันนี้เลยจะนำภาพความหรูเลิศอลังการ และความประทับใจมาให้ชมกัน แต่ขอออกตัวก่อนว่า ภาพที่ถ่ายมา อาจจะไม่ได้สวยมาก และไม่ครบ เพราะทีแรกไม่ได้ตั้งใจจะมารีวิว
เพิ่งมาทำรีวิววันนี้ เลยถ่ายแบบไปเที่ยวตามปกติจ้า มีแต่ภาพตัวเองทั้งนั้นเลย

แล้วก็ขออภัยที่อาจจะไม่ได้บรรยายอะไรมาก 555 เป็ดปุ๊กไม่สันทัดค่ะ รายละเอียดมันเยอะมากจริงๆ

ปล. แต่ว่าเพิ่งได้ไปอีกครั้งนึงเมื่อต้นกุมภาพันธ์ เพราะทางโรงแรมแจกห้องพักฟรี 1 คืนเป็น Complimentary ก็ดีใจมากๆ ค่ะ ผังห้องนอนแบบเดิม แต่เฟอร์นิเจอร์เปลี่ยนลาย ไม่เหมือนกันค่ะ แต่คล้ายๆ จึงไม่ได้นำมาลงค่ะ เลยถือโอกาสไปพักโรงแรม Atlantis, the Palm ไปด้วยค่ะ ไว้รอชมรีวิวหน้ากันนะคะ


เริ่มเลยดีกว่า ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย ค่ะ

บุรจญ์อัลอาหรับ (อาหรับ: برج العرب‎; Burj al-Arab) เป็นโรงแรมที่หรูหราในนครรัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความสูง 321 เมตร หรือ 1,050 ฟุตและยังสูงเป็นอันดับ 32 ของโลก ตึกบุรจญ์อัลอาหรับ ตั้งอยู่บนเกาะที่ถูกถมขึ้นห่างจากชายฝั่งจูไมราบีช 280 เมตรและเชื่อมต่อด้วยสะพานที่มีลักษณะโค้ง ตึกบุรจญ์อัลอาหรับ มีลักษณะโครงสร้างการออกแบบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบและตัวอาคารเลียนแบบมาจากใบของเรือใบ

การก่อสร้างของตึกบุรจญ์อัลอาหรับเริ่มต้นก่อสร้างในปี ค.ศ.1994 แล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542 มันถูกสร้างให้เหมือนกับใบเรือของเรือใบแบบชาวอาหรับซึ่งตัวตึกมีเสา 2 เสาแยกออกมาเป็นรูปตัวV ในขณะที่ช่องว่างระหว่างตัว V ส่วนหนึ่งก็ปิดให้เป็นห้องใหญ่ ๆ และแบ่งออกเป็นชั้น ๆ สถาปนิกบอกว่า “สิ่งก่อสร้างนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของดูไบซึ่งก็เหมือนกับ โอเปร่า เฮาส์ที่เป็นสัญลักษณ์ของนครซิดนีย์ หรือ หอไอเฟลที่เป็นสัญลักษณ์ของนครปารีส และมันก็ต้องการที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเช่นกัน”

ห้องในโรงแรมในบุรจญ์อัลอาหรับมีลักษณะเป็นห้องสวีตคู่ 202 ห้อง โดยห้องที่เล็กสุดมีขนาด 169 ตร.ม. (1,819 ตร.ฟุต) และห้องใหญ่สุดมีขนาด 780 ตร.ม. (8,396 ตร.ฟุต)

ข้อมูลจากเว็บ booking
ห้องสวีทแต่ละห้องตกแต่งด้วยแพรพรรณหรูหราในโทนสีอบอุ่น ผู้เข้าพักสามารถมองเห็นทัศนียภาพ Arabic Gulf รอบด้าน อีกทั้งยังมีพื้นที่รับประทานอาหารที่กว้างขวางซึ่งสามารถจุแขกได้จำนวน 4-6 ท่าน

Al Mahara เป็นห้องอาหารขึ้นชื่อของ Burj Al Arab ให้บริการอาหารทะเลเมนูที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ โดดเด่นด้วยผนังกระจกกว้างพร้อมวิวโลกใต้น้ำ The Sky View Bar เป็นบาร์ที่ยื่นออกจากตัวอาคารที่ความสูง 200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ห้องอาหาร Al Muntaha เหมาะสำหรับการจิบค็อกเทลและชายามบ่าย

ผู้เข้าพักสามารถใช้บริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการต่าง ๆ นอกจากนี้ Burj Al Arab ยังมีบริการเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก บริการขนส่ง และทางเข้าชายหาดของที่พักซึ่งมีร่มกันแดดและเก้าอี้อาบแดดนั่งสบายไว้คอยบริการท่าน

Burj Al Arab มีกิจกรรมกีฬาทางน้ำมากมายที่ Wild Wadi Waterpark ซึ่งห่างออกไปโดยใช้เวลาเดินข้ามสะพานเชื่อมเกาะเพียง 5 นาที Souk Madinat Jumeirah ห่างจากที่พักโดยใช้เวลาเดินเพียง 15 นาที

========
ความรู้สึกส่วนตัว

ชื่อเสียงของโรงแรม Burj Al Arab ก็คือความหรูมากๆ และการบริการที่ดีเลิศมากๆ ค่ะ
การตกแต่งสถานที่ก็อลังการงานสร้างอย่างชัดเจน ทองอร่าม สวยงาม เว่อร์จริงๆ เลย การจัดพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน และสะดวกมาก
ส่วนด้านการให้บริการ พนักงานทำงานแบบมืออาชีพมากๆ ค่ะ ดูแล และให้เกียรติแขก แบบแขกเป็นบุคคลสำคัญ วีไอพีมากๆ
ยิ้มแย้ม ทักทาย ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ สังเกตุหาวิธีเซอร์ไพรส์ เดี๋ยวเอานู่นเอานี่มาให้
ถามตลอดว่าให้ช่วยอะไรไหม ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม แล้วก็อวยพรให้ Enjoy Enjoy
กดลิฟท์ให้ ถ้าถามทาง ก็พาเดินไปเลย ถ้าตักอาหารบุฟเฟ่ต์ ถือจานมาที่โต๊ะ บางคนก็ช่วยถือให้
พนักงาน Reception หน้าร้านอาหารก็จะพยายามเรียกชื่อเรา ซึ่งยากมากๆ 555 นามสกุลคนไทยย้าวยาว ได้หัวเราะกันคิกคักๆ ตลอด
เพราะเค้าพยายามจะเรียกให้ถูกค่ะ คือสรุปเค้าแบบพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้การบริการแบบมืออาชีพหน่ะค่ะ
ทำให้แขกประทับใจ และมีความสุขมากๆ และจดจำตลอดช่วงเวลาการพักอยู่ที่นี่ค่ะ

========
รีวิว

เนื่องจากโรงแรมเรือใบนี้ ตั้งอยู่บนเกาะ ที่เชื่อมด้วยสะพานเข้ากับแผ่นดินใหญ่ ฉะนั้นก่อนที่จะเข้าไป เราจะต้องผ่านรปภ เช็คก่อนว่า
เรามีใบจองโรงแรม หรือร้านอาหารภายในโรงแรมหรือไม่ ถ้าไม่มี เค้าไม่ให้เข้าค่ะ มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
และจำกัดจำนวนคน เพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกค่ะ

พอเข้าไปจอดหน้าโรงแรม จะมีพนักงานจัดการกระเป๋าให้ และเราเดินเข้าไปในล็อบบี้
ซึ่งจะมีพนักงานสามคน มาคอยยืนต้อนรับ พร้อมกล่าวทักทายสวัสดีชื่อเรา
(Security ด้านหน้าวอร์มาบอกพนักงานต้อนรับให้ต้อนรับแขก) พร้อมเตรียมผ้าเย็น เครื่องดื่ม และขนมเล็กน้อยไว้ให้ค่ะ

พนักงานจะพาชมโรงแรม พร้อมแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงห้องอาหารต่างๆ ค่ะ

นี้คือบริเวณหน้าล็อบบี้ มีตุ๊กตาทหาร เท่ห์มาก เป็นน้ำพุ เต้นระบำ ประกอบเสียงเพลง หมีก็เต้นๆ ขยับได้ ใครๆ ก็ต้องมาหยุดถ่ายรูปค่ะ
รูปทหารนี้จะมีเฉพาะช่วงวันคริสมาสต์และปีใหม่นะคะ เทศกาลอื่นก็จะเปลี่ยนแปลงไปค่ะ อย่างเช่นวาเลนไทน์ ก็จะเป็นรูปหัวใจสีชมพู
หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับก็จะพาเราเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2
จะสังเกตุว่าข้างๆ บันไดเลื่อน เป็นตู้ปลาใหญ่ๆ ค่ะ มีปลาการ์ตูนสวยงามว่ายอยู่เต็มไปหมด


เราก็จะเดินทางร้านอาหาร ขึ้นลิฟท์ จนมาถึงห้องพักนะคะ ซึ่งแต่ละชั้น จะมีบัทเลอร์ของชั้นนั่งอยู่ด้านหน้าทางเข้า
ซึ่งคอยดูแลแขกตลอด 24 ชม. มีอะไรก็โทรสอบถาม หรือขอความช่วยเหลือได้

ห้องนอนของเป็ดปุ๊ก เป็นแบบ One Bedroom Suite ห้องเล็กสุด แต่ก็กว้างมากกกกกกอยู่ดี มีสองชั้นค่ะ
พอเข้าไป เราจะอุทานว่า วะวะวะ ว้าวววว... อุ๊ต๊ะๆๆ หรู เลิศ อลังการ ไฮโซ ฟิน อยู่ในใจ
แต่ภายนอกต้องสงบ และยิ้มค่ะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราไม่เคย (ก็ไม่เคยจริงๆ นี่ 555)
วิวกระจกหน้าต่างเต็มบาน เป็นวิวทะเล เห็น The Plam สวยๆ ค่ะ
พนักงานต้อนรับก็เชิญเรานั่ง ทำเอกสารเช็คอิน ขอพาสปอร์ต บัตรเครดิต
หลังจากนั้นบัทเลอร์ก็จะเข้ามาแนะนำตัว อธิบายสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พาชมชั้นบนชั้นล่าง
อะไรฟรี อะไรเสียเงิน 555 มีแชมเปญตอนรับกับขนมเล็กน้อย มีน้ำแร่ขวดไฮโซฟรีให้ หนึ่งขวดค่ะ ถ้าไม่บอก ก็คงไม่กล้าหยิบ



พอเปิดประตูเข้าไป ด้านขวามือ จะเป็นโต๊ะทำงาน มีคอมแมคและอินเตอร์เน็ต เครื่องถ่ายเอกสาร และแฟ็กซ์พร้อม
มีฟรี wifi ไม่ต้องใส่รหัสทั่วบริเวณอยู่แล้ว โทรศัพท์จะมีหน้าจอ สามารถกดเปิดปิดล็อคของประตูได้
เวลาที่มีคนมากดกริ่ง เราจะสามารถเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่หน้าประตู และปลดล็อคให้เลย ไฮโซจังเลยนะฮะ

แล้วก็ระบบไฟของที่นี่ จะมี 4 ระดับนะคะ คือสว่างมาก ปกติ สว่างน้อย และปิด เราก็เลือกโหมดกันตามอัธยาศัย
อยากเห็นทองกันชัดๆ ก็จ้าหน่อย อยากโรแมนติคกุ๊กกิ๊กๆ ก็ขอสลัวๆ พอ 555



ถัดไปเป็นบาร์เครื่องดื่ม ภายในตู้ก็จะมีตู้เย็น เครื่องทำกาแฟซ่อนไว้


บริเวณถัดทานอาหาร จะมีผลไม้ให้เต็มถาดเลยค่ะ ในส่วนของทีวี ก็จะมีข้อความต้อนรับ ชื่อของเป็ดปุ๊ก แล้วรีโมททีวีก็เอาไว้คุมเปิดปิดผ้าม่านด้วย




ห้องน้ำด้านล่าง จะมีแค่อ่างล้างหน้า และสุขภัณฑ์ 555 ทองอร่ามเชียว มีโถล้างก้นด้วย ฮ่าๆ แปลกๆ โถนี้จะหันหน้าเข้า หรือหันหลังออกดีน้อ


ส่วนของบันได โค้งขึ้นไปสวยงาม ปูพรม เวลาขึ้นลงไม่มีเสียงตึกตักๆ ค่ะ ด้านใต้บันไดเป็นห้องเก็บของเล็กๆ
และทุกท่านแอบเห็นนาฬิกาก็ไหมคะ เป็นสปอร์ตไลท์ส่องไปที่กำแพงนะ อาร์ทมากๆ




ตรงนี้คล้ายๆ จะเป็น walk-in closet ค่ะ ก็มีอุปกรณ์พร้อม ชุดอาบน้ำ รองเท้า ด้านขวาจะเป็นที่วางกระเป๋าเดินทาง


ในส่วนของห้องน้ำใหญ่ กระจกบานใหญ่ดีค่ะ ทำให้ห้องดูกว้าง แล้วก็อุปกรณ์ในห้องน้ำเป็นของ Hermes สองชุด แบ่งเป็นของหญิงกับชายค่ะ


อ่างจากุชชี่ กว้างมาก ลงได้หลายๆ คนเลยนะ ระบบนวด น้ำจะเบาๆ นิ่มนวล ไม่ค่อยแรง


ตู้อาบน้ำ สามารถเลือกการไหลของน้ำ ว่าอยากจะให้มาจากด้านบน ฝักบัว หรือนวดๆ หลังจากกำแพงค่ะ


มีที่นั่งรอด้วย เก๋ๆ นั่งรออีกคนอาบน้ำ 555


อุปกรณ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดค่ะ ตรงอ่างมีสบู่ฟองฟู่ด้วยนะ




ถัดมาอีกห้องนึงก็เป็นห้องนอนแล้วจ้า เตียงใหญ่มากๆ นุ่มสบายดี ผ้าห่มที่นี่ก็นุ้มนุ่ม หัวเตียงมีปลั๊กไฟ สวิสซ์เปิดปิดไฟอยู่ด้านข้าง
ด้านบนเป็นกระจก ทีแรกเห็นโอ้มายก็อดมากค่ะ เพราะเราจะเห็นสภาพตัวเองนอนอืดๆ แบนๆ หน่อยค่ะ
อุ๊ย.. หน้าบาน และตัวใหญ่จัง 555 สงสัยกระจกหลอกแน่ๆ เลย เป็ดปุ๊กมั่นใจ



ตรงนี้เป็นตู้ทีวีนะคะ พอเรากดรีโมทปุ๊บ ทีวีก็จะโผล่ แต่นแตนแต้น ขึ้นมา มีชื่อเราขึ้นหน้าจอ และก็รายการทีวีต่างๆ นะคะ แต่ไม่ได้ดูเลย
ดูวิวๆ ดีกว่า วิวตรงนี้เป็นทะเล และหมู่เกาะต้นปาล์มจ้ะ ท้ายเกาะริมขวามือตึกใหญ่ๆ ก็คือ โรงแรม Atlantis นั่นเอง


ทัวร์ห้องครบแล้ว เราก็ลงมาชิมขนมในกล่องรูปเรือใบ ก็อร่อยดีค่ะ ชิมๆๆ แล้วก็พอดีเป็นช่วงพระอาทิตย์ตก
แสงที่ส่องเข้ามาในห้องสวยมากๆ เลย สีทองอร่ามจริงๆ ค่ะ วู้วววว